Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
หลงไปในประวัติศาสตร์ by หมอเอ้ว ชัชพล
•
ติดตาม
23 มิ.ย. เวลา 12:01 • ประวัติศาสตร์
จักรพรรดิ vs พระสันตปาปา ความขัดแย้งที่เปลี่ยนประวัติศาสตร์ยุโรป ตอนที่ 1
ในปี ค.ศ. 1075 มีเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นครั้งใหญ่ในคริสตจักร เหตุการณ์นี้ เริ่มต้นจากคำถามว่า ใครมีอำนาจที่จะแต่งตั้ง บิชอป หรือผู้นำศาสนาในดินแดนต่างๆ
กษัตริย์ หรือ พระสันตปาปา ?
ประเด็นที่ฟังดูเหมือนจะไม่มีอะไรนั้น สุดท้ายจะกลายเป็นรอยร้าวที่ยืดยาวนานนับศตวรรษ และนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของยุโรป เหตุการณ์นั้นทุกวันนี้ เรารู้จักกันในชื่อว่า Investiture Controversy
ผมขอเริ่มเรื่องราวที่เราจะคุยกันที่ จักรพรรดิพระองค์หนึ่ง ซึ่งมีพระนามว่าเฮนรีที่ 4 (Henry IV) แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ (ปกครองดินแดนแถวๆ เยอรมันและอิตาลีในปัจจุบัน)
จักรพรรดิเฮนรีที่ 4 ในเวลานั้นมีอายุประมาณ 25 ปี ยังหนุ่มและเลือดร้อน เขาเติบโตมากับความเชื่อที่ว่า “อำนาจของกษัตริย์ เป็นความชอบธรรมที่รับมาจากพระเจ้าโดยตรง ไม่ต้องผ่านใครทั้งนั้น”
ชีวิตในวัยเด็กเขาต้องผ่านเหตุการณ์ทางการเมืองที่ร้อนระอุ ต้องเอาตัวรอดจากการแย่งชิงอำนาจ พ่อจากไปตั้งแต่เขาอายุ 6 ขวบ จากนั้นเขาก็ถูกดันให้ขึ้นครองราชย์ทั้งๆ ที่ยังไม่ทันเข้าใจว่า เกมแห่งอำนาจเขาเล่นกันยังไง และต้องเผชิญกับขุนนางที่หิวอำนาจมากมายที่อยู่รอบตัว ชีวิตในวังของเฮนรีจึงไม่ได้สะดวกสบาย แต่เป็นเหมือนกษัตริย์ของยุโรปยุคกลางทั่วไป (และคล้ายในซีรีส์ Game of Thrones) ที่เต็มไปด้วยเล่ห์กล ความหวาดระแวง และแรงกดดัน
และอาจจะด้วยประสบการณ์ในวัยเด็กแบบนี้ เมื่อเขาโตขึ้น เขาจึงมีความฉลาดทางการเมืองบวกกับความต้องการลึกๆ ที่จะทวงคืนศักดิ์ศรีของราชวงศ์ และฟื้นอำนาจจักรพรรดิให้กลับมายิ่งใหญ่
และหนึ่งในปัญหาที่จะมาลดทอนอำนาจของเขาคือ การแต่งตั้งบิชอป (Bishop)
ตำแหน่งบิชอป จะเหมือนเป็นผู้นำของศาสนาในดินแดนต่างๆ ซึ่งรวมไปถึงดินแดนที่อยู่ภายใต้การปกครองของจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ด้วย แต่ปัญหาคือ บิชอปไม่ได้อยู่ภายใต้อำนาจของจักรพรรดิ แต่ขึ้นตรงต่อ พระสันตปาปา แล้วไม่ใช่แค่อำนาจการบริหารเท่านั้น แต่คริสตจักรในดินแดนต่างๆ ยังครอบครองที่ดิน แรงงาน กองทัพ และเงินจำนวนมหาศาลด้วย
ดังนั้นก็เหมือนกับว่า ทรัพยากร เงินทอง แรงงานจำนวนมหาศาลของ ดินแดนต่างๆ จะถูก ไซฟอน ออกจากแผ่นดินแม่ แล้วส่งตรงไปยัง ศาสนจักรในกรุงโรม
นั่นคือ สิ่งที่เฮนรีที่ 4 ยอมไม่ได้ และต้องการจะแต่งตั้งบิชอปเองด้วยคนของเขาเอง
ซึ่งคำว่าแต่งตั้งใช้คำว่า Investiture เพราะในพิธีจะมีการสวมเสื้อคลุมประจำตำแหน่งให้
ตรงนี้ขอนอกเรื่องอธิบายรากศัพท์นิดนึงสั้นๆ ครับ vest คำนี้ปัจจุบันแปลว่า เสื้อกั๊ก investiture ที่แปลว่า มอบตำแหน่งให้ ก็มาจากการสวมเสื้อคลุมประจำตำแหน่งให้
ส่วนคำว่า invest ที่แปลว่าลงทุน ก็มาจากการที่สมัยยุโรปยุคกลาง การลงทุนคือ การลงทุนในคน หรือ ลงทุนแต่งตั้งให้เขารับตำแหน่งอะไรสักอย่าง
กลับเข้าเรื่อง
แต่พระสันตปาปา ก็ยอมให้เป็นแบบนั้นไม่ได้
ในยุโรปยุคกลาง ศาสนจักร ไม่ใช่แค่ สถาบันทางจิตวิญญาณ แต่เป็นสถาบันที่มีทั้งอำนาจ พลังเศรษฐกิจ การเมืองการปกครอง แล้วความร่ำรวยของศาสนจักร ส่วนหนึ่งก็มาจากการเก็บภาษีหรือที่เรียกว่า tithes จากดินแดนที่ครอบครองในดินแดนต่างๆ
ดังนั้น ถ้าปล่อยให้ดินแดนไหน ยึดตำแหน่งบิชอปไปได้ ก็เสี่ยงที่ดินแดนอื่นๆ จะทำตามบ้าง แล้วเมื่อถึงเวลานั้น อำนาจของศาสนจักรก็จะเสื่อมลงอย่างรวดเร็ว
พระสันตปาปาในเวลานั้นมีพระนามว่า เกรกอรีที่ 7 (Pope Gregory VII) ซึ่งมีพระนามเดิม ก่อนเป็นพระสันตปาปาว่า ฮิลเดอร์แบรนด์ (Hildebrand)
ฮิลเดอร์แบรนด์ในวัยเด็ก เติบโตมาในครอบครัวสามัญชน แต่ถูกขัดเกลาด้วยระเบียบและวินัยจากโบสถ์ ทำให้เขาเติบโตขึ้นมาเป็นคนที่เชื่อในความเที่ยงธรรม ถูกต้อง ในรูปแบบของศาสนา
และเขาก็เห็นความคอร์รัปชัน การซื้อขายตำแหน่ง หรือที่เรียกว่า ซิมอนี (Simony) ภายในวงการศาสนา และต้องการจะปฏิรูปศาสนาเสียใหม่ และหนึ่งในสิ่งที่เขามองว่าควรจะต้องทำคือ ไม่ให้ศาสนจักรต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับการเมืองของรัฐ ดังนั้น การจะปล่อยให้บิชอป ถูกแต่งตั้งจากจักรพรรดิ จึงเป็นสิ่งที่ยอมไม่ได้
และนั่นคือ แบ็กกราวนด์ของเหตุการณ์ที่จะสั่นคลอนสองสถาบันแห่งอำนาจของยุโรปยุคกลาง
จุดแตกหักเกิดขึ้นเมื่อเฮนรีที่ 4 แต่งตั้ง bishop of Milan ขึ้นใหม่โดยที่ไม่แจ้งให้กรุงโรมทราบ
เมื่อพระสันตปาปารู้ข่าว ก็รีบตอบโต้ทันทีด้วยการออกจดหมายเปิดผนึก ตำหนิการกระทำของเฮนรีที่ 4 อย่างรุนแรง และสั่งให้หยุดสิ่งที่ทำอยู่ในทันที
แต่แทนที่เฮนรีจะยอมถอย เขากลับท้าทายกลับด้วยการเรียกประชุมสภาบิชอป ที่อยู่ในดินแดนภายใต้การปกครองของเขาทั้งหมดให้มาประชุมพร้อมกันที่เมืองเวิร์ม (Worms) และทำสิ่งที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อนแล้วไม่รู้ด้วยว่าทำได้จริงหรือเปล่า นั่นคือ การประกาศถอดถอนพระสันตปาปาออกจากตำแหน่ง
ในช่วงเวลานั้น สถานการณ์มันเหมือนจะยังไม่แน่ชัดว่า ใครมีอำนาจมากกว่า และเหล่าบิชอปจะเลือกเข้าข้างฝ่ายไหน การทำเช่นนี้ของเฮนรีจึงเหมือนเป็นการ “บลัฟ” หรือ ทำเหมือน “ทรัมป์” ไปก่อน แล้วคาดหวังว่า พระสันตปาปาจะถอย แล้วอาจจะขอมาเจรจาต่อรอง
แต่พระสันตปาปาเกรกอรีที่ 7 ไม่ใช่คนที่จะมายอมให้ใครข่มได้ง่าย ๆ และรู้ว่า ตัวเองยังมีไพ่เด็ดในมือ หรือจะเรียกว่า อาวุธหนักในมืออยู่อีกหนึ่งอย่าง
และนั่นก็คือ สิ่งที่พระองค์เลือก
ส่วนคำถามที่ว่า อาวุธหนักนั้นคืออะไร ผลที่จะออกมาเป็นอย่างไร ใครจะเป็นคนชนะเกมนี้ แล้วสุดท้ายผลกระทบของความขัดแย้งนี้จะมีมาถึงยุคปัจจุบันอย่างไร
ขอมาต่อในตอนถัดไปนะครับ
ส่วนท้ายนี้ขอโฆษณาหนังสือหน่อยนะครับ ถ้าใครชอบเรื่องราวแนวความรู้แบบ นี้ อยากแนะนำให้อ่าน หนังสือที่ผมเขียนด้วย ปัจจุบันเขียนมาแล้ว 9 เล่ม สั่งซื้อหนังสือแบบร้านค้า official พิมพ์ค้นหา "Chatchapolbook" หรือกดที่ลิงก์ด้านล่างนี้ได้เลยครับ
🧡 Shopee :
https://bit.ly/3Qwa9E7
💜 Lazada :
https://bit.ly/46JcT7X
💚 Line My Shop :
https://bit.ly/3FvsFav
26 บันทึก
20
11
26
20
11
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย