จากใจซีอีโอเทครายหนึ่ง ที่เป็นผู้ใช้งาน AI อย่างเต็มตัว เผย Generative AI อาจก่อให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย หลังเข้ามาแทนที่งานของมนุษย์..โดยเฉพาะเหล่าพนักงานออฟฟิศ
"ปริมาณมหาศาลของแรงงานกลุ่มนี้ กำลังจะถูกแทนที่ด้วย AI และจะนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยในที่สุด"
จากการสัมภาษณ์ในพอดแคสต์ The Times Tech ทาง Sebastian เผยมีหลายคนในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี โดยเฉพาะบรรดาซีอีโอ มักจะมองข้ามผลกระทบของ AI ที่มีต่องาน จากการผลักดันให้มี AI แทนที่มนุษย์อย่างรวดเร็ว โดยไม่มีทีท่าว่าจะแผ่วลงเลย
"ผมไม่ต้องการเป็นหนึ่งในนั้น"
Sebastian เผยไม่เห็นด้วยกับเทรนด์ดังกล่าว และมองว่าผลกระทบในลักษณะนี้ มักจะนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยอย่างน้อยในระยะสั้น และซีอีโอเหล่านั้นก็คงไม่ได้คิดถึงผลที่ตามดังกล่าวด้วย
Sebastian กล่าวอย่างปวดใจ พร้อมเผยข้อมูลอีกอย่างด้วยว่า ในเกือบทุก ๆ วันนั้น ตนเองได้รับอีเมลจากซีอีโอของบริษัทเทคโนโลยีหรือบริษัทขนาดใหญ่ ที่บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า AI สร้างโอกาสในการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และอยากจะแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน ซึ่งหากลองนำอีเมลทั้งหมดนั้นมารวมกัน แล้วนับจำนวนตำแหน่งงานที่อยู่ในอีเมลเหล่านั้น มันคงเป็นจำนวนที่มหาศาลมาก
อย่างไรก็ตาม Sebastian ก็มองด้วยว่าเป็นโอกาส เพราะหลังจากนี้ AI จะส่งผลให้หลายคนต้องเพิ่มทักษะให้สูงขึ้น โดยเฉพาะบางงานที่มนุษย์ยังคงได้รับการปกป้องอยู่ หรือ AI เข้ามาแทนที่ไม่ได้จริง ๆ
สำหรับที่มาที่ไปจริง ๆ ของการออกโรงเตือนครั้งนี้ ก็มาจากตัว Sebastian เอง โดยในปี 2023 ที่ผ่านมา ก็เคยนำ AI มาแทนที่ตำแหน่งงานของมนุษย์มาแล้ว จนมีการลดพนักงานของบริษัทลงเกือบครึ่ง จาก 3,800 คน เหลือเพียง 2,000 คน พร้อมยังกล่าวกับพนักงานที่เหลืออยู่ด้วยว่า จะต้องใช้ AI ทำอะไรให้ได้มากขึ้น ด้วยทรัพยากรที่น้อยลง
ทว่าหลังจากนั้น Sebastian พบแชทบอท AI ที่เคยเข้ามาแทนที่มนุษย์ นั้น กลับให้คุณภาพต่ำกว่า และพบอีกว่าลูกค้าบริษัทจำนวนมาก ยังต้องการทางเลือกที่จะได้พูดคุยกับมนุษย์หากจำเป็น
ท้ายนี้ Sebastian ไม่ใช่ซีอีโอเพียงคนเดียวที่ออกมาส่งสัญญาณเตือนถึงเรื่องนี้ เมื่อเดือนที่แล้ว Dario Amodei ซีอีโอของบริษัท AI อย่าง Anthropic ก็กล่าวว่า AI อาจกำจัดงานระดับเริ่มต้น (entry-level) ของกลุ่ม white-collar ราวครึ่งหนึ่งภายใน 5 ปีข้างหน้า ซึ่งจะนำไปสู่การพุ่งขึ้นของอัตราการว่างงานถึง 20% ทั่วโลกเลยก็เป็นได้