15 มิ.ย. เวลา 10:46 • หนังสือ

The Time Keeper บุรุษผู้นับเวลา

The Time Keeper ซึ่งใช้ชื่อไทยว่า #บุรุษผู้นับเวลา พิมพ์โดย Amarin HOW-TO เป็นหนังสือที่เห็นผ่านตาแล้วรู้สึกสนใจมาก แต่ด้วยความที่ตีพิมพ์มาหลายปีแล้ว ทำให้หาซื้อได้ไม่ง่ายเท่าไหร่ แม้ว่าจะเป็นมือสองก็ตาม โชคดีที่เมื่อ 2 ปีก่อนบังเอิญไปเจอคนเอามาลงขายใน Shopee ตั้งราคาสูงกว่าปกนิดหน่อย ไอ้เราก็อยากลองอ่านสักครั้งเลยซื้อเก็บไว้ แต่เพิ่งมีโอกาสหยิบอ่านก็ตอนนี้ 🤣
เล่มนี้จะเล่าถึงชีวิตของ "ดอร์" ชายที่มีชีวิตอยู่ในยุคที่มนุษย์ทั่วโลกยังพูดภาษาเดียวกัน สมัยนั้นผู้คนไม่รู้จักคำว่า "เวลา" พวกเขาต่างก็ใช้ชีวิตของตนไปตามจังหวะของธรรมชาติ ตื่นเมื่ออาทิตย์ขึ้น เข้านอนเมื่ออาทิตย์ตก แต่ดอร์ไม่เหมือนใคร เขาชื่นชอบการนับและวัดทุกสิ่งรอบตัวตั้งแต่ยังเป็นเด็ก เมื่อโตขึ้นดอร์ก็เฝ้าสังเกตความเป็นไปของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ จนกระทั่งในที่สุดเขาก็วัดเวลาได้สำเร็จ และสร้างนาฬิกาเรือนแรกขึ้นมา
ด้วยเหตุนี้พระเจ้าจึงจองจำเขาเอาไว้ในถ้ำ เพื่อให้คอยรับฟังเสียงร้องขอเวลาจากทุกคนบนโลกที่ชีวิตต้องเปลี่ยนไปเพราะสิ่งที่เขาสร้าง ครั้นเมื่อเวลาผ่านไปหลายพันปี พระเจ้าได้ส่งดอร์กลับไปยังโลกเพื่อตามหาคนสองคน หนึ่งคือ "ซาราห์" เด็กสาวที่ต้องการเวลาน้อยเกินไป และอีกหนึ่งคือ "วิกเตอร์" ชายชราผู้ร่ำรวยที่ต้องการเวลามากเกินไป ทางเดียวที่ดอร์จะได้เป็นอิสระอีกครั้งคือเขาต้องทำให้ทั้งคู่ตระหนักได้ว่าคุณค่าของเวลาคืออะไร ⏱️
เมื่อเริ่มต้นขึ้นแล้ว ความปรารถนานี่จะไม่สิ้นสุด มีแต่จะเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จนเจ้านึกไม่ถึง
เวลาหลายสหัสวรรษที่ดอร์ติดอยู่ในถ้ำ เสียงจากโลกที่ดังมาถึงเขานั้นล้วนแสดงให้เห็นว่ามนุษย์ไม่เคยรู้สึกพึงพอใจกับเวลาของตนเลย พวกเขาทุกคนต่างรู้สึกว่าเวลาวิ่งเร็วเกินไป และต้องการเวลาที่มากกว่านี้ พวกเขาเริ่มหาวิธีในการที่จะทำให้ได้เวลาเพิ่มขึ้น เสาะหาหนทางที่สามารถทำให้ทำสิ่งต่างๆเสร็จไวขึ้น และตั้งชื่อให้มันว่า "การมีประสิทธิภาพ" บอกตัวเองว่าพวกเขากำลังเติมเต็มเวลาในแต่ละชั่วโมงอย่างคุ้มค่าที่สุด
แต่ถึงอย่างนั้นมันกลับไม่เคยทำให้พวกเขาพึงพอใจได้เลย ยิ่งพวกเขาใช้ชีวิตอย่างมีประสิทธิภาพมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งกระหายอยากจะทำสิ่งต่างๆเพ่ิมมากขึ้นเท่านั้น พวกเขามัวแต่รุดไปข้างหน้า ใช้ชีวิตอย่างเร่งรีบ จนหลงลืมวิธีที่จะมีความสุขกับการดำเนินชีวิตที่เรียบง่าย ลืมว่าการหยุดมองช่วงเวลาที่ดวงอาทิตย์ตกมันช่างน่าอัศจรรย์ใจเพียงใด
บทเรียนหนึ่งที่ดอร์ได้ตระหนักจากการถูกจองจำก็คือ "เมื่อคุณวัดชีวิต คุณก็จะใช้ชีวิตไม่ได้" มนุษย์นั้นอยากจะเอาชนะเวลามากเสียจนยอมจ่ายด้วยความว่างเปล่าของชีวิตตน ซึ่งมันเป็นการแลกเปลี่ยนที่ไม่คุ้มเอาเสียเลย เพราะท้ายที่สุดแล้วก็ไม่มีใครสามารถเป็นเจ้าของเวลาได้อยู่ดี สิ่งที่เดียวที่เราเป็นเจ้าของก็คือชีวิตของตัวเองต่างหาก แล้วทำไมเราถึงต้องละทิ้งมันเพื่อสิ่งที่ไม่มีวันได้มาด้วยล่ะ?
ไม่มีสิ่งพิเศษกับกาลเวลาอันไร้ที่สิ้นสุดหรอกนะ ถ้าไม่มีการสูญเสียหรือการยอมเสียสละ เราก็จะไม่เห็นคุณค่าในสิ่งที่เรามี
วิกเตอร์คือชายที่ร่ำรวยเป็นอันดับที่ 14 ของโลก เขาไม่เคยยอมแพ้ให้กับสิ่งไหน และเมื่อรู้ตัวว่าตนเป็นมะเร็งที่ไม่สามารถรักษาได้ เขาก็ยังยืนยันที่จะไม่ยอมแพ้ต่อความตาย วิกเตอร์ปรารถนาที่จะมีชีวิตอยู่ไปตราบนานเท่านาน เพื่อขยายความยิ่งใหญ่ของตนออกไปให้ได้มากที่สุด ด้วยเหตุนี้พระเจ้าจึงส่งดอร์ให้มาเจอเขา เพราะไม่มีใครที่เหมาะสมที่จะหยุดความผยองของชายคนนี้ไปมากกว่าคนที่อยู่มาเป็นพันปีอีกแล้ว
ดอร์ได้แสดงให้ชายคนนี้เห็นชีวิตของตัวเองในตอนที่ถูกคุมขังอยู่เพียงลำพัง วันคืนที่ผ่านไปไม่อาจทำอะไรเขาได้ ดอร์ไม่เคยเจ็บปวดและไม่แก่ลงเลยสักวินาที แต่ชีวิตนิรันดร์นั้นไม่ใช่พรอย่างที่วิกเตอร์คิด แท้จริงแล้วมันคือคำสาปดีๆนี่เอง เพราะเมื่อคุณคือคนเดียวที่เป็นอมตะ วันหนึ่งสิ่งต่างๆที่คุณรู้จักและคนที่คุณรักก็จะหายไป แทนที่ด้วยสิ่งที่ไม่เคยคุ้นและคนที่ไม่คุ้นเคย และเมื่อต้องใช้ชีวิตท่ามกลางสิ่งแวดล้อมเช่นนั้น มันก็ไม่ต่างอะไรกับการที่กำลังใช้ชีวิตอยู่ในร่างคนอื่น เป็นคนแปลกหน้าสักคนที่ไม่ใช่ตัวเรา
ดอร์ยังแสดงให้วิกเตอร์เห็นว่ายิ่งมนุษย์ก้าวเข้าใกล้ความเป็นนิรันดร์มากเท่าไหร่ จิตวิญญาณของพวกเขาก็ยิ่งกลวงเปล่ามากเท่านั้น เวลาอันยาวนานทำให้พวกเขามองข้ามความหมายของชีวิตไป เพราะพวกเขาไม่อาจสูญเสีย พวกเขาจึงไม่อาจเห็นคุณค่าของการมีอยู่ ด้วยเหตุนี้พระเจ้าจึงต้องจำกัดวันเวลาของมนุษย์เอาไว้ เพราะเมื่อมนุษย์ตระหนักได้ว่าเวลาของตัวเองและคนที่ตนรักจะต้องหมดลงในสักวันหนึ่ง เมื่อนั้นทุกความทรงจำจะงดงาม ทุกความสัมพันธ์จะเปี่ยมความหมาย และทุกวินาทีจะมีคุณค่า
ช่วงเวลาแห่งการตระหนักรู้นี่เองคือจุดเริ่มต้นที่เราจะได้มีชีวิตอย่างแท้จริง ถึงแม้จะไม่สมบูรณ์และดูเปราะบาง แต่ก็เป็นชีวิตที่เป็นของเราเอง ซึ่งชายที่ได้ลิ้มรสความเป็นอมตะมาแล้วอย่างดอร์ ยอมแลกทุกอย่างเพื่อให้ได้กลับไปใช้ชีวิตเช่นนั้นกับคนที่เขารักอีกสักครั้ง
ปล.ตั้งแต่เห็นปกก็วางแผนไว้แล้วว่าถ้าได้อ่าน รูปที่จะเอามาลงเพจจะต้องถ่ายคู่กับนาฬิกาพกที่เป็นของสะสมลับๆของเรา (นานทีมีโอกาสเอาออกมาอวด อิอิ) แต่นาฬิกาพวกนั้นอยู่บ้านพ่อแม่ เลยคิดว่าคงไม่ได้ถ่ายแน่แล้ว โชคดีที่สองอาทิตย์ที่ผ่านมางานยุ่งมากๆ ทำให้แทบจะไม่มีเวลาอ่านหนังสือ กว่าจะอ่านจบก็ตรงกับช่วงที่กลับไปพอดี เลยได้เอามาถ่ายสมกับที่ตั้งใจไว้ และด้วยความเลือกไม่ได้ว่าจะเอาเรือนไหน ก็เลยถ่ายไปเกือบหมดทุกเรือน 😆
โฆษณา