17 มิ.ย. เวลา 14:14 • ประวัติศาสตร์

ทหารไทย ทหารผี

สวัสดีครับท่านผู้อ่านทุกท่าน ก่อนที่จะไปติดตามบทความใหม่จากผู้เขียน ขอให้ทุกท่านช่วยกันกดไลก์ กดแชร์ และกดติดตาม เพื่อเป็นกำลังใจใหผู้เขียนในการทำบทความต่อๆไป
ส่วนท่านใดมีเรื่องราวที่น่าสนใจ ท่านสามารถ inbox ข้อความเข้ามาได้ที่ Facebook Supakrit Falcon เพื่อผู้เขียนจะได้นำเรื่องราวที่ท่านเสนอมาไปค้นคว้าหาข้อมูล สำหรับการนำเสนอบทความในครั้งต่อไป
ทุกท่านครับ เป็นที่ทราบกันดีว่าทหารไทยมีเครื่องรางของขลัง มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คอยคุ้มครอง ในสงครามหรือยุทธการต่างๆ สิ่งนี้บางท่านอาจยังไม่ทราบว่ามันจริงหรือไม่ หรือแท้จริงเป็นเพียงตำนานที่เล่าสืบต่อกันมา เรื่องนี้ผู้เขียนมีคำตอบครับ
จากการให้สัมภาษณ์พันเอกชุบ ผลประเสริฐ อดีตทหารผ่านศึกสงครามเวียดนาม โดยพลตรี ศนิโรจน์ ธรรมยศ ท่านกล่าวถึงทหารไทยที่อาสาสมัครเข้าร่วมรบในสงครามเวียดนาม
มีอยู่เรื่องหนึ่งที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งคือการที่ทหารเวียดนามเหนือเรียกขานทหารไทยว่า "ทหารผี" ทำไมต้องเรียกแบบนี้ ฉายาที่เรียกกันนี้ไม่ได้มาจากการรบที่ดุเดือดในสงครามเพียงอย่างเดียว แต่ยังมาจากความเชื่อและความมั่นใจในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ทหารไทยทุกนายพกติดตัวไปรบด้วย
เรื่องเล่าความแคล้วคลาดปลอดภัยมีอยู่จริงจากสนามรบในเวียดนาม โดยท่านมีการยกตัวอย่างทหารที่รอดพ้นจากอันตรายของทหารเวียดนามเหนืออย่างน่าเหลือเชื่อและอัศจรรย์ จึงขอกล่าวถึงเฉพาะท่านที่สามารถเอ่ยนามได้ ก็จะมีดังนี้
ลุงแมน อยู่เจริญ สมัยหนุ่มๆเป็นตำรวจที่อาสามาเป็นทหารแกมักจะแคล้วคลาดอยู่เสมอ ครั้งหนึ่งแกถูกสะเก็ดระเบิดจนสายกระสุนบริเวณที่พาดบ่าขาด กระสุนร่วงทั้งสายตามแรงโน้มถ่วงโลก แต่ตัวแกไม่เป็นอะไรเลย ว่ากันว่าวีรบุรุษชื่อ ลุงแมน อยู่เจริญ ไปรบทีไรก็รอดตลอดไร้ร่องรอยตามร่างกาย แกจึงถูกมองว่ามีของดีคุ้มครอง
ลุงสังวร สารสุข อดีตพระภิกษุที่สึกออกมาสมัครไปรบเวียดนาม ลุงสังวรแกก็เป็นอีกคนที่ แคล้วคลาดอยู่เสมอ ไม่เคยเป็นอะไรตามเนื้อตามตัวเลยแม้แต่น้อยในการรบ เพราะแกพกพาเครื่องรางของขลังติดตัว อีกทั้งพันเอกชุบยังได้นำแกมาไว้ใกล้ตัวในฐานะ "มือปืนประจำตัว"
ท่านผู้อ่านทราบดีว่าทหารที่ไปนี้จะแตกต่างจากทหารหน่วยอื่น เพราะทุกท่านที่ไปรบในสงครามเวียดนามเป็นอาสาสมัครอย่างแท้จริง ซึ่งวีรบุรุษกล้าหาญรุ่นปู่รุ่นตาของคนเจน Z ก็มาจากหลากหลายอาชีพและอายุ มีทั้งตำรวจ ทหาร ครู ชาวบ้านธรรมดา ไปจนถึงผู้ที่มาจากเรือนจำบางขวาง อย่างเช่นลุงศิริ คงหอม
*หมายเหตุ ที่ผู้เขียนต้องขออนุญาตเรียกบางท่านว่าลุง เนื่องจากเหตุการณ์เกิดขึ้นในช่วงสงครามเวียดนามซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ผ่านมานานหลายปีแล้ว ประกอบกับหากมีลูกหลานเข้ามาอ่านพวกเขาจะได้เกิดความภาคภูมิใจ ที่ท่านเสียสละเพื่อชาติ ดังนั้นผู้เขียนจึงขออนุญาตเรียกผู้กล้าเหล่านี้ว่าลุง
ในความหลากหลายนี้ ยังมีเรื่องราวที่น่าสนใจอย่าง ทหารชื่อ ลุงสำรวย แกเป็นชาวสุพรรณบุรีซึ่งตอนไปไหว้พระแก้วมรกต แกได้สาบานไว้ว่าจะไม่ยิงใคร แม้จะมาในฐานะทหารอาสา แกบอกว่าแกมาเพื่อต้องการสร้างบุญกุศล
ไม่ได้ต้องการมาเข่นม่าใคร ด้วยเหตุนี้เวลาออกรบลุงสำรวยจะหมอบอย่างเดียว และไม่ยอมยิงปืนใส่ใครเลย พันเอกชุบจึงต้องให้แกไปทำหน้าที่เฝ้าค่ายแทนการออกรบ เพื่อให้แกรักษาสัจจะที่ให้ไว้
สำหรับทหารไทยที่ไปรบในเวียดนามีเครื่องรางของขลังอะไรที่ทำให้ทหารเวียดนามเกรงกลัว ก็จะมีเรื่องเล่าในย่อหน้านี้
พลังแห่งความเชื่อและความคงกระพันจากเครื่องรางของขลัง
พันเอก ชุบ ผลประเสริฐ วีรบุรุษเหรียญบรอนซ์ V กล่าวว่าความมั่นใจของทหารไทยในการรบมาจากสองสิ่งหลัก คือ หนึ่งความมั่นใจในตนเอง และสองความมั่นใจในเครื่องรางของขลัง
ว่ากันว่าก่อนจะไปรบทหารไทยจำนวนมากที่ไปรบในสงครามเวียดนาม โดยส่วนใหญ่พวกท่านจะพกพาพระเครื่องและเครื่องรางของขลังติดตัวไป ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ บางท่านยังห้อยพระเต็มคอเลยที เดียว
พันเอกชุบเองก็เป็นหนึ่งในนั้น โดยท่านได้นิมนต์ หลวงพ่อจาดและหลวงพ่ออี๋ไปกับท่านด้วย หลวงพ่ออี๋นั้นท่านใส่เป็นยันต์ไว้ในหมวกเหล็ก ส่วนหลวงพ่อจาดนั้นท่านสวมเป็นเสื้อเลย สิ่งเหล่านี้เป็นที่พึ่งทางใจและสร้างขวัญกำลังใจอย่างมหาศาล
ความภาคภูมิใจในฐานะ "ทหารเต็มตัว" พันเอกชุบ ได้แสดงออกถึงความภาคภูมิใจอย่างยิ่งในการได้ไปปฏิบัติภารกิจในสงครามเวียดนาม ท่าน เปรียบเทียบการเป็นทหารกับการบวชพระที่ได้ทอดกฐินว่าถ้าบวชเป็นพระแล้วไม่รับพระกฐินก็เปรียบได้กับเป็นทหารไม่ได้ไปรบในสงคราม นี่ยังไม่เรียกว่าทหาร 100%
สำหรับท่านและทหารผ่านสงครามเวียดนามทุกนายแล้ว การได้ไปรบไม่เพียงแต่จะแสดงถึงความศักดิ์สิทธิ์จากพระเครื่องที่ทุกท่านห้อยคอรอดกลับมา มันแสดงออกถึงความเป็นชายชาติทหารอย่างแท้จริง และเป็นประสบการณ์ชีวิตที่น่าภาคภูมิใจที่สุดของลูกผู้ชายชาวไทย การกระทำของพวกท่านคือการเสียสละเลือดเนื้อเพื่อไม่ให้คอมมิวนิสต์ขยายอิทธิพลต่อไปในภูมิภาคนี้
ทหารไทยไม่ได้มีเพียงรบในประเทศ
ทหารไทยไม่ได้อ่อนแอต่อสิ่งใด
ทหารไทยไม่ได้เก่งเพราะพระเครื่อง
แต่เก่งเพราะความสามารถ
สุดท้ายนี้ผู้เขียนขอปิดท้ายด้วยบทเพลงพระราชนิพนธ์ความฝันอันสูงสุดเพื่อเป็นการรำลึกและสดุดีการไปรบอย่างกล้าหาญของทุกท่านในสงครามเวียดนาม สำหรับวันนี้ผู้เขียนขอลาไปก่อน สวัสดีครับ
ขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อ
ขอสู้ศึกทุกเมื่อไม่หวั่นไหว
ขอทนทุกข์รุกโรมโหมกายใจ
ขอฝ่าฟันผองภัยด้วยใจทะนง
จะแน่วแน่แก้ไขในสิ่งผิด
จะรักชาติจนชีวิตเป็นผุยผง
จะยอมตายหมายให้เกียรติดำรง
จะปิดทองหลังองค์พระปฏิมา
ไม่ท้อถอยคอยสร้างสิ่งที่ควร
ไม่เรรวนพะว้าพะวังคิดกังขา
ไม่เคืองแค้นน้อยใจในโชคชะตา
ไม่เสียดายชีวาถ้าสิ้นไป
นี่คือปณิธานที่หาญมุ่ง
หมายผดุงยุติธรรมอันสดใส
ถึงทนทุกข์ทรมานนานเท่าใด
ยังมั่นใจรักชาติองอาจครัน
โลกมนุษย์ย่อมจะดีกว่านี้แน่
เพราะมีผู้ไม่ยอมแพ้แม้ถูกหยัน
คงยืนหยัดสู้ไปใฝ่ประจัญ
ยอมอาสัญก็เพราะปองเทิดผองไทย
Credit บทความและภาพประกอบ
พลตรี ศนิโรจน์ ธรรมยศ
Pantip
The History Now
วิกิพีเดีย
เรียบเรียงบทความ : จ่าหวาน เกรียงไกร
โฆษณา