Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Viral and vibe
•
ติดตาม
เมื่อวาน เวลา 02:54 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
วันนี้เราจะมาคุยกันเรื่อง “โฮโลแกรม”
วันนี้เราจะมาคุยกันเรื่อง “โฮโลแกรม” แต่ขอเตือนไว้ก่อนว่าถ้าใครเคยคิดว่าโฮโลแกรมคือผีสามมิติแบบในหนัง Star Wars ที่เจ้าหญิง Leia โผล่มาขอความช่วยเหลือว่า “Help me Obi-Wan Kenobi” อะไรแบบนั้น… เออ ใช่ มันก็คล้ายอยู่นิดนึง แต่จริงๆ แล้วของจริงแม่งเท่กว่าเยอะ และมีสาระกว่าเอาไว้แค่ “โผล่มาคุย”
โฮโลแกรมไม่ใช่เวทมนตร์นะทุกคน แต่มันคือการใช้ฟิสิกส์สายแข็งล้วนๆ
โดยเฉพาะ “interference pattern” (รูปแบบการแทรกสอดของแสง) ซึ่งจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อเราใช้แสงที่เรียกว่า “coherent” หรือก็คือแสงที่มีความถี่กับเฟสเท่ากันทุกประการ… ซึ่งแสงบ้านๆ จากหลอดไฟในห้องน้ำไม่มีทางทำได้แน่นอน ต้องเลเซอร์เท่านั้น พูดง่ายๆ คือแสงเลเซอร์มันมีความพร้อมเพรียงประมาณกองทัพหน่วยซีล แสงปกติก็เหมือนเด็กอนุบาลเข้าค่าย ลูกใครลูกมัน เดินส่ายซ้ายทีขวาที ไม่มีใครฟังครู
ในทางพุทธศาสนา ถ้าจะอธิบายโฮโลแกรมให้แบบอริยสัจ 4 ก็คือ:
ทุกข์: เราเห็นโลกแค่สองมิติ ทั้งที่ความจริงมันลึกกว่านั้น
สมุทัย: เพราะเราดูผ่านแค่ตา กับความเข้าใจแบบผิวเผิน
นิโรธ: เราเริ่มเห็นความจริงสามมิติของสิ่งต่างๆ ผ่านเทคโนโลยีอย่างโฮโลแกรม
มรรค: ใช้ปัญญาและเครื่องมืออย่างเลเซอร์และฟิสิกส์เข้าไปเจาะแก่น
ลองนึกถึงกล้องถ่ายรูปธรรมดา เวลามันถ่าย มันแค่เก็บแสงสะท้อนจากวัตถุมาแปะๆ บนฟิล์ม แต่โฮโลแกรมมันไปไกลกว่านั้น เพราะมันเก็บ “การแทรกสอดของแสง” ซึ่งเก็บข้อมูลเฟสของคลื่นแสงด้วย คือมันไม่ได้แค่ดูว่าวัตถุสะท้อนแสงมาทางไหน แต่มันไปเก็บถึงจังหวะเวลาที่แสงกระเพื่อมออกมาเลยทีเดียว
ถ้าจะยกเคสจาก สามก๊ก การถ่ายรูปธรรมดาเหมือนการรายงานข่าวจาก “เล่าปี่” คือพอใช้ได้ แต่แม่งมีเวอร์บ้าง แต่โฮโลแกรมคือการรายงานจาก “ขงเบ้ง” คือเห็นทั้งหน้า เห็นทั้งหลัง เห็นข้างใน รู้ไปถึงจังหวะที่แม่งถอนหายใจอะ ว่าเขาคิดอะไรอยู่
คำว่า Hologram มาจากภาษากรีก “holo” แปลว่า ทั้งหมด กับ “gram” แปลว่า เขียน เพราะมันเก็บ ทุกมิติของแสง จากวัตถุชิ้นนึงเอาไว้ในแผ่นฟิล์ม… แต่ที่เด็ดกว่านั้นคือ ถ้ามึงเอาแผ่นโฮโลแกรมมาตัดครึ่ง ภาพที่อยู่บนแต่ละชิ้น “ยังเห็นทั้งวัตถุ” เหมือนเดิม นี่มันไม่ใช่แค่เท่ แต่มันคือ ธรรมะ เลยนะเว้ย เพราะแสดงให้เห็นว่า “องค์รวมอยู่ในส่วนย่อย” (principle of holism) หรืออย่างที่พุทธเรียกว่า ปฏิจจสมุปบาท – สิ่งทั้งปวงสัมพันธ์เชื่อมโยงกัน ไม่มีอะไรเป็นตัวตนโดดเดี่ยว
พอรู้แบบนี้แล้ว เราก็เข้าใจได้ว่าทำไมโฮโลแกรมถึงถูกใช้ในบัตรเครดิต ใบขับขี่ หรือแม้แต่สลากกินแบ่ง — ก็เพราะมันก๊อปยาก แถมมุมมองเปลี่ยน ภาพก็เปลี่ยน เหมือนชีวิตคนเลย ถ้ามึงมองจากมุมเดิมๆ ตลอด มึงก็จะเห็นแต่ความจริงแบบเดิมๆ ลองเอียงหัวดูบ้าง บางทีสิ่งที่เคยโกรธอาจจะกลายเป็นขำได้เฉย
พูดถึงความล้ำ โฮโลแกรมในยุคนี้พัฒนาไปอีกขั้นมาก เช่น “holographic data storage” ที่ใช้ interference pattern เก็บข้อมูลได้มากกว่าฮาร์ดดิสก์ปกติเป็นหลายเท่า หรือแม้แต่ “volumetric display” ที่ฉายภาพโฮโลแกรมลอยกลางอากาศแบบไม่มีฉากหลังได้จริงๆ แล้วในบางห้องแล็บ ซึ่งมันใกล้เคียงกับ Iron Man มากกว่าที่เราคิด
จากมุมมองวิทยาศาสตร์ มันทำให้เราเห็นว่า สิ่งที่ตาเรามองเห็น อาจไม่ได้สะท้อนความจริงทั้งหมด — ความจริงมันมีทั้งเฟส, ความลึก, มิติที่เรามองไม่เห็น ซึ่งมันก็เข้ากับหลักของ Quantum Physics ที่ว่า "Observer effect" – คนดูมีผลต่อสิ่งที่เห็น… โลกไม่ได้เป็นยังไง โลกเป็นยังไง ที่เราดูมัน
โฮโลแกรมสร้างจากแสงเลเซอร์ เพราะแสงนี้มีความถี่กับเฟสเท่ากันทั้งหมด (coherent light)
ภาพโฮโลแกรมไม่ใช่แค่ภาพสะท้อน แต่เป็นการเก็บรูปแบบแสงที่แทรกสอดกัน (interference pattern)
แม้จะตัดโฮโลแกรมเป็นชิ้นๆ แต่แต่ละชิ้นยังเก็บภาพทั้งหมดไว้ได้ (holographic redundancy)
ใช้ในงานศิลปะ วิศวกรรม การแพทย์ ความปลอดภัย และกำลังพัฒนาในด้านการเก็บข้อมูลยุคหน้า
สอนให้เรารู้ว่า “ส่วนเล็กๆ ก็สะท้อนภาพรวมได้” และ “มุมมองที่เปลี่ยนไป ทำให้เห็นภาพที่ต่างออกไป”
สุดท้าย… โฮโลแกรมสอนเราว่า “สิ่งที่มึงเห็น ไม่ใช่ทั้งหมดที่มีอยู่” และบางที ความจริงมันไม่ได้อยู่ตรงหน้า แต่อยู่ในมุมที่มึงยังไม่เคยหันไปมอง เหมือนกับที่พุทธสอนไว้ว่า “โลกธรรมนั้นมี 8 ด้าน มึงจะไปหลงแต่ด้านใดด้านหนึ่งไม่ได้หรอก”
ชีวิตก็เหมือนโฮโลแกรม มองมุมเดียวอาจเห็นเป็นนก แต่มองอีกมุมมันอาจเป็นมังกรก็ได้ เราแค่อย่าหยุดเอียงหัว
แล้วทุกคนล่ะ เอียงหัวดูโลกจากมุมใหม่กันบ้างรึยัง?
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย