เมื่อวาน เวลา 03:30 • หุ้น & เศรษฐกิจ

RTX กับ L3Harris หุ้นอาวุธสงคราม จากสหรัฐฯ ที่โตไปกับกระแสความขัดแย้ง

สงคราม ความขัดแย้ง ความไม่สงบบนโลกนั้น
สร้างประโยชน์ให้กับกลุ่มธุรกิจหนึ่งอย่างมหาศาล
ทุกคนก็คงเดาได้ นั่นคือ ธุรกิจอาวุธสงคราม
ที่ขายสินค้าและบริการให้แก่กองทัพ รัฐบาล หรือหน่วยงานด้านความมั่นคงของประเทศ
บทความนี้จะพาไปทำความรู้จักกับ 2 บริษัทสัญชาติอเมริกันที่น่าสนใจในกลุ่มนี้คือ RTX และ L3Harris
2 บริษัทนี้มีธุรกิจอะไรบ้าง ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
เริ่มกันที่บริษัทแรก RTX หรือ RTX Corporation
ปัจจุบันมีมูลค่าบริษัท 6.4 ล้านล้านบาท
ราคาหุ้นปรับตัวขึ้น +26% นับตั้งแต่ต้นปี
โดยบริษัทนี้ เกิดมาจาก Raytheon Company เจ้าพ่ออาวุธสงคราม ที่ได้ควบรวมกิจการกับ United Technologies Corporation ยักษ์ใหญ่แห่งวงการอากาศยาน
และตอนนี้มีธุรกิจหลักคือ
- Collins Aerospace ผลิตและให้บริการ ระบบและชิ้นส่วนในภาคอากาศยาน ทั้งพาณิชย์และการทหาร
- Pratt & Whitney ผลิตเครื่องยนต์อากาศยาน ทั้งพาณิชย์และการทหาร
- Raytheon Intelligence & Space ระบบข่าวกรอง, ไซเบอร์ซีเคียวริตี, ซอฟต์แวร์ และเซนเซอร์ขั้นสูง
- Raytheon Missiles & Defense
ครอบคลุมระบบการป้องกันภัยทางอากาศ (เช่น Patriot, NASAMS), ขีปนาวุธ, ระบบเรดาร์, สงครามอิเล็กทรอนิกส์, ระบบสอดแนมและดาวเทียม
ผลประกอบการที่ผ่านมาของ RTX Corporation
ปี 2022
รายได้ 2,206,734 ล้านบาท
กำไร 171,983 ล้านบาท
ปี 2023
รายได้ 2,268,988 ล้านบาท
กำไร 105,105 ล้านบาท
ปี 2024
รายได้ 2,656,290 ล้านบาท
กำไร 157,074 ล้านบาท
อีกบริษัทคือ L3Harris Technologies
ปัจจุบันมีมูลค่าบริษัท 1.5 ล้านล้านบาท
ราคาหุ้นปรับตัวขึ้น +18% นับตั้งแต่ต้นปี
บริษัทนี้เกิดจากการควบรวมกันของ L3 Technologies และ Harris Corporation
โดยมีธุรกิจหลักคือ
- Integrated Mission Systems
ระบบสำหรับภารกิจทางการทหาร เช่น ระบบข่าวกรอง, การเฝ้าระวังและลาดตระเวน, ระบบอิเล็กทรอนิกส์สำหรับใช้ในทะเล และระบบออปทิคัลไฟฟ้า รวมถึงเซนเซอร์อินฟราเรดและระบบกำหนดเป้าหมาย
- Space & Airborne Systems
ระบบสำหรับอวกาศและอากาศยาน เช่น ระบบดาวเทียม, ระบบป้องกันขีปนาวุธทั่วโลก, ระบบเซนเซอร์ และเทคโนโลยีไซเบอร์
- Communication Systems
ระบบสื่อสารขั้นสูงและปลอดภัย สำหรับการใช้งานทางยุทธวิธี ทั้งวิทยุสื่อสารและเครือข่ายบรอดแบนด์แบบบูรณาการ
- Aerojet Rocketdyne
ระบบขับเคลื่อน ขีปนาวุธ และอาวุธ
 
ผลประกอบการที่ผ่านมาของ L3Harris Technologies
ปี 2022
รายได้ 561,339 ล้านบาท
กำไร 34,909 ล้านบาท
ปี 2023
รายได้ 638,885 ล้านบาท
กำไร 40,358 ล้านบาท
ปี 2024
รายได้ 701,592 ล้านบาท
กำไร 49,405 ล้านบาท
จะเห็นว่า ทิศทางผลประกอบการของทั้ง 2 บริษัทเพิ่มขึ้น
เพราะทั่วโลกกำลังเพิ่มงบประมาณเพื่อป้องกันประเทศ จากภาพสถานการณ์อดีตมาจนถึงปัจจุบัน ทั้งความขัดแย้งระหว่างประเทศรัสเซีย-ยูเครน, ไต้หวัน-จีน และอิสราเอล-อิหร่าน ที่อาจกล่าวได้ว่าโลกไม่เคยสงบ
อย่างเมื่อสัปดาห์ก่อน อิสราเอล เปิดฉากโจมตีอิหร่านครั้งใหญ่ โดยโจมตีฐานทัพนิวเคลียร์สำคัญ อิหร่านก็ทำการโต้ตอบโดยยิงโดรนกว่า 100 ลำ เข้าพื้นที่อิสราเอล
ฝั่งมหาอำนาจของโลกอย่างสหรัฐฯ เอง
ทรัมป์ มีแผนเสนอขออนุมัติงบด้านความมั่นคงแห่งชาติสูงสุดเป็นประวัติการณ์กว่า 30 ล้านล้านบาท สำหรับปีงบประมาณ 2026 หรือเพิ่มขึ้น 13% จากปีก่อนหน้า
ซึ่ง 2 บริษัทที่ว่ามานี้ กลายเป็นธุรกิจเนื้อหอม
และได้ประโยชน์จากความไม่สงบ ความขัดแย้ง อย่างไม่ต้องสงสัย
โดยปกติแล้ว การเห็นบริษัทเติบโตขึ้น ก็น่าจะเป็นสิ่งที่ดี
แต่มันคงค้านกับความรู้สึกของหลายคนว่า บริษัทอาวุธสงครามยิ่งเติบโตมากเท่าไร ก็ดูเหมือนว่ามันอาจยิ่งสร้างความหายนะให้กับโลก มากเท่านั้น..
หมายเหตุ : บทความนี้ไม่ได้ชี้นำให้ซื้อหุ้นตัวนี้ การลงทุนมีความเสี่ยง โปรดศึกษาข้อมูลให้ครบถ้วน ก่อนตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง
โฆษณา