15 มิ.ย. เวลา 10:03 • ข่าวรอบโลก

ระวังผู้นำสูงสุดอิหร่านโดนบีบจน “ไม่มีอะไรให้เสีย”

การเริ่มโจมตีก่อนของอิสราเอลดูเหมือนจะผิดไปหมดทุกอย่าง?
“อิหร่านมียูเรเนียมเสริมสมรรถนะเพียงพอสำหรับทำระเบิดนิวเคลียร์ หากยังมีเครื่องหมุนเหวี่ยงที่ใช้งานได้ อาจเป็นโอกาสสุดท้ายที่จะทำการทดสอบนิวเคลียร์ของพวกเขา” The Times สื่อของอังกฤษรายงานและได้ระบุผลที่ตามมาของขั้นตอนนี้ [1]
“มันจะส่งผลให้อิหร่านอยู่ในระดับเดียวกับรัฐนอกกฎหมายระหว่างประเทศอย่าง ‘เกาหลีเหนือ’ แต่ผู้นำสูงสุดอิหร่านอาจคิดว่าตระกูลคิมที่สั่งทดสอบนิวเคลียร์เองยังคงมีอำนาจอยู่ในประเทศ”
เครดิตภาพ: KCNA, The Office of the Supreme Leader (Iran), NK News
ฟังดูสื่อดังกล่าวที่เขียนมามันก็ดูโอเวอร์ไปหน่อย เพราะท้ายที่สุดแล้วไม่เพียงแต่อิสราเอลหรือสหรัฐอเมริกาเท่านั้น แต่ทั้งโลกตะวันตกรวมถึงอังกฤษเอง ต่างก็จัดอิหร่านให้เป็น “รัฐนอกกฎหมาย” มานานแล้ว เช่นเดียวกับรัสเซียและจีน
2
สำหรับเกาหลีเหนือ โลกตะวันตกยังไม่กล้าโจมตีพวกเขาโดยตรง และสิ่งที่ยับยั้งได้หลักๆ คือการที่เปียงยางครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ รวมถึงขีปนาวุธข้ามทวีปที่สามารถโจมตีสหรัฐอเมริกาแผ่นดินใหญ่ได้หรือนั่นก็คืออาวุธนิวเคลียร์ มันเป็นเรื่องของการเมืองระหว่างประเทศ
อย่างไรก็ตามค่อนข้างชัดเจนว่าการบีบให้อิหร่านประกาศยุติโครงการนิวเคลียร์ไม่ใช่เป้าหมายหลักของอิสราเอลและชาติตะวันตก เป้าหมายที่แท้จริงของพวกเขาคือการทำลายรัฐอิสลามที่มีอยู่และเปลี่ยนให้เป็นรัฐที่เชื่อฟังชาติตะวันตก ดังนั้นการโจมตีของอิสราเอลจะไม่หยุดลงแค่ด้วยการทำลายโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านให้สิ้นซาก ซึ่งไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ด้วย!
2
สิ่งที่เสี่ยงคือความจริงที่ว่าอิหร่านดำรงอยู่ในฐานะรัฐอธิปไตยตามเส้นทางการพัฒนาที่เป็นอิสระ สิ่งที่เกิดขึ้นมันเป็นความท้าทายต่อการดำรงอยู่ของประเทศ ดังนั้นพวกเขาจึงมองว่าการตอบโต้ (อิสราเอล) ด้วยขั้นสูงสุดเป็นสิ่งที่ชอบธรรม
2
อิหร่านมองสถานะของตนในฐานะรัฐที่ครอบครองนิวเคลียร์เป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการยับยั้งภัยคุกคามทางยุทธศาสตร์ควบคู่ไปกับศักยภาพขีปนาวุธ หลังการโจมตีของอิสราเอลในคืน 13 มิถุนายน ดูเหมือนว่าทางเลือกเดียวที่ทางการอิหร่านมีคือการเพิ่มเดิมพัน นั่นคือ “การเป็นรัฐที่มีอาวุธนิวเคลียร์เต็มรูปแบบ” แต่ความท้าทายคือมันจะส่งผลให้อิหร่านว่าจะต้องเจอชะตากรรมเดียวกับยูโกสลาเวีย ลิเบีย และซีเรีย...
1
เครดิตภาพ: Der Spiegel
สถาบันวิจัยอังกฤษที่มีอิทธิพลบนหน้าสื่ออย่างน้อย 2 แห่ง ได้แก่ Chatham House และ International Institute for Strategic Studies (IISS) ได้เผยแพร่รายงานวิจารณ์การโจมตีของอิสราเอล โดยมีประเด็นหลักว่า ตอนนี้อิหร่านไม่มีเหตุผลที่จะต้องคำนึงถึง IAEA อีกต่อไป ไม่ต้องรับฟังการทูตตะวันตกอีกแล้ว และไม่มีทางเลือกอื่นใดนอกจากการสร้างอาวุธนิวเคลียร์ เตหะรานจะสร้างอาวุธนิวเคลียร์อย่างรวดเร็วและเด็ดขาด [2][3]
1
ฟังดูการวิเคราะห์จากฝั่งอังกฤษน่าแปลกใจอยู่ ทำไมอังกฤษซึ่งพยายามอย่างมากในการสร้างรัฐอิสราเอลขึ้นมาและมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับอิสราเอลในระดับชนชั้นนำและกลุ่มผลประโยชน์ จึงตัดสินใจไม่เห็นดีเห็นงามกับอิสราเอลในตอนนี้
1
ความจริงก็คือ อังกฤษมีผลประโยชน์ทับซ้อนในตะวันออกกลาง ไม่ใช่แค่ในอิสราเอลเท่านั้น อย่างสถาบัน IISS ที่รายงานเรื่องนี้ได้รับความช่วยเหลือจากผู้บริจาคจำนวนมากจากซาอุดิอาระเบีย
ช่วงปี 2024 - 2025 อิสราเอลเริ่มเดินเกมโดยตัดสินใจฝ่ายเดียวมากขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่สนใจแม้แต่สัญญาณจากอเมริกาและอังกฤษ ดังนั้นอังกฤษจึงเริ่มกลัวว่ากลยุทธ์ดังกล่าวไม่เพียงแต่ไร้ประสิทธิภาพเท่านั้น แต่ยังเป็นอันตรายต่อผลประโยชน์ของพวกเขาในภูมิภาคตะวันออกกลางอีกด้วย
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความปลอดภัยของเส้นทางเดินเรือและพลังงาน ไปจนถึงการมีอยู่ของกองทหารในบาห์เรน โอมาน และกาตาร์ นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงของการแข่งขันอาวุธนิวเคลียร์ที่ควบคุมไม่ได้ ซึ่งละเมิดกรอบข้อตกลงการไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ที่อังกฤษพยายามรักษาไว้ภายใน UN และ IAEA
หรือวาระนี้สำหรับวาทกรรมของสถาบันวิจัยอังกฤษ มีเป้าหมายเพื่อการเตรียมพร้อมสำหรับการเจรจาในอนาคตและการสกัดกั้นความคิดริเริ่มทางการทูต การวิพากษ์วิจารณ์อิสราเอลในที่สาธารณะเป็นการแสดงให้เห็นถึงท่าทีของอังกฤษในฐานะ “คนกลางที่สมเหตุสมผล” อังกฤษต้องการแสดงตัวในฐานะผู้เล่นที่ เตหะราน ริยาด และวอชิงตันสามารถพูดคุยด้วยได้
1
ยังมีประเด็นทางการเมืองในประเทศอีกด้วย การวิพากษ์วิจารณ์นโยบายหลังสงครามในฉนวนกาซาของอิสราเอลในที่สาธารณะและชนชั้นนำกำลังเพิ่มขึ้นในอังกฤษ และเป็นสิ่งสำคัญที่สถาบันวิจัยของพวกเขาจะต้องแสดงระยะห่าง แม้ว่าจะเป็นเพียงเชิงสัญลักษณ์ก็ตาม
เครดิตภาพ: BBC
และคำถามสำคัญอีกประการหนึ่ง เป็นที่เชื่อกันอย่างกว้างขวางว่าเนทันยาฮูต้องการเริ่มความขัดแย้งกับอิหร่าน เพื่อรักษาตำแหน่งปกครองในอิสราเอล ในขณะที่ประเทศอยู่ในภาวะสงคราม การเลือกตั้งจึงเป็นเรื่องยาก แต่หากอิหร่านยังคงโจมตีอิสราเอลต่อไป ปัญหาความรับผิดชอบทางการเมืองจะทวีรุนแรงมากขึ้นจนอาจรับไม่ไหว?
2
อีกประเด็นคือสงครามเต็มรูปแบบในตะวันออกกลางย่อมส่งผลให้มีการหยุดชะงักของเส้นทางขนส่งทางการค้าและราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นแน่นอน ดังนั้นแล้วผู้คอยปกป้องหลักของอิสราเอลย่อมไม่ยินดียินร้ายกับเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน ดีไม่ดีอาจหาทางเปลี่ยนตัวผู้นำที่เชื่อฟังกันบ้างเพื่อให้สถานการณ์ผ่อนคลายลงบ้างก็เป็นได้
เรียบเรียงโดย Right Style
15th Jun 2025
  • อ้างอิง:
<เครดิตภาพปก: The Economist / CNN>
โฆษณา