Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
สงคราม story
•
ติดตาม
19 มิ.ย. เวลา 14:03 • การเมือง
ผู้กองแคน นักรบผู้ไม่กลับมา
สวัสดีครับท่านผู้อ่านทุกท่าน ก่อนที่จะไปติดตามบทความใหม่ผู้เขียนขอให้ทุกท่านช่วยกันกดไลค์ กดแชร์ และกดติดตามเพื่อให้ผู้เขียนมีกำลังใจในการทำบทความต่อๆไป
สำหรับท่านใดที่มีเรื่องใดอยากให้ผู้เขียนทำบทความ ท่านสามารถส่ง inbox ข้อความมาได้ที่ Facebook Supakrit Falcon เพื่อที่ผู้เขียนจะได้เตรียมการหาข้อมูลสำหรับนำเสนอในบทความถัดไป
ท่านจำตำรวจตระเวณชายแดนนายนั้นได้หรือไม่ที่ผู้เขียนกล่าวถึงในเรื่อง "จากเหนือมาอยู่ใต้" เขามีต้นแบบมาจากบุคคลที่เคยมีตัวตนจริงๆ บุคคลท่านนี้ยอมสละชีพเพื่อให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ ณ ดินแดนปลายด้ามขวานปลอดภัยจากกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ ท่านทุ่มเทชีวิตลูกผู้ชายของตัวตายในหน้าที่ ถึงวันนี้ท่านจะไม่มีตัวตนแล้วผู้เขียนเชื่อวีรกรรมของท่านจะไม่สูญเปล่า นี่คือเรื่องจริง ของบุคคลจริง ไม่อิงนิยาย"ผู้กองแคน นักรบผู้ไม่กลับมา"
ร้อยตำรวจเอกธรณิศ ศรีสุข หรือที่คนไทยรู้จักกันในนาม "ผู้กองแคน" วีรบุรุษเขื่อนบางลาง เรื่องราวของท่านไม่เพียงแต่สะท้อนถึงความกล้าหาญที่ท่านตั้งใจทำเพื่อชาติอย่างแท้จริง แต่ท่านยังเป็นบุคคลที่ทำให้เรามองเห็นถึงคุณค่าของตำรวจและทหารในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้มากขึ้น
▶️ชีวิตปฐมบท
ร้อยตำรวจเอกธรณิศ ศรีสุข "ผู้กองแคน" เกิดเมื่อวันที่ 28 กันยายนปีพ.ศ. 2520 ในครอบครัวที่มั่นคง ณ จังหวัดขอนแก่น ท่านมีบิดาและมารดาเป็นบุคคลสำคัญในแวดวงวิชาการ และเป็นผู้ปลูกฝังความมุ่งมั่นและจิตวิญญาณแห่งการเสียสละให้แก่ท่านมาตั้งแต่เด็ก
ผู้กองแคนในวัยเด็กมีความสามารถที่โดดเด่นทั้งด้านการเรียนและกีฬา ด้วยผลการเรียนที่ยอดเยี่ยม ทำให้ท่านมีโอกาสไปศึกษาต่อที่ประเทศแคนาดา แต่ด้วยหัวใจที่ผูกพันกับบ้านเกิดเมืองนอน ท่านจึงตัดสินใจเลือกกลับมาเรียนต่อที่ประเทศไทย และมุ่งมั่นเดินตามความฝันที่จะเป็นนักเรียนเตรียมทหารและโรงเรียนนายร้อยตำรวจในเวลาต่อมา
▶️เลือกลงใต้
สิ่งที่น่าประทับใจคือแม้ผู้กองแคนจะทำคะแนนได้สูงสุดเป็นลำดับต้นๆของรุ่น ทำให้ท่านมีสิทธิ์ที่จะเลือกตำแหน่งที่สะดวกสบายในเมืองใหญ่ จะไปเป็นผู้หมวดตามสน.ในกรุงเทพฯก็ได้ จะมาเป็นผู้หมวดที่สภ.จังหวัดบ้านเกิดหรือที่อื่นในประเทศไทยก็ได้
แต่มันไม่เป็นเช่นนั้นเมื่อท่านกลับสร้างความประหลาดใจให้กับเพื่อนร่วมรุ่นนายร้อยตำรวจด้วยกัน ด้วยคำพูดที่หนักแน่นว่า "ผมขอเลือกไปลงใต้ครับ" คำพูดนี้ไม่คำพูดเล่นๆ มันสะท้อนถึงหัวใจนักสู้ที่พร้อมจะเสียสละเพื่อชาติและประชาชนในพื้นที่ห่างไกล เพราะสำหรับท่านแล้วที่นั่นคือที่ที่คนต้องการตัวท่านมากที่สุด ฉะนั้นท่านจึงเลือกเส้นทางที่จะมีน้อยคนกล้าเดิน ผิดกับเพื่อนร่วมรุ่นของท่านที่นั่งเก้าอี้จิบกาแฟบนโต๊ะในห้องเเอร์เย็นๆสะดวกสบาย
เมื่อผู้กองแคนได้รับตำแหน่งเป็นรองผู้บังคับหมวด กองกำกับการสนับสนุนทางอากาศ ตำรวจตระเวนชายแดน หรือที่รู้จักกันในนาม "หน่วยพลร่มตชด. ค่ายนเรศวร จังหวัดเพชรบุรี" ซึ่งเป็นหน่วยรบพิเศษของตำรวจที่ได้รับการฝึกฝนในระดับสูงสุด
▶️พบปะชาวบ้าน
เพื่อรับมือกับภารกิจที่ยากลำบากและเต็มไปด้วยอันตรายมากมาย เมื่อท่านลงสู่พื้นที่อำเภอบันนังสตา จังหวัดยะลา ซึ่งเป็นที่ที่ได้ชื่อว่าเป็น "แดนสนธยา" หรือ "Killing Zone" ทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยความเสี่ยงจากการซุ่มโจมตีของผู้ก่อความไม่สงบ
แต่ผู้กองแคนไม่เคยย่อท้อ ท่านมักกล่าวกับลูกทีมว่า "เราต้องไม่ปล่อยให้ใครมาเล่นเกมกับชีวิตคนบริสุทธิ์" และ "ถ้าเราไม่ทำให้พวกเขา (ชาวบ้าน) รู้สึกว่าเราเป็นพวกเดียวกัน ความสงบสุขก็เป็นได้แค่ความฝัน" ด้วยความมุ่งมั่นและความจริงใจ
ทำให้ผู้หมวดหน้าตาดีอย่างที่ท่านเข้าถึงชาวบ้าน ช่วยซ่อมแซมบ้านเรือน สอนเด็กๆเล่นกีฬา และสร้างความเชื่อมั่นแก่ชาวบ้าน จนพวกเขามองว่าท่านไม่ใช่แค่เจ้าหน้าที่รัฐ แต่เป็นพี่ชาย เป็นน้องชาย เป็นลูกชาย เป็นหลานชาย เป็นที่พึ่ง และเป็นเพื่อนที่พวกเขาไว้วางใจ
ดังนั้นจะเห็นได้ว่าการทำงานของหน่วยพลร่ม ตชด. จึงไม่หยุดแค่การปราบปรามผู้ก่อความไม่สงบ แต่เป็นการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจและเป็นสร้างสายสัมพันธ์ที่แข็งแรงมากยิ่งขึ้นระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐกับชาวบ้านในพื้นที่ ไม่เพียงเท่านี้ท่านยังร่วมวงกินข้าว พูดคุยกับชาวบ้านแบบเป็นกันเองและไม่ถือตัว จึงไม่แปลกที่ชาวบ้านส่วนมากจะรักท่านขนาดนี้
▶️ต้นเหตุไฟใต้
ความขัดแย้งในสามจังหวัดชายแดนใต้ (ยะลา ปัตตานี นราธิวาส) มีรากเหง้าที่ซับซ้อนและยาวนาน เริ่มตั้งแต่การผนวกอาณาจักรปัตตานีเข้ากับราชอาณาจักรสยามในปีพ.ศ. 2445 และนโยบายรวมศูนย์อำนาจของรัฐบาลกลางที่ท้าทายอัตลักษณ์ของชาวมลายูมุสลิม
จนนำไปสู่เหตุการณ์สำคัญ เช่น เหตุการณ์ตากใบเมื่อปี 2547 ที่มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวยิ่งสร้างความหวาดระแวงระหว่างภาครัฐและภาคประชาชน
ทำให้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงบทบาทของเจ้าหน้าที่รัฐในความขัดแย้งที่อาจสร้างความขุ่นเคืองต่อคนในพื้นที่
รวมถึงการปรากฎตัวของกลุ่มติดอาวุธที่หลากหลายซึ่งมีเป้าหมายตั้งแต่การปกครองตนเองไปจนถึงการแยกตัวเป็นอิสระจากรัฐไทย หากลุ่มติดอาวุธนี้มีบทบาทเหนือเจ้าหน้าที่รัฐสุดท้ายภาคใต้ก็จะขาดฮีโร่มาปกป้อง
ซึ่งไม่ต่างอะไรกับในหนังที่หากไม่มีซูเปอร์ฮีโร่ โลกนี้ก็จะถูกวายร้ายยึดครอง ในสถานการณ์ที่เต็มไปด้วยความท้าทายนี้ ผู้กองแคนและทีมพลร่มต้องทำหน้าที่มากกว่าผู้บังคับใช้กฎหมาย จึงเปลี่ยนบทบาทจากนักรบมาเป็นสะพานเชื่อมต่อรัฐกับประชาชน
▶️วีรบุรุษจากไปแล้ว
นับแต่ที่มาปฏิบัติหน้าที่ในภาคใต้ก็มีเหตุการณ์ที่เรียกว่าเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่เกิดขึ้นกับผู้กองแคน ผู้เป็นขวัญใจชาวบ้านในพื้นที่ เมื่อรุ่งเช้าของวันที่ 29 กันยายนพ.ศ. 2550 หลังจากเกิดเหตุกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบดักซุ่มโจมตีขบวนรถยนต์ของทางราชการ
ที่ขนส่งหีบบัตรเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลตำบลบันนังสตา จ.ยะลา ณ เนินนวรัตน์ เส้นทางสายบันนังสตา-เขื่อนบางลาง จังหวัดยะลา ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่เหมาะแก่การซุ่มโจมตี ลักษณะภูมิศาสตร์ที่นี่มีเนินดินสูงประกอบกับมีป่ารกทึบ พื้นที่แห่งนี้เต็มไปด้วยไม้จำนวนมาก ไม่มีบ้านคนแม้แต่หลังเดียว
ผู้กองแคนนำทีมพลร่มตชด. 12 นาย ออกลาดตระเวนเพื่อรักษาความปลอดภัย ท่านรับหน้าที่เป็นส่วนล่วงหน้า หรือผู้สำรวจพื้นที่โดยจะต้องเสี่ยงนำหน้าทีมแบบไม่คิดชีวิต
ไม่มีโอกาสเลยที่จะคิดถึงบ้าน
ไม่มีโอกาสเลยที่จะอยู่สบาย
ไม่มีโอกาสเลยที่จะพูดว่าเหนื่อย
ชีวิตนักรบยังต้องไปต่อ
ทันใดนั้นเอง เสียงปืนก็กระหน่ำดังขึ้นจากกลุ่มโจรใต้ที่ซุ่มโจมตีผู้กล้า ทั้ง 2 ฝ่ายสาดกระสุนไม่ต่างจากห่าฝนเลยทีเดียว การปะทะกันเป็นไปอย่างดุเดือดราวกับหนังแอ็คชั่น โอกาสรอดกับไม่รอดของทีมพลร่มนเรศวรมีเท่ากัน หากวันนั้นรอดไปได้วันนี้ท่านก็จะได้เป็นผู้กำกับสภ.ไม่ก็ย้ายไปช่วยงานส่วนกลาง
แต่สุดท้ายชีวิตกลับจบลงที่นี่เมื่อโจรใต้ลั่นกระสุนพุ่งเข้าที่ร่างของท่าน ถึงแม้จะล้มลงท่านยังใช้แรงเฮือกสุดท้ายส่งสัญญาณมือให้ลูกทีมจัดแนวป้องกัน เมื่อรับมือไม่ได้จึงให้คนในทีมขอกำลังเสริม แม้กำลังเสริมจะมาถึงในที่สุดเป็นเวลาเดียวกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบได้ล่าถอยไป แต่เสียงปืนที่เงียบลงก็เผยให้เห็นความสูญเสียครั้งใหญ่ นั่นคือการเสียชีวิตของผู้กองแคน ร้อยตำรวจเอก ธรณิศ ศรีสุข วีรบุรุษแห่งเขื่อนบางลาง
เรื่องราวของผู้กองแคน ร้อยตำรวจเอก ธรณิศ ศรีสุข ไม่ได้เป็นเพียงแค่บทบันทึกในหน้าประวัติศาสตร์ แต่เป็นบทเรียนที่สะท้อนถึงแก่นแท้ของความเสียสละและความกล้าหาญของชายหนุ่มผู้นี้ อันที่จริงท่านมีโอกาสเลือกเส้น ทางที่สบายกว่าเหมือนเพื่อนนรต.รุ่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตามท่านกลับมุ่งมั่นเลือกเส้นทางที่เต็มไปด้วยอันตรายเพื่อรักษาความสงบสุขและปกป้องชีวิตของผู้อื่นในดินแดนปลายด้ามขวาน โดนท่านคำนึงถึงคำว่า "หน้าที่" เป็นสำคัญ ท่านแสดงให้เราเห็นว่าชีวิตที่มีคุณค่าไม่ได้วัดด้วยสิ่งที่เราได้มา แต่วัดด้วยสิ่งที่เรามอบให้ ผู้กองแคนจึงกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความหวังที่ไม่มีวันจางหายและเป็นแรงบันดาลใจให้เราทั้งหลายได้คิดถึงความหมายของการมีชีวิตเพื่อผู้อื่นอย่างแท้จริง
สำหรับเรื่องของผู้กองแคน เป็นตัวอย่างที่ควรค่าแก่การจดจำไปอีกยาว ไม่ใช่เเค่ 20-30 ปีก็หายไปตามยุค แม้แต่ในคริสต์ทศวรรษ 2020 เรื่องราวของท่านควรจะมีการเผยแพร่ให้มากกว่านี้ เพื่อเป็นแบบอย่างให้คนรุ่นหลังในการดำเนินชีวิต
แม้ชีวิตท่านจะไม่ใช่ประวัติศาสตร์ตามตำราเรียนที่ท่านผู้อ่านเคยเรียนมา ท่านผู้อ่านคงจะทราบดีว่าการตายในครั้งนี้เป็นการปลุกใจให้คนรุ่นหลังเกิดจิตสำนึกที่ดีต่อแผ่นดินไทยและเป็นการกระตุ้นให้เห็นทหาร ตำรวจ ในพื้นที่ภาคใต้ก็มีความเสียสละไม่แพ้ภาคอื่นๆของประเทศไทย สำหรับวันนี้ขอลาไปก่อน สวัสดีครับ
Credit บทความและภาพประกอบ
ไทยมิธ
ความฝันอันสูงสุด ผู้กองแคน ร.ต.อ.ธรณิศ ศรีสุข
Matichon
Thai Airborne
เรียบเรียงบทความ : อัศวิน
บันทึก
1
3
1
3
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย