Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ธรรมะ คือ คุณากรณ์
•
ติดตาม
21 มิ.ย. เวลา 05:52 • ปรัชญา
watthakhanun
ครั้นขึ้นเครื่องมาได้ เข้าที่นั่งกันเรียบร้อยแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ส่งกำลังใจแผ่เมตตาให้แก่เจ้าที่เจ้าทางตั้งแต่เมืองกว่างโจว มณฑลกว่างตง หรือที่คนไทยเรียกว่ากวางตุ้ง แต่หลายต่อหลายคนอ่านตามภาษาอังกฤษว่า "กวางดอง" จนกระทั่งไปถึงมณฑลกานซู่ เมืองหลานโจว เพื่อที่ขอให้ท่านทั้งหลายเหล่านั้นอำนวยความสะดวกให้ด้วย
คราวนี้สามารถที่จะติดต่อเจ้าที่ได้ เห็นหนุ่มอิสลามแต่งตัวชุดขาวสะอาด สวมหมวกทรงกลม ก็คือหมวกซงโก๊ะของอิสลาม มาถึงก็ถอดหมวกกราบอย่างงาม บอกว่า "นายท่านจำกระผมได้ไหมครับ ?" พอได้ยินก็นึกขึ้นมาได้ทันที "อ๋อ..ที่แท้ก็ซาอุด ลูกหัวหน้ามูฮัมหมัด เผ่าทรายทองนี่เอง" ท่านบอกว่า "เทียนหวังก็คิดว่าท่านต้องจำได้แน่นอนอยู่แล้ว จึงส่งกระผมมารับ"
ถามว่า "คุณเป็นอิสลามฆ่าสัตว์ตัดชีวิตอยู่ทุกวัน แล้วทำไมขึ้นไปอยู่ชั้นจาตุมหาราชได้ ? แล้วดูจากเครื่องแต่งกายนี่เป็นชั้นวชิระ หรือว่าระดับอำมาตย์ชัด ๆ เลย" คุณซาอุดบอกว่า "กระผมเองนั้นไม่ยอมทำบาปทำกรรมตามที่ศาสนาสอน ถ้าหากว่าต้องฆ่าสัตว์ ก็ปล่อยให้น้องทำหน้าที่แทน ตนเองก็เอาแต่ละหมาด สวดสรรเสริญพระเจ้า น่าเสียดายที่ว่ากำลังใจทรงตัวก็จริง แต่ว่าตอนตายนั้นกำลังใจคลายออก จึงต้องมาอยู่รับใช้เทียนหวังท่านอยู่ที่นี่ วันนี้ดีใจมากที่ได้มารับเพื่อนเก่า"
กระผม/อาตมภาพก็บอกว่า "ขอบใจมากที่ยังไม่ลืมเพื่อนฝูงเผ่าอูฐขาว ก่อนหน้านี้พวกเราเองก็ก่อวีรกรรมเอาไว้ไม่น้อย โดยเฉพาะการต่อสู้กับชาวฮั่น หรือว่าการต่อสู่กับเผ่าอื่น ๆ ก็ฆ่าเขาไปไม่น้อยเลย ยังดีที่ว่าตอนตายไม่ได้คิดถึงบาปกรรมตรงนี้ จึงได้รอดกันมาได้" เมื่อพูดคุยกันเสร็จท่านก็บอกว่า "ให้ใจได้เลยครับ อีก ๓ ชั่วโมงเศษไปเจอกันที่เมืองหลานโจว" กระผม/อาตมภาพจึงคลายกำลังใจออกมา ภาวนาอย่างอื่นแทนไปพักใหญ่
ผ่านไป ๓ ชั่วโมงเศษ เครื่องบินของเราก็บินเหนือภูมิประเทศ ซึ่งเหมือนกับภูเขาสูง ๆ ต่ำ ๆ แต่เป็นสีเหลืองฟางไปหมด หลายแห่งดูเหมือนกับเขาพยายามทำให้เป็นนาข้าวแบบขั้นบันได ยิ่งนานไปก็ยิ่งแห้งแล้งหนักขึ้นทุกที จนเหมือนอย่างกับเป็นภูเขาทรายล้วน ๆ แต่ว่าบางช่วงก็มีทางสัญจร ซึ่งน่าจะเป็นทางรถยนต์เล็ก ๆ ครั้นเข้าใกล้ตัวเมืองหลานโจว ก็เริ่มมีสีเขียวประปรายขึ้นมาบ้าง จนกระทั่งใกล้ถึงบริเวณสนาม
บิน ความเขียวก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น
เมื่อเห็นสนามบินหลานโจวจงฉวน กระผม/อาตมภาพก็ทึ่งมาก เนื่องเพราะว่าลักษณะเหมือนกับพญานกกางปีกยื่นหัวไปข้างหน้า ลักษณะแบบนี้ ถ้านับเป็นสัตว์มงคล ก็น่าจะเป็น "ห่านป่า" ของคนจีนนั่นเอง เป็นสนามบินที่สร้างได้งดงามมาก
เครื่องของพวกเราลงแตะสนามบินก่อนเวลาประมาณ ๘ นาที ท่านซาอุดกับบริวารมารอรับอยู่แล้ว ด้วยความที่เป็นเครื่องภายในประเทศ จึงไม่ต้องผ่านระบบการตรวจคนเข้าเมืองอีก แต่ว่าต้องเดินไปรับกระเป๋าที่สายพาน ๑๐ ซึ่งอยู่เกือบสุดสนามบิน ทำเอาทุกคนบ่นอุบไปเลยว่า "ข้าวเหนียวหมูทอดเมื่อเช้านี้ กับข้าวกล่องบนเครื่องบิน ดูท่าจะละลายหายไปหมดแล้ว..!"
ครั้นเข้าห้องน้ำและรับกระเป๋ามาเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็เดินออกมาทางด้านนอก พบกับมัคคุเทศก์ของเรา ซึ่งพูดไทยแบบไม่แข็งแรง บอกว่าชื่อโบตั๋น แล้วมีมัคคุเทศก์ท้องถิ่น ซึ่งเป็นคนกานซู่อยู่ ๒ คน ก็คือ "อาเหมย" กับ "คังคัง" คุณโบตั๋นบอกว่า "อาเหมยกับคังคังพูดไทยไม่ได้ ดังนั้น..ถ้ามีอะไรก็ให้หนูเป็นล่ามให้ก็แล้วกัน"
เมื่อสอบถามว่าทำไมสนามบินดูกว้างขวางใหญ่โตและใหม่นัก ? คุณโบตั๋นบอกว่าเพิ่งจะเปิดใช้งานเมื่อเดือน ๔ นี่เอง กระผม/อาตมภาพสะดุ้งเฮือก เนื่องเพราะตอนนี้เป็นเดือน ๖ ถ้าอย่างนั้นก็แปลว่าเพิ่งเปิดใช้งานมาแค่ ๒ เดือนเท่านั้น เท่ากับว่าพวกเรามาฉลองสนามบินใหม่เอี่ยมของเขาเลย..!
เมื่อเดินวนแล้ววนอีก ออกมาถึงทางด้านนอก รถบัส ๓๗ ที่นั่งใหม่เอี่ยมก็มารอรับคณะของพวกเรา ซึ่งถ้าหากว่ารวมทั้งมัคคุเทศก์ท้องถิ่นแล้ว ทั้งคณะก็เพิ่งมีแค่ ๑๖ คนเท่านั้น แต่ถ้าหากว่าตัดมัคคุเทศก์ทั้งจากเติมเต็มทราเวล และมัคคุเทศก์ท้องถิ่น ตลอดจนกระทั่งคนขับรถออกไปแล้ว พวกเราก็เหลือ ๑๑ คน ขณะที่ผู้พร้อมที่จะให้บริการมีอยู่ ๖ คน แทบจะเป็น ๑ ต่อ ๓ แต่ว่าไม่ถึง เนื่องเพราะว่า ๖ คน รับใช้ ๑๑
คน ก็อยู่ในระดับ ๑ ต่อ ๒ เศษ ๆ ใครจะเรียกใช้อะไรบอกได้ทุกเวลา..!
ด้วยความที่พวกเราได้รับอาหารกลางวันมาบนเครื่องบิน ซึ่งกระผม/อาตมภาพนั้นได้ข้าวหน้าไก่รสชาติดีทีเดียว จึงทำให้เว้นในเรื่องของอาหารกลางวันไปได้เลย ดังนั้น..คุณโบตั๋นจึงได้บอกกับโชเฟอร์ให้พาพวกเราวิ่งเข้าไปในตัวเมืองหลานโจว เพื่อ
ตรงเข้าไปยังพิพิธภัณฑ์เมืองกานซู่เสียก่อน
หลายท่านอาจจะสงสัยว่าเมืองหลานโจวทำไมเป็นพิพิธภัณฑ์กานซู่ ? ก็คือกานซู่นั้นเป็นมณฑล ส่วนหลานโจวเป็นเมืองหลวงของมณฑลกานซู่นั่นเอง พวกเรายิ่งวิ่งเข้าไป ความเขียวขจีสดใสก็มากขึ้นทุกที ๆ กลายเป็นว่าหลานโจวก็คือเมืองสีเขียวท่ามกลางทะเลทรายนั่นเอง
หลานโจวเป็นเมืองแคบ ๆ กระหนาบข้างด้วยภูเขากวงหลิงซานด้านหนึ่ง ไป๋ถ่าซานอีกด้านหนึ่ง ตรงกลางก็มีแม่น้ำหวงเหอ หรือแม่น้ำฮวงโหในสำเนียงไทย ไหลผ่านเป็นระยะทางถึง ๔๗ กิโลเมตร จึงไม่สามารถที่จะพัฒนาอะไรได้มาก เพราะว่ารอบข้างล้วนแต่เป็นภูเขาและทะเลทราย จะทำสิ่งหนึ่งประการใดต้องอาศัยมุดดินลงไป คุณโบตั๋นบอกว่าตอนนี้กำลังจัดทำรถไฟใต้ดินกันอยู่ ถ้าหากว่าเสร็จเรียบร้อยแล้ว น่าจะอำนวยความสะดวกให้พวกเราได้มากกว่านี้
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๒๐ มิถุนายน ๒๕๖๘
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย