20 มิ.ย. เวลา 14:35 • ธุรกิจ

ยอดขายไม่กระเตื้อง แต่ค่าใช้จ่ายยังวิ่ง SME ไทยควรทำอย่างไร?

เอาจริงๆปีนี้ผมมีความหวังตั้งแต่ช่วงต้นปีว่าจะมีอะไรดีๆบ้าง แต่สุดท้ายเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีแรกของ 2568 ก็ยังคงเดินหน้าอย่างเชื่องช้า ไม่ฟื้นตัวอย่างที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ ไหนจะสถาณการณ์ชายแดนที่กระทบความเชื่อมั่นเป็นวงกว้าง ส่งผลให้ผู้ประกอบการ SME จำนวนมากต้องเผชิญกับความท้าทายอย่างหนัก ยอดขายที่ซบเซาลงอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ค่าใช้จ่ายประจำยังคงวิ่งไม่หยุด ไม่ว่าจะเป็นเงินเดือนพนักงาน ค่าไฟฟ้า ค่าเช่า หรือค่าวัตถุดิบที่มีแนวโน้มสูงขึ้น
ไม่ว่าจะลูกค้าผมเองหรือผู้ประกอบการทั่วไปไม่น้อยเลยตกอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก รายได้ลดยอดขายลด แต่ภาระค่าใช้จ่ายยังคงอยู่ หลายคนเริ่มคิดถึงการปิดกิจการ ลดขนาดธุรกิจ หรือปลดพนักงาน ซึ่งเป็นทางออกที่ไม่มีใครอยากเลือก
การทำธุรกิจในช่วงเศรษฐกิจผันผวน ถ้าไม่มีเงินสำรองไว้เลย มันก็เหมือนเดินอยู่บนเส้นลวดโดยไม่มีตาข่ายรองรับข้างล่าง — พลาดนิดเดียวก็ร่วงเลย
หลายคนอาจจะคิดว่า “ก็แค่หมุนเงินให้ทันไปเดือนต่อเดือน” แต่เอาเข้าจริง มันมีความเสี่ยงซ่อนอยู่หลายอย่างโดยที่เราอาจไม่รู้ตัว
เงินหมุนไม่ทัน = ปัญหามาเป็นพวง
อย่างแรกเลยคือ เรื่องกระแสเงินสด — ถ้ารายรับไม่พอกับรายจ่ายเมื่อไหร่ ทุกอย่างจะเริ่มรวนทันที
จ่ายเจ้าหนี้ไม่ได้ จ่ายพนักงานช้าบ้าง แถมถ้าเครดิตเสียขึ้นมา คราวนี้ไม่ใช่แค่เงินไม่พอแล้ว แต่จะโดนดึงความน่าเชื่อถือไปด้วย
ขาดทุนสะสม กลายเป็นบ่อน้ำลึก
ถ้ารายได้ยังไม่กลับมา แต่เรายังต้องจ่ายเหมือนเดิมทุกเดือน ไม่ช้าไม่นานเงินทุนที่มีอยู่ก็จะค่อยๆ ถูกกัดกร่อน
และพอมันเริ่มลึกเกินไป เราอาจจะอยู่ในจุดที่ต้องกู้เพิ่มเพื่อมาหมุนจ่ายหนี้เก่า ซึ่งมันวนลูปไปเรื่อยๆ จนบางคนถึงขั้นต้องยอมแพ้
คนเก่งๆ เริ่มทยอยหาย
อีกเรื่องที่คนมักมองข้ามคือ “ทีมงาน”
พอเริ่มมีปัญหาเรื่องเงินเดือนหรือสวัสดิการ คนที่มีฝีมือก็เริ่มมองหาที่ใหม่
สุดท้ายคนที่อยู่ก็อาจจะเป็นคนที่ไม่พร้อมพาเราไปต่อเท่าไหร่
พลาดโอกาสที่ควรคว้า
บางช่วงที่เศรษฐกิจฝืด มันกลับเป็นโอกาสของบางธุรกิจ เช่น ของบางอย่างราคาถูกลง มีเครื่องจักรมือสองขายถูก หรือคู่แข่งบางรายเริ่มอ่อนแรง
ถ้าเรามีเงินสำรอง ก็สามารถคว้าโอกาสเหล่านี้ไว้ได้ แต่ถ้าไม่มี ก็ได้แต่ยืนมองโอกาสหลุดมือไป
แล้วถ้าเงินเริ่มตึง... SME ควรหาทุนสำรองจากไหน?
พอเจอสถานการณ์ยากๆ แบบทุกวันนี้ หลายธุรกิจเริ่มรู้แล้วว่า "ทุนสำรอง" ไม่ใช่เรื่องไกลตัว
ไม่มีเงินกันไว้ ธุรกิจสะดุดได้ง่ายมาก
คำถามคือ...จะหาทุนสำรองจากไหนได้บ้าง?
1. เก็บเงินไว้ล่วงหน้า
แน่นอน วิธีเบสิกสุดคือเก็บกำไรสะสมไว้เป็นเงินสำรอง
แต่เอาเข้าจริง มันต้องใช้เวลานาน และถ้ารายได้เริ่มฝืด ก็อาจเก็บไม่ทัน
คนส่วนใหญ่แนะนำว่าควรมีเงินสำรองอย่างน้อย 3-6 เดือนของค่าใช้จ่ายคงที่
ฟังดูดี แต่ทำจริงไม่ง่าย
2. หาทุนจากภาครัฐ
ช่วงหลังมีโครงการช่วยเหลือ SME ออกมาเรื่อยๆ
ทั้งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ หรือเงินสนับสนุน
แต่เงื่อนไขค่อนข้างเยอะ ต้องใช้เอกสาร และบางทีรอนานเกินกว่าจะทันใช้
3. ขอสินเชื่อไว้ใช้ในยามจำเป็น
อีกทางเลือกที่หลายคนใช้ คือ “สินเชื่อเพื่อธุรกิจ”
เพราะมันเร็ว ยืดหยุ่น และเดี๋ยวนี้ก็มีตัวเลือกที่ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกันด้วย
บางที่แค่มีรายได้สม่ำเสมอ มีแผนธุรกิจที่ดี ก็ขอได้แล้ว
สรุปง่ายๆ ก็คือ...
“ทุนสำรอง” คือเกราะป้องกันของธุรกิจ ถ้ามีไว้แต่เนิ่นๆ ก็ไม่ต้องวิ่งหาเงินตอนที่ทุกอย่างเริ่มแย่
แล้วทำไม “สินเชื่อSME” ถึงเป็นตัวเลือกที่น่าคิด?
หลายคนอาจจะลังเล ว่าช่วงนี้ควรขอสินเชื่อดีไหม กลัวจะเป็นหนี้ หรือเพิ่มภาระให้ตัวเอง
แต่ถ้ามองดีๆ แล้ว “สินเชื่อที่ใช้เป็น” มันช่วยให้ธุรกิจผ่านช่วงยากๆ ไปได้จริงๆ โดยเฉพาะตอนที่รายได้หาย แต่รายจ่ายยังอยู่ครบ
ลองดูแบบนี้ครับ:
1. มีเงินไว้ใช้ทันที ตอนที่ต้องใช้จริงๆ
บางครั้งปัญหามันไม่ได้อยู่ที่ “ไม่มีเงินเลย” แต่มันอยู่ที่ “ไม่มีตอนต้องใช้”
สินเชื่อประเภทหมุนเวียน หรือพวกที่อนุมัติเร็ว มันช่วยให้เรามีเงินมาจ่ายของ จ่ายพนักงาน หรือเอาไปหมุนในจังหวะที่ธุรกิจเรากำลังช็อตพอดี
เหมือนมีลมหายใจต่อให้เราอีกเฮือก
2. เอาไว้ใช้จ่ายของที่หยุดไม่ได้
ไม่ว่าจะขายดีหรือยอดแผ่ว ค่าเช่า ร้าน ค่าแรงลูกน้อง หรือค่าวัตถุดิบก็ยังต้องจ่ายเหมือนเดิม
ถ้ามีสินเชื่อคอยเสริม ก็จะไม่ต้องไปเบียดเงินก้อนสำคัญ หรือเอาเงินส่วนตัวมาเติมตลอด
3. เดี๋ยวนี้มีแบบไม่ต้องใช้หลักทรัพย์แล้วด้วย
ถ้าใครคิดว่าขอสินเชื่อต้องมีบ้านมีที่ดินไปค้ำถึงจะกู้ได้ — ตอนนี้ไม่ใช่แบบนั้นเสมอไปแล้วครับ
มีสินเชื่อ SME ที่ดูจากรายได้ ประวัติการเดินบัญชี หรือแผนธุรกิจมากกว่า
ใครที่ไม่มีทรัพย์สินอะไรค้ำ แต่ธุรกิจมีศักยภาพ ก็ยังขอได้
4. ช่วยประคองไว้ก่อน...เพื่อให้ธุรกิจไปต่อ
บางคนคิดว่าสินเชื่อต้องเอาไว้ “ขยาย” เท่านั้น
แต่จริงๆ แล้ว มันก็ช่วยให้ “อยู่รอด” ได้ก่อนเหมือนกัน — ยิ่งถ้าใช้มันอย่างรอบคอบ
รอจนเศรษฐกิจฟื้น หรือเราได้ไอเดียใหม่ๆ แล้วค่อยไปต่อก็ยังทัน
เรื่องเล่าจากเพื่อนร่วมทาง SME: มีเงินสำรอง กับ ไม่มี มันต่างกันแค่ไหน?
ช่วงต้นปีที่ผ่านมา หลายธุรกิจน่าจะรู้สึกเหมือนกัน — ลูกค้าเงียบ ยอดขายนิ่ง แต่ค่าเช่า ค่าพนักงาน ค่าวัตถุดิบ ก็ยังวิ่งเหมือนเดิม
บางคนบอกว่า "อดทนหน่อย เดี๋ยวก็กลับมา" แต่เอาจริงๆ ถ้าธุรกิจไม่พร้อมรับมือ มันก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะ "กลับมาได้ทันเวลา"
ผมเองมีเพื่อนเจ้าของธุรกิจอยู่สองคน ทำธุรกิจคล้ายกัน เปิดร้านมาใกล้ๆ กันด้วย แต่รับมือกับช่วงเศรษฐกิจฝืดได้ไม่เหมือนกันเลย
คนแรก เตรียมตัวไว้ก่อน
ช่วงปลายปีที่แล้ว เขาไปขอวงเงินสินเชื่อไว้กับธนาคารเผื่อไว้ก่อน ยังไม่ได้ใช้ด้วยซ้ำ แค่คิดว่า “กันเหนียวไว้ก่อน เผื่อมีอะไรฉุกเฉิน”
พอปีนี้ยอดตกลงจริงๆ เขาไม่ได้ตื่นตระหนกอะไร
ค่อยๆ ดึงวงเงินออกมาใช้ทีละนิด เอาไว้จ่ายค่าพนักงาน ทำโปรโมชั่น จัดหน้าร้านใหม่
แม้ยอดขายไม่เด้งทันที แต่พอผ่านไป 2-3 เดือน ก็เริ่มฟื้นขึ้น เพราะยังมีเงินขยับ
เขาบอกว่า "ดีที่มีวงเงินสำรอง ไม่งั้นวันนี้คงหมดแรงไปก่อนยอดจะกลับมา"
อีกคน ไม่คิดว่าจำเป็น
ส่วนอีกคน ไม่เคยคิดจะขอสินเชื่อไว้ก่อน เพราะคิดว่า "ยังพอไหว ยังไม่ถึงเวลา"
แต่พอยอดเริ่มตก ก็เจอปัญหาทันที เงินสดในมือเริ่มขาด
ต้องปลดพนักงานบางส่วน ลดเวลาทำงาน ตัดของดีบางอย่างที่เคยใช้
ลูกค้าก็เริ่มหาย เพราะคุณภาพมันไม่เหมือนเดิม
สุดท้ายอยากจะขอสินเชื่อก็ลำบาก เพราะรายได้ไม่ดีแล้ว เอกสารก็ไม่สวย แบงก์ก็ลังเล
เขาบอกว่า "เสียดายนะ ตอนที่ธุรกิจยังดี ไม่ยอมเตรียมอะไรไว้เลย"
สรุปแบบไม่ต้องคิดเยอะ
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า...
“บางทีเราก็ไม่ต้องรอให้วิกฤตมาถึงก่อน ถึงจะเริ่มหาทางรอด
แต่ควรเตรียม ‘ตัวช่วย’ เอาไว้ล่วงหน้า เผื่อวันที่ต้องใช้จริงๆ”
สินเชื่อเพื่อธุรกิจมันไม่ได้แย่ ถ้าเรารู้ว่าจะใช้มันทำอะไร
บางคนใช้เพื่อขยายกิจการ
แต่บางคน ใช้มันเพื่อ “รักษาลมหายใจของธุรกิจไว้” จนกว่าจะถึงวันที่ฟื้นตัว
ถ้าคุณกำลังลังเลว่าควรจะขอวงเงินไว้ดีมั้ย
คำแนะนำจากคนที่ผ่านมาคือ… “ขอไว้ก่อน ดีกว่ามาขอทีหลังตอนที่เขาไม่ให้แล้ว”
ในการเลือกสินเชื่อที่เหมาะสม ผู้ประกอบการควรพิจารณาประเภทสินเชื่อให้ตรงกับความต้องการของธุรกิจ
อย่างไรก็ตาม การใช้สินเชื่อต้องมีการวางแผนการชำระคืนอย่างรอบคอบ ผู้ประกอบการควรประเมินความสามารถในการชำระหนี้ และใช้เงินกู้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อธุรกิจ
ในท้ายที่สุด การมีทุนสำรองไม่ใช่เพียงเพื่อความอยู่รอดในยามวิกฤตเท่านั้น แต่ยังเป็นโอกาสในการปรับตัวและพัฒนาธุรกิจให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต
หากคุณเป็นผู้ประกอบการ SME ที่กำลังมองหาสินเชื่อธุรกิจไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันเพื่อประคองกิจการหรือต่อยอดธุรกิจ สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสินเชื่อธุรกิจ SME ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน และผลิตภัณฑ์สินเชื่อเพื่อธุรกิจอื่นๆ ได้ที่เว็บไซต์ของสถาบันการเงินชั้นนำ หรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสินเชื่อธุรกิจเพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ
อย่าปล่อยให้สถานการณ์เศรษฐกิจที่ท้าทายมาเป็นอุปสรรคต่อความสำเร็จของธุรกิจ มองหาบริการให้คำปรึกษาด้านการเงินเริ่มวางแผนทางการเงินและเตรียมทุนสำรองให้พร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ตั้งแต่วันนี้
#สินเชื่อธุรกิจSME #สินเชื่อไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน #เงินทุนหมุนเวียน #SMEไทย #ธุรกิจอยู่รอด #แหล่งเงินทุนSME #สินเชื่อเพื่อธุรกิจ
โฆษณา