เมื่อวาน เวลา 02:15 • การเมือง

AT-6TH LANNA WARRIOR

สวัสดีครับท่านผู้อ่านทุกท่าน ก่อนที่จะไปติดตามบทความใหม่จากผู้เขียน ขอให้ทุกท่านโปรดช่วยกดไลก์ กดแชร์ และกดติดตามเพื่อเป็นกำลังให้ผู้เขียนในการทำบทความต่อไป
สำหรับท่านใดที่มีเรื่องราวที่น่าสนใจ ท่านสามารถ inbox ข้อความมาได้ที่ Facebook Supakrit Falcon หากเรื่องใดน่าสนใจผู้เขียนจะไปหาข้อมูล เพื่อเตรียมนำเสนอในบทความถัดไป
เมื่อวานนี้เหนือน่านฟ้าเชียงใหม่ มีภาพเครื่องบินโจมตีใบพัดแบบหนึ่งจำนวน 6 เครื่องบินเกาะหมู่ราวกับมีเชือกขึง นี่เป็นอีกครั้งที่ดินแดนล้านนากลับมามีเครื่องบินโจมตีใบพัดประจำการหลังจากที่ OV-10 ได้ปลดไปกว่า 20 ปีแล้ว เครื่องบินโจมตีเหล่านี้มีฉายาว่า "Wolverine"
มันพร้อมจะจัดการข้าศึกที่เป็นอันตรายต่อประเทศไทยได้ทุกเมื่อ เมื่อบินผ่านตัวเมืองเครื่องบินทั้ง 6 เครื่องก็ทำการบินผ่านเหนือพื้นที่กองบิน 41 อันเป็นที่ตั้งของนกเหล็กเหล่านี้ หลังจากที่ทุกเครื่องร่อนลงจอดเรียบร้อยเหล่านักบินดับเครื่องยนต์แล้วเปิดกระจกห้องนักบิน (canopy) แล้วเดินลงมาพร้อมกันทุกนาย พวกเขาเหล่านี้คือนักบินพร้อมรบ AT-6TH รุ่นแรกของเมืองไทย
▶️จุดเริ่มต้นของ AT-6TH
วันที่ 24 สิงหาคมค.ศ.2021 มีการสั่งซื้อเครื่องบินโจมตีเบา เอทีซิกซ์ ทีเอช วูล์ฟเวอรีน (AT-6 TH Wolverine) จำนวน 8 เครื่องของกองทัพอากาศไทยในงานดูไบ แอร์โชว์ 2021 กลายเป็นข่าวใหญ่แพร่สะพัดไปทั่วโลก  กลายเป็นลูกค้าต่างชาติรายแรกสำหรับ เอทีซิกซ์ วูล์ฟเวอรีน
โดยในการจัดซื้อครั้งนี้ มีมูลค่าวงเงินงบประมาณกว่า 4,600 ล้านบาท (143,396,000 USD) ซึ่งเป็นโครงการผูกพันงบประมาณ 5 ปี ระหว่างปี 2021-2025 เป็นการจัดหาเครื่องบินโจมตีแบบเบา AT-6 จำนวน 8 เครื่อง พร้อมอุปกรณ์อะไหล่ ระบบสนับสนุนการฝึกอบรม และอุปกรณ์อื่นๆ
กองทัพอากาศไทยได้ชี้แจงว่า การจัดหา เครื่องบินโจมตีเบา เอที-6 วูล์ฟเวอรีน มาเพื่อทดแทนเครื่องบินฝึกขับไล่ไอพ่นแบบ L-39 ZA/ART อัลบาทรอส ที่มีอายุการใช้งานนานกว่า 25 ปี และได้ปลดประจำการแล้ว โดยแอล-39 ประจำการในช่วงสุดท้ายก่อนปลดประจำการที่ กองบิน 41 จ.เชียงใหม่
โดย แอล-39 กองทัพอากาศจัดหามาเพื่อใช้ ฝึกนักบินขับไล่ไอพ่นก่อนที่จะไปบินกับเครื่องบินขับไล่สมรรถนะสูงกว่า เช่น เอฟ-5 หรือ เอฟ-16 รวมทั้งสามารถนำมาใช้เป็นเครื่องบินขับไล่เบา และสนับสนุนการโจมตีภาคพื้นดิน ด้วยอาวุธจรวดและระเบิด ที่มีใช้ในกองทัพอากาศได้
▶️การออกแบบ
เอที-6 วูล์ฟเวอรีน ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับภารกิจการโจมตีทางอากาศ ซึ่งตรงกับความต้องการของกองทัพอากาศ นอกจากนี้ ยังสามารถสนับสนุนการค้นหาและช่วยชีวิตในพื้นที่การรบ ในการบินคุ้มกันเฮลิคอปเตอร์กู้ภัยเพื่อช่วยชีวิตนักบินที่ถูกยิงตก หรือค้นหาผู้ประสบภัยด้วยตัวเองจากกล้องมองภาพในเวลากลางคืนที่ติดมากับเครื่องบินได้
เหตุผลที่กองทัพอากาศไทยเลือกยังคำนึงถึงปัจจัยอีกหลายอย่างที่สำคัญ นั่นคือ ความประหยัด ในการส่งกำลังและซ่อมบำรุงจากการใช้อะไหล่ร่วมกันได้กับอากาศยานที่มีอยู่ก่อนแล้ว
นั่นเป็นเพราะ ทอ.ไทย ได้สั่งซื้อญาติมันอย่างเครื่องบินฝึก บีชคราฟท์ ที-6ซี เท็กซ์ซานทู มาก่อนหน้านี้ 12 เครื่อง เพื่อทดแทนเครื่องบินฝึกขั้นสูง ปิลาตุส พีซี-9 เอ็ม ที่ใช้งานมาอย่างยาวนาน และเป็นเครื่องบินครูของนักบินรบกองทัพอากาศไทยมากว่า 20 ปี
โดยได้นำมาประจำการที่โรงเรียนการบินกำแพงแสนในปี 2022 การที่มีเครื่องบินแบบแผนเดียวกัน จึงสามารถบริหารจัดการชิ้นส่วนอะไหล่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะแทบทุกส่วน 85% สามารถใช้ร่วมกันได้ รวมทั้งอุปกรณ์ภาคพื้นดิน และซ่อมบำรุงจะประหยัดได้ต่ำกว่า 1,000 เหรียญสหรัฐฯ ต่อชั่วโมง
ระยะเวลาในการฝึกที่ลดลงเนื่องจากเป็นอากาศยานในตระกูลเดียวกับที่ใช้ฝึก แต่เพิ่มขีดความสามารถให้สูงขึ้น เนื่องจากการฝึกนักบินหลังจากนี้จะใช้ ที-6 ซี ฝึกบิน จึงทำให้เมื่อมาบินกับ เอที-6 ระยะเวลาในการฝึกก็จะลดลงเพราะเป็นเครื่องบินตระกูลเดียวกัน จากศิษย์การบิน มาเป็นนักบินพร้อมรบ ก็จะใช้เวลาลดลงนั่นเอง
▶️คุณสมบัติของเครื่องบินโจมตี AT-6
ด้วยความต้องการเครื่องบินมีความเหมาะสมกับการปฏิบัติภารกิจบริเวณแนวชายแดน ในการลาดตระเวนติดอาวุธ เครื่องบินโจมตีเบาจึงมีความเหมาะสมกับการปฏิบัติการในยุคปัจจุบันมากขึ้น
เนื่องด้วยภัยคุกคามหลัก ไม่ได้มีแต่การรบเต็มรูปแบบ แต่ยังมีการเผชิญกับภัยคุกคามจากยาเสพติด กลุ่มติดอาวุธก่อการร้ายที่เป็นภัยคุกคามต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน หรือแม้แต่การบินลาดตระเวนในยามเกิดภัยพิบัติ เครื่องบินที่นำมาใช้จึงไม่จำเป็นต้องเป็นเครื่องบินขับไล่ความเร็วสมรรถนะสูงที่มีค่าใช้จ่ายสูง
แต่ต้องการเครื่องบินที่อยู่บนฟ้าได้นานๆ ความเร็วไม่สูงมาก อีกทั้งมีความสามารถในการติดอาวุธได้เพียงพอต่อการโจมตีภาคพื้นดิน ด้วยเหตุนี้ทำให้ เอที-6 วูล์ฟเวอรีน ที่เป็นเครื่องบินโจมตีใบพัดเทอร์โบพร็อบ ที่ค่าใช้จ่ายในการบินต่ำกว่า ค่าเชื้อเพลิงประหยัดได้มากกว่า จึงเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่า และเหมาะสมมากกว่า
เอที-6 วูล์ฟเวอรีน พัฒนามาจากแบบแผนของเครื่องบินฝึก ที-6 เอ/บี เท็กซ์ซานทู ที่มีใช้ในกองทัพอากาศและกองทัพเรือสหรัฐฯ รวมทั้งกองทัพอากาศไทยในการฝึกนักบิน โดยคุณลักษณะของเครื่อง เอที-6 ใช้เครื่องยนต์ใบพัดเทอร์โบพร็อบ 1 เครื่อง ให้กำลัง 1,600 แรงม้า ทำความเร็วได้สูงสุด 0.67 มัค
สามารถบรรทุกอาวุธได้หนักถึง 4,110 ปอนด์ หรือ 1,864 กก.และยังสามารถลงจอดได้ด้วยน้ำหนักสูงสุด ระยะปฏิบัติการ 1,563 ไมล์ เมื่อติดถังเชื้อเพลิงสำรอง 4 ถังและมีกล้องมองภาพด้วยอินฟราเรด MX-15D ใต้ลำตัว สามารถติดอาวุธได้ 6 จุด (ใต้ปีกข้างละ 3 จุด)
นอกจากนี้ยังมีระบบอวิโอนิกส์ที่ทันสมัยเพื่อช่วยในการบิน ทั้งระบบนำทางจีพีเอส ระบบนำทางด้วยจีพีเอส ระบบบริหารการบิน FMS ระบบข้อมูลภูมิประเทศแบบดิจิทัล กล้องบันทึกวิดีโอ ระบบเชื่อมข้อมูล LINK16 เป็นต้น
ในส่วนของห้องนักบิน แม้จะเป็นเครื่องบินใบพัด แต่ก็มาพร้อมกับกลาสค็อกพิต จอภาพสีมัลติฟังก์ชันดิสเพลย์ 2 จอ แบบ CMC ระบบคอมพิวเตอร์ภารกิจ เป็นสถาปัตยกรรมแบบเดียวกับเครื่องบินโจมตีแบบ เอ-10 ซี ทันเทอร์โบลต์ ทู (A-10C Thunderbolt II) เครื่องบินโจมตีสนับสนุนใกล้ชิดทางอากาศที่ถูกปรับปรุงให้ทันสมัย และประสิทธิภาพดีที่สุดในการโจมตีของกองทัพอากาศสหรัฐฯ
ในส่วนจอภาพตรงหน้าที่นั่งนักบิน เป็นแบบ SparrowHawk HUD ที่สามารถแสดงข้อมูลการเดินทางอากาศ นำทางและระบบอาวุธ คันบังคับ HOTAS เหมือนกับที่ใช้ใน เอฟ-16 เก้าอี้ดีดตัวแบบ มาร์ติน เบเกอร์ ML16A Zero/Zero สามารถดีดได้ทุกความสูงและความเร็ว ระบบภาพในเวลากลางคืน และไฟในค็อกพิตและภายนอก
รองรับการทำงานของหมวกนักบินแบบแสดงการเล็งอาวุธ GENTEX Scorpion Helmet-Mounted Cueing System ระบบวิทยุสื่อสารรองรับคลื่นความถี่ UHF/VHF/SATCOM
นักวิเคราะห์ต่างประเทศมองว่า ในส่วนกลาสค็อกพิตและระบบคอมพิวเตอร์ภารกิจที่ใช้พื้นฐานเดียวกับ เอ-10 ซี ถือว่า เอที-6 มีประสิทธิภาพเหนือกว่าเครื่องบินโจมตีเบาที่อยู่ในท้องตลาดเวลานี้
เขียวเล็บสำคัญของเอทีซิกซ์
▶️มีการตำแหน่งติดอาวุธรวม 7 จุดใต้ปีกข้างละ 3 จุด ใต้ลำตัว 1 จุด ทำให้สามารถนำอาวุธไปทำภารกิจได้อย่างเพียงพอ และสามารถเลือกใช้ได้ตามความเหมาะสม ทั้งกระเปาะปืนกล .50 คาลิเบอร์ หรือปืนใหญ่อากาศขนาด  20 มม. จรวดไม่นำวิถีขนาด 2.75 นิ้ว ไฮดรา จรวดนำวิถีด้วยเลเซอร์ APKWS
อาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่พื้นแบบ เอจีเอ็ม-142 เฮลไฟร์ ระเบิดนำวิถีด้วยเลเซอร์ GBU 12 Paveway I, GBU-58 Paveway II, GBU-49 และ GBU-59 enhanced Paveway II ระเบิดไม่นำวิถี MK 81 ขนาด 250 ปอนด์ และ MK 82 ขนาด 500 ปอนด์
ทำให้เอที-6 เป็นเครื่องบินปีกตรึงแบบแรกที่สามารถยิงจรวดนำวิถีด้วยเลเซอร์ได้ รวมทั้งยังมีระบบป้องกันตัวจากอาวุธปล่อยนำวิถี ด้วยเซนเซอร์ตรวจจับการล็อกเป้าที่ปลายปีก 2 ข้าง และระบบปล่อยเป้าลวง อาวุธนำวิถีด้วยเรดาร์ (แชฟท์) และพลุลวงความร้อน (แฟลร์)
▶️อุตสาหกรรมการบินของไทยได้ประโยชน์อะไร
กองทัพอากาศไทยมีการกำหนดชื่อรุ่นว่า AT-6TH เพื่อสนับสนุนการสร้างเสริมกองทัพ และความร่วมมือในด้านการป้องกันประเทศระหว่างสหรัฐอเมริกาและไทย สัญญานี้ยังส่งเสริมการเติบโตของอุตสาหกรรมการบินของไทยที่ระบุไว้ใน แผน Purchase and Development ระยะเวลา 10 ปีของกองทัพอากาศ ทำให้กำลังพลของกองทัพอากาศไทยมีความได้เปรียบทางเทคโนโลยี ในการส่งเสริมอุตสาหกรรมป้องกันประเทศตามยุทธศาสตร์ S-Curve ที่ 11
สำหรับ AT-6TH นี้เป็นสัญญาที่ 2 ที่สนับสนุนยุทธศาสตร์ S-Curve ที่ 11  โดยสัญญาแรก คือ โครงการจัดหาเครื่องบินฝึก T-6TH Texan II ในปีค.ศ. 2020 จำนวน 12 เครื่อง เพื่อทดแทนเครื่องบินฝึกขึ้นสูง พีซี-9 ที่ใช้งานมาอย่างยาวนาน โดยการฝึกช่างเทคนิคของกองทัพอากาศไทยเริ่มต้นไปเมื่อปีค.ศ.2023 ในประเทศไทย ตามมาด้วยการฝึกนักบินเริ่มต้นขึ้นในปี 2024 ในเมือง Wichita ประเทศสหรัฐอเมริกา จนกระทั่งกองทัพอากาศไทยมีการรับมอบ AT-6TH ล็อตแรกในปี 2024
▶️เริ่มใช้งานจริง
กองทัพอากาศไทยได้รับมอบเครื่องบินโจมตีแบบที่ 8 (บ.จ.8) AT-6TH Wolverine ของตนสองเครื่องแรกหมายเลข "41101" และ "41102" เข้าประจำการ ณ ฝูงบิน 411 กองบิน 41 เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม ค.ศ.2024 หลังจากนั้นจึงได้เริ่มต้นทำการฝึกบินในพื้นที่ครั้งแรกเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม ค.ศ.2024
ต่อมา AT-6TH 2 เครื่องได้มีการติดอาวุธใต้ปีกบินเปิดตัวต่อสาธารณชนครั้งแรกในพิธีเปิดการทดสอบและประเมินค่าการปฏิบัติการทางอากาศยุทธวิธี ประจำปี 2025 ณ สนามฝึกใช้อาวุธทางอากาศชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม ค.ศ.2024
ต่อมาเมื่อวันที่ 8 มกราคม ค.ศ.2025 ได้มีพิธีแสดงความยินดีกับนักบินเครื่องบินโจมตีแบบที่8 บ.จ.8 AT-6TH ฝูงบิน411 กองบิน41 เชียงใหม่ ชั้นเรียนที่1(Class I) จำนวน 7 นายที่ได้การฝึกบินเปลี่ยนแบบ(transition) และทำการบินปล่อยเดี่ยว Solo fight แรก
กิจกรรมวันเด็กแห่งชาติประจำปี 2025 เมื่อวันที่ 11 มกราคมปีนี้ ยังเป็นครั้งแรกที่กองทัพอากาศไทยได้นำเครื่องบินโจมตี บ.จ.8 AT-6TH ร่วมงานแสดงการบิน Airshow ณ กองบิน6 ดอนเมือง และที่กองบิน41  จ.เชียงใหม่ก็มีเครื่องบินแบบดังกล่าวทำการบินผาดแผลงครั้งแรกด้วย
ล่าสุดงานแสดงการบินนานาชาติเนื่องในโอกาสครบรอบ 88ปีกองทัพอากาศไทย RTAF88 ระหว่างวันที่ 7-8 มีนาคมปี 2025 ณ กองบิน6 ดอนเมือง ได้มีการจัดแสดงเครื่องบินโจมตี AT-6TH ร่วมกับอากาศยานแบบอื่นทั้งของกองทัพอากาศไทยและกองทัพอากาศมิตรประเทศ
วันที่ 14 มีนาคม ค.ศ.2025 พลเอก ทรงวิทย์ หนุนภักดี พร้อมด้วย พลอากาศเอก พันธ์ภักดี พัฒนกุล "Armstrong"  ได้ทำการขึ้นบินกับเครื่องบินโจมตีแบบที่ 8 ( Beechcraft AT-6TH Wolverine ) ฝูงบิน 411 กองบิน 41 ในที่นั่งหลังของหมู่บินจำนวน 3 เครื่อง เพื่อทำการบินภารกิจตรวจแนวชายแดนไทย-พม่า อย่างไรก็ตามพื้นที่ปฏิบัติภารกิจและสนามทดสอบการใช้อาวุธได้ถูกปกปิดเป็นความลับ
หลังทำการบินกับ AT-6TH พลเอก ทรงวิทย์ ท่านได้ให้สัมภาษณ์สื่อแสดงความมั่นใจว่า  AT-6TH มีขีดความสามารถในการสนับสนุนกองกำลังภาคพื้นดิน รองรับการใช้อาวุธความแม่นยำสูง และภารกิจที่ไม่ใช่การรบได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ที่ผ่านมาประเทศที่มีพื้นทีาติดชายแดนภาคเหนือของบ้านเราอย่างพม่า มีข่าวว่าให้เห็นว่ากองทัพอากาศพม่าได้ใช้อากาศยานรบของตนบินโจมตีกองกำลังต่อต้านพลเอกอาวุโส มิน อ่อง ลาย ซึ่งกองทัพอากาศไทยได้ตอบโต้โดยการส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 ฝูงบิน 403 กองบิน 4 ตาคลี จ.นครสวรรค์ทำการบินสกัดกั้นควบคุมน่านฟ้า
ซึ่งถ้าหากสถานการณ์รุนแรงถึงขั้นมีการโจมตีกองกำลังต่างชาติเข้ามาในฝั่งไทยโดยกองทัพพม่า กองทัพอากาศไทยก็พร้อมจะใช้เครื่องบินโจมตี AT-6TH ผลักดันออกไป ในขณะเดียวกันหาก AT-6TH กำลังจะตกเป็นเป้าของเครื่องบินขับไล่สมรรถนะสูงกองทัพอากาศพม่า F-16 ฝูงบิน 403 กองบิน4 ตาคลี ก็จะทำการเข้าปะทะเพื่อ AT-6TH ใช้อาวุธจัดการกับกองภาคพื้นได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ถูก fighter ข้าศึกไล่ติดตาม
นี่เป็นบทความเกี่ยวกับสุดยอดเครื่องบินโจมตีใบพัดแบบใหม่อย่าง AT-6TH ที่หลายท่านมีภาพหรือคลิปขณะทำการบินผ่านในพิธีจบหลักสูตรนักบินพร้อมรบ เครื่องบินโจมตีรุ่นนี้แม้จะไม่เร็วเท่า F-16 แต่มันก็มีความสามารถในการผลักดันกองทัพฝ่ายตรงข้ามออกไปจากประเทศเราได้ ก่อนจากกัน ผู้เขียนขอมอบข้อความนี้ให้กับนักบินฝูงบิน 411 ที่จบหลักสูตรฝึกบินพร้อมรบ AT-6TH ทุกท่าน สำหรับวันนี้ขอลาไปก่อน สวัสดีครับ
"อากาเส ยนฺติ อิทธิยา"
ผู้มีฤทธิ์ ย่อมไปได้ในอากาศ
Credit บทความและภาพประกอบ
JSTCNX
Chittapon Kaewkiriya
Anutsara Thaidamrong
Thairath Online
AAG_TH บันทึกประจำวัน
Airlinesweek
Wassana Nanuam
เรียบเรียงบทความ : นายพลห้าดาว
โฆษณา