19 มิ.ย. เวลา 11:45 • หุ้น & เศรษฐกิจ

“Loewe” แบรนด์เก่าแก่สุดในอาณาจักร LVMH แต่กลับฮอตที่สุดในปี 2025

ศึกษาเส้นทางความสำเร็จของแบรนด์หรู “Loewe” ซึ่งได้รับตำแหน่ง “แบรนด์ฮอตที่สุดในไตรมาส 1/2025” พวกเขาทำได้อย่างไรทั้งที่อยู่มานานกว่า 180 ปี
เมื่อพูดถึงแบรนด์หรู หลายคนคงต้องนึกถึงกลุ่มบริษัท LVMH หรือที่ทุกคนคุ้นเคยในชื่อ หลุยส์ วิตตอง แต่ภายใต้บริษัทแห่งนี้เต็มไปด้วยแบรนด์หรูหราหลายสัญชาติที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก
และหากจะถามหาแบรนด์หรูภายใต้ LVMH ที่ฮอตฮิตและเป็นที่พูดถึงที่สุดในช่วงปี 2025 คงหนีไม่พ้น “Loewe” (โลเอเว่) ซึ่งได้รับการจัดอันดับโดยแพลตฟอร์มแฟชั่นระดับโลกอย่าง Lyst ให้เป็น “แบรนด์ฮอตที่สุดในไตรมาส 1/2025”
Loewe ในประเทศญี่ปุ่น
ในที่นี้อาจมีทั้งคนที่คุ้นเคยกับ Loewe ในฐานะแบรนด์ที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดในบรรดาแบรนด์ทั้งหมดของ LVMH และอาจมีคนที่ไม่คุ้นหูกับชื่อนี้เท่าไรนัก วันนี้เรามาเจาะลึกกันว่า อะไรทำให้ Loewe ยังคงเป็นแบรนด์ยอดฮิต ทั้งที่มีอายุยืนยาวราว 180 ปีเข้าไปแล้ว!
แบรนด์ที่ราชวงศ์สเปนทรงเลือก
จุดเริ่มต้นของ Loewe เกิดขึ้นที่กรุงมาดริด เมืองหลวงของสเปน ตั้งแต่เมื่อปี 1846 โดยช่างฝีมือชาวสเปนกลุ่มนี้ได้เปิดเวิร์กชอปเครื่องหนังบนถนนโลโบ (Lobo) หนึ่งในถนนที่คึกคักที่สุดของเมือง
ในช่วงแรก เวิร์กชอปแห่งนี้ผลิตสินค้าที่เป็นเครื่องหนังชิ้นเล็ก ๆ เช่น กระเป๋าถือ กระเป๋าเงิน กล่องบุหรี่ กล่องใส่เครื่องประดับ และกรอบรูป
ต่อมา “เอนริเก โลเอเว่ โรเอสเบิร์ก (Enrique Loewe Roessberg) ช่างฝีมือเครื่องหนังชาวเยอรมัน ซึ่งตั้งรกรากอยู่ในกรุงมาดริด รู้สึกประทับใจในความรู้ความชำนาญ และคุณภาพสินค้าของช่างฝีมือกลุ่มนี้ เขาตัดสินใจเข้าร่วมกับเวิร์กชอปแห่งนี้ในปี 1872
1
ความแม่นยำและวิธีการทางเทคนิคของเอนริเกได้รับการบอมรับในหมู่เพื่อนร่วมงาน ทำให้เขากลายเป็นหัวหอกที่กุมบังเหียนของเวิร์กชอปแห่งนี้ และทุกคนตกลงกันว่า จะตั้งเฮาส์อย่างเป็นทางการภายใต้ชื่อ “Loewe”
เวิร์กชอปของ Loewe ในยุคแรก
เมื่อรวมกับความคิดสร้างสรรค์และฝีมือการประดิษฐ์เครื่องหนังที่ไม่เหมือนใครของกลุ่มช่างฝีมือชาวสเปน นี่จึงกลายเป็นจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ ของความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของแบรนด์ Loewe
ในปี 1892 Loewe เปิดร้านค้าและเวิร์กชอปขนาดใหญ่บนถนนปรินซิพี (Príncipe) หนึ่งในถนนสายแฟชั่นสุดเก๋ของมาดริด ได้รับการขนานนามว่าเป็น “โรงงานผลิตสินค้าเครื่องหนัง” โดยผลิตสินค้าเครื่องหนังขนาดเล็กทุกประเภท และเริ่มออกแบบกระเป๋าถือสำหรับสตรี
วันหนึ่งผลงานของ Loewe ไปถึงพระเนตรพระกรรณของสมเด็จพระเจ้าอัลฟองโซที่ 13 แห่งสเปน และพระมเหสี สมเด็จพระราชินีวิกตอเรีย ยูจีนี และทั้งสองพระองค์ทรงชื่นชอบผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ ๆ นี้อย่างมาก โดยมักเสด็จมาที่ร้านบนถนนปรินซิพีด้วยพระองค์เองบ่อยครั้ง
ผลงานเครื่องหนังอันประณีตของ Loewe ได้รับการต้อนรับจากสตรีในราชสำนักที่มองหากระเป๋าถือที่หรูหรา โดยชิ้นงานมักจะทำด้วยหนังแปลกใหม่ เช่น หนังอิกัวนา และหนังจระเข้ ทำให้ผลงานของ Loewe น่าดึงดูดใจมากยิ่งขึ้น
จนกระทั่งในปี 1905 กษัตริย์และพระราชินีแห่งสเปนทรงมีพระบรมโองการแต่งตั้งให้แบรนด์ Loewe เป็น “ผู้จัดหาสินค้าให้แก่ราชสำนัก” หรือเป็นซัพพลายเออร์อย่างเป็นทางการของราชวงศ์นั่นเอง ซึ่งช่วยสร้างชื่อเสียงในด้านคุณภาพและงานฝีมือให้กับแบรนด์
กษัตริย์และพระราชินีแห่งสเปนทรงมีพระบรมราชโองการแต่งตั้งให้ Loewe เป็นซัพพลายเออร์ให้ราชสำนัก
ออกจากเซฟโซน
ความสำเร็จของ Loewe ในฐานะแบรนด์ที่แม้แต่พระบรมวงศานุวงศ์ยังทรงเลือกใช้ทำให้แบรนด์มีชื่อเสียงมากขึ้น และเริ่มขยายสาขาในประเทศสเปน
นอกจากนี้ ระหว่างปี 1945 ถึง 1978 โฆเซ เปเรซ เด โรซาส ผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์ของแบรนด์ ได้สร้างหน้าต่างจัดแสดงสินค้าอันโด่งดังของ Loewe ด้วยการจัดแสดงแบบละครเวทีที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งหน้าต่างลักษณะนี้ยังคงเป็นจุดเด่นของร้านในบาร์เซโลนาในปัจจุบัน
ช่วงเวลานี้ Loewe ยังเริ่มมีความคิดที่จะก้าวออกจากเซฟโซนการทำแต่เครื่องหนังของตัวเอง โดยให้ความสนใจในตลาดเสื้อผ้าสำเร็จรูป แต่โอกาสยังไม่เป็นใครนัก เนื่องจากสเปนต้องเผชิญสงครามกลางเมือง ส่วนต่างประเทศก็ประสบกับสงครามโลกครั้งที่ 2
สเปนจมอยู่กับความวุ่นวายทางการเมืองและเศรษฐกิจ ผลที่ตามมาของสงครามกลางเมืองส่งผลให้ นายพลฟรานซิสโก ฟรังโก กลายเป็นผู้นำเผด็จการ และการยืนกรานของนายพลฟรังโกเกี่ยวกับความเป็นกลางของสเปนในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้สเปนกลายเป็นเอกเทศในช่วงนั้น คือไม่ยุ่งเกี่ยวกับใครเลย
สถาoการณ์ดังกล่าวส่งผลทั้งดีและร้ายต่อ Loewe เพราะแม้ว่าการเป็นเอกเทศจะทำให้แบรนด์ไม่ได้รับผลกระทบจากอิทธิพลภายนอก แต่ในขณะเดียวกัน ผู้คนภายนอกสเปนก็ไม่สามารถเข้าถึงแบรนด์ได้อย่างง่ายดายเช่นกัน
และนั่นทำให้กว่าที่ Loewe จะเปิดสาขาในต่างประเทศได้ต้องใช้เวลา โดยปี 1963 สามารถเปิดร้านค้าที่กรุงลอนดอนของอังกฤษได้สำเร็จ
ต่อมาในปี 1965 คอลเลกชันเสื้อผ้าสำเร็จรูปสำหรับผู้หญิงชุดแรกของ Loewe ที่ซุ่มพัฒนามานาน ได้รับการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงานแฟชั่นโชว์ ทำให้ Loewe ซึ่งเดิมเป็นที่รู้จักในด้านสินค้าเครื่องหนังคุณภาพสูงและเครื่องประดับ เริ่มถูกพูดถึงในวงการเสื้อผ้า และดึงดูดลูกค้าได้มากขึ้น
เสื้อผ้าสำเร็จรูปในยุคแรกของ Loewe
คอลเลกชันเสื้อผ้าสำเร็จรูปสำหรับผู้หญิงของ Loewe ได้แพร่กระจายไปทั่วโลกในช่วงทศวรรษ 1970 มีการเปิดตัวแบรนด์ Loewe ในเมืองหลวงของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก รวมทั้งกรุงโตเกียวในปี 1973 และมีร้านค้าและผู้จัดจำหน่ายมากกว่า 30 แห่งทั่วเอเชีย
ความเคลื่อนไหวนี้ทำให้ Loewe ขยายตัวไปสู่ตลาดโลกได้อย่างราบรื่น และขึ้นแท่นโกลบอลแบรนด์ในเวลาอันรวดเร็ว
​Loewe ก้าวเข้าสู่โลกของน้ำหอมและเปิดตัวน้ำหอมสำหรับผู้หญิงรุ่นแรก “L de Loewe” ในปี 1972 และหลังจากนั้นก็เปิดตัวน้ำหอมรุ่นใหม่ต่อเนื่อง เช่น Loewe Pour Homme (1974), Aire (1985), Esencia (1987), Aura (1994), Agua (2000), Solo (2004), 7(2010) และ Earth (2022) เป็นต้น
แม้จะออกจากเซฟโซนเดิม ๆ แต่ Loewe ไม่ได้ทิ้งรากฐานของตัวเอง และยังคงออกกระเป๋าหลายแบบ ที่โด่งดังและมีเอกลักษณ์ที่สุดคือ “Amazona” ที่เปิดตัวในปี 1975
กระเป๋ารุ่นนี้ได้รับความนิยมอย่างยาวนานจนถึงปัจจุบัน แม้ผ่านมา 50 ปี จนกลายเป็นกระเป๋าที่เหนือกาลเวลาและเป็นเอกลักษณ์ในโลกของแฟชั่นและเครื่องประดับหรู โดยยังคงมีให้เลือกหลายขนาด หลายสี และวัสดุ ทำให้เป็นเครื่องประดับอเนกประสงค์และคลาสสิกที่ดึงดูดใจผู้ชื่นชอบแฟชั่นได้หลากหลาย
Amazona ถูกออกแบบมาให้เป็นกระเป๋าแบบสะพายข้างที่จุของได้เพียงพอสำหรับสิ่งของจำเป็นในชีวิตประจำวัน ในขณะที่ซิปพันรอบช่วยให้สามารถซ่อนสิ่งของจำเป็นเหล่านั้นได้แบบมีสไตล์ แผ่นเสริมมุมกระเป๋าเป็นโอกาสในการเสริมสร้างการใช้งานของกระเป๋าและทำให้กระเป๋าดูโดดเด่นด้วยหนังลูกวัวที่อ่อนนุ่ม
นอกจากนี้ Loewe ยังเปิดตัวคอลเลกชันเสื้อผ้าสำหรับผู้ชายเป็นครั้งแรกในปี 1983 ด้วย
กระเป๋า Amazona ที่ได้รับความนิยมยาวนาน 50 ปี
เป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักร LVMH
จากนั้นในปี 1985 Louis Vuitton ซึ่งต่อมากลายเป็นกลุ่ม LVMH กลายมาเป็นผู้ถือหุ้นของ Loewe ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าว แบรนด์มีสาขาอยู่ในเมืองหลวงหลายแห่งของยุโรป และขยายสาขาในเอเชียเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยมีร้านค้าใหม่ ๆ ในญี่ปุ่น สิงคโปร์ และจีน
จนที่สุดปี 1996 ซึ่งตรงกับปีที่ Loewe มีอายุครบ 150 ปีพอดี กลุ่ม LVMH ซึ่งในเวลานั้นดูแลหลายแบรนด์อยู่แล้ว เช่น Louis Vuitton, Berluti และ Celine ได้เข้าซื้อกิจการของ Loewe โดยได้ปรับปรุงการดำเนินงาน ด้วยการเปิดโรงงานแห่งใหม่ในเขตชานเมืองมาดริด และวางแผนยกระดับศักยภาพ ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในประวัติศาสตร์ของแบรนด์ที่ทำให้มีการขยายธุรกิจไปทั่วโลกและเป็นที่รู้จักมากขึ้น
แม้ก่อนหน้านี้ Loewe จะเคยจัดแฟชั่นโชว์บนรันเวย์และนำเสนอคอลเลกชันใหม่หรือการเปิดร้านใหม่ แต่การสนับสนุนจาก LVMH ทำให้สามารถแต่งตั้งนักออกแบบใหม่ ๆ เพื่อส่งเสริมแบรนด์และเน้นย้ำถึงเสน่ห์ของแฟชั่นชั้นสูงได้
หลังจาก LVMH เข้าซื้อกิจการ Loewe ได้เชื้อเชิญนักออกแบบจำนวนมากมาเป็นหัวเรือ ตั้งแต่ นาร์กิโซ โรดริเกซ ต่อด้วย โฆเซ เอนริเก โอญา เซลฟา มาจนถึง สจวร์ต วีเวอร์ส นักออกแบบชาวอังกฤษที่ให้ความสำคัญกับเสื้อผ้าสำเร็จรูปมากขึ้น มีคอลเลกชันชื่อดังคือ “Tales of Spain” ซึ่งใช้ภาพพิมพ์จากคลังเอกสารของ Loewe ในช่วงทศวรรษ 1970 และ 1980 และมุ่งเป้าไปที่กลุ่มลูกค้าที่อายุน้อยกว่า
และหัวเรือที่ทำให้ Loewe รุ่งเรืองถึงขีดสุดคือ ยุคสมัยของ “โจนาธาน แอนเดอร์สัน”
โจนาธาน แอนเดอร์สัน ผู้นำพา Loewe สู่ความรุ่งโรจน์ถึงขีดสุด
ในช่วงเวลาที่แอนเดอร์สันเป็นผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์ Loewe ปรับเปลี่ยนโลโก้ใหม่ มีแคมเปญที่ได้รับเสียงชื่นชมอย่างกว้างขวาง รวมถึงเปิดตัวกระเป๋า “Puzzle” ซึ่งเป็นกระเป๋าดีไซน์ใหม่ใบแรกของแอนเดอร์สัน
Puzzle โดดเด่นด้วยรูปทรงเรขาคณิตที่แม่นยำและโครงสร้างทรงลูกบาศก์ที่ประกอบด้วยชิ้นส่วนหนัง 75 ชิ้นในหลากหลายขนาด สี และหนัง
กระเป๋า Puzzle อันเป็นเอกลักษณ์
ในปี 2014 แอนเดอร์สันได้เปิดตัวคอลเลกชันเสื้อผ้าสำเร็จรูปสำหรับผู้ชายชุดแรกของ Loewe ซึ่งเป็นการขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ให้กว้างขวางยิ่งขึ้น โดยนำเสนอเสื้อผ้าและเครื่องประดับสำหรับผู้ชายหลากหลายประเภท เช่น ชุดสูท เสื้อผ้าสำหรับสวมภายนอก เสื้อผ้าถัก และเครื่องหนังต่าง ๆ เช่น กระเป๋าและเครื่องประดับ
และในปี 2015 โจนาธาน แอนเดอร์สัน กลายเป็นคนแรกที่ได้รับรางวัลนักออกแบบเครื่องแต่งกายสตรีและบุรุษแห่งปีจากงาน British Fashion Awards
การเข้ามาของแอนเดอร์สันทำให้ Loewe กลับมาฟื้นคืนชีพในแง่ของความคิดสร้างสรรค์ นวัตกรรม และความทันสมัย โดยแม้ฐานลูกค้าของแบรนด์ยังคงเป็นกลุ่มอนุรักษ์นิยมเดิม แต่แอนเดอร์สันทำให้แบรนด์มีความร่วมสมัยมากขึ้น โดยผสมผสานแฟชั่นเข้ากับศิลปะและเมตาเวิร์ส และดึงดูดผู้บริโภคที่อายุน้อยกว่า
ศิลปินฮิปฮอปและอาร์แอนด์บีชื่อดังที่เดิมไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายของแบรนด์ เริ่มสวมเสื้อผ้า Loewe รุ่นใหม่เป็นครั้งแรก ตัวอย่างเช่น ริฮานนา สวมชุดสั่งตัดของ Loewe ในการแสดงที่งาน Super Bowl
ความเคลื่อนไหวเหล่านี้ทำให้แบรนด์สินค้าหรูสัญชาติสเปนปิดปีงบประมาณ 2023 ได้ด้วยกำไรสุทธิ 207.3 ล้านยูโร (ราว 7.7 พันล้านบาท) เพิ่มขึ้น 62.5% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ส่วนรายได้ของ Loewe ในปี 2023 เติบโตขึ้นเกือบ 30% แตะที่ประมาณ 810.8 ล้านยูโร (ราว 3 หมื่นล้านบาท)
จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ Loewe จะได้รับการขนานนามว่าเป็นแบรนด์ที่ฮอตที่สุดในไตรมาสที่ 2 ของปี 2023, ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2024 และไตรมาสที่ 1 ของปี 2025 ตามการจัดอันดับของ Lyst ตามที่ได้เกริ่นไว้ในตอนต้น
อย่างไรก็ตาม ตำแหน่งแบรนด์ฮอตที่สุดในไตรมาส 1/2025 ของ Loewe อาจไม่ใช่เรื่องน่ายินดีนัก เพราะเกิดจากการที่แอนเดอร์สันตัดสินใจโบกมือลา Loewe และจะไปร่วมงานกับ “ดิออร์” (Dior) แทน ลูกค้าจึงต่างพากันจับจองสินค้าจากคอลเลกชันสุดท้ายของเขา
และเป็นที่น่าจับตามองเหลือเกินว่า เมื่อแอนเดอร์สันจากไป Loewe จะยังคงรักษามาตรฐานผลงานของตัวเองเอาไว้ได้หรือไม่ หรือจะมีการเปลี่ยนแปลงสำคัญอะไรเกิดขึ้นบ้าง เพื่อให้แบรนด์เก่าแก่นี้ยังคงได้รับความนิยมในโลกปัจจุบัน
ประวัติธุรกิจ Loewe
อ่านเนื้อหาต้นฉบับได้ที่ : https://www.pptvhd36.com/wealth/trick-trend/250634
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ https://www.pptvhd36.com
และช่องทาง Social Media
โฆษณา