Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ธรรมะ คือ คุณากรณ์
•
ติดตาม
21 มิ.ย. เวลา 05:55 • ปรัชญา
watthakhanun
วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๒๐ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ เมื่อวานหลังจากที่ทำการบันทึกเสียงแล้ว พวกเราก็มาครบถ้วนทุกคน จึงได้ทำการเช็คอินกันจนเรียบร้อย แล้วถ่ายรูปหมู่ร่วมกัน แต่ว่าตอนเช็คอินนั้น น้องหนูคนสวยซึ่งทำหน้าที่อยู่ตรงเคาน์เตอร์ ไม่ทราบว่าคุณเธอตาลายหรือว่าอย่างไร ? กระผม/อาตมภาพจะเดินทางไปยัง "เมืองหลานโจว" คุณเธอดันอ่านว่า "ลอนดอน" เกือบที่จะทำข้อมูลส่งกระเป๋าของ
กระผม/อาตมภาพ ซึ่งทางคณะทัวร์ฝากเอาไว้ไปลอนดอนเสียแล้ว..!
เมื่อได้ตั๋วมาเรียบร้อยและถ่ายรูปหมู่ร่วมกันแล้ว กระผม/อาตมภาพก็อาศัยช่อง Fast Track เพื่อที่จะผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองของประเทศไทย ออกไปขึ้นเครื่องที่ประตู D8 แต่ทุกครั้งที่ใช้ช่อง Fast Track ก็เหมือนกันหมด ก็คือมักจะช้ากว่าช่องธรรมดาทุกครั้งไป..!
โดยเฉพาะครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ผู้หญิงตรงเครื่องเอ็กซเรย์ ให้กระผม/อาตมภาพไปยืนกางแขนกางขาในท่าที่น่าเกลียดมาก เพื่อที่จะตรวจดูว่าได้พกเอาสิ่งที่ต้องห้ามขึ้นเครื่องไปหรือไม่ ? เจ้าหน้าที่ผู้ชายพอเห็นเข้าก็ตะโกนบอกว่า "ไม่ต้อง พระให้ผ่านทางช่องนี้" ว่าแล้วก็ชี้ให้ผ่านประตูเอ็กซเรย์ปกติไป กระผม/อาตมภาพค่อยโล่งใจหน่อย นึกว่าระเบียบใหม่ของเขาบังคับทุกคนต้องไปยืนกางแขนถ่างขาอยู่ในท่านั้น ถ้าหากว่ามีพระสัก ๔ - ๕ รูปเดินทางพร้อมกัน ก็จะไปเป็นภาพที่ทุเรศมากเลยทีเดียว..!
เมื่อไปถึงหน้าประตูขึ้นเครื่องแล้ว ก็ต้องรอแล้วรอเล่า เนื่องเพราะว่าฝนตกหนักแบบไม่เกรงใจใคร เครื่องบินต้องบินวน ลงไม่ได้ จึงดีเลย์ไปถึงชั่วโมงกว่า..! เมื่อเครื่องบินลงมาแล้ว พวกเราก็ยังต้องรออยู่อีกพักใหญ่ กว่าที่ผู้โดยสารจะลงมาจนหมด และทางเจ้าหน้าที่ได้ทำความสะอาดเบื้องต้นและเตรียมเครื่องให้เรียบร้อย จึงได้ให้พวกเราขึ้นเครื่องได้
ในระหว่างที่เขากำลังเตรียมเครื่องกันอยู่นั้น บรรดาผู้โดยสารซึ่งรอมานานมากแล้วส่วนหนึ่ง ก็ไปต่อแถวอยู่ตรงหน้าประตูขึ้นเครื่อง ประมาณกดดันเจ้าหน้าที่ว่า "เราโดนเครื่องดีเลย์มานานแล้ว โปรดรีบทำงานให้เร็วกว่านี้สักหน่อย" ดูแล้วก็เป็นอะไรที่ค่อนข้างจะขำมาก
ครั้นเมื่อขึ้นเครื่องไปแล้ว ปรากฏว่าทางเจ้าหน้าที่คงจะเกรงว่ากระผม/อาตมภาพไม่เคยเดินทางมาก่อน จึงได้ให้คำแนะนำทุกอย่าง แต่กลายเป็นว่าทำให้ช้าลงไปอีก เนื่องเพราะว่าผู้โดยสารทางด้านหลังมีเป็นจำนวนมาก..!
เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว เครื่องก็ทะยานขึ้นจากท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ มุ่งตรงไปยังท่าอากาศนานาชาติกวางโจวไป๋หยุน ซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองไป๋หยุน หรือว่าเมืองเมฆขาว พวกเรามาถึงประมาณตี ๑ ของประเทศจีน ซึ่งเวลาเร็วกว่าบ้านเราประมาณ ๑ ชั่วโมง เมื่อทำพิธีตรวจคนเข้าเมืองก็ต้องแล้วแต่เวรแต่กรรม เพราะว่าเจ้าหน้าที่บางคนก็ถามละเอียดเหลือเกิน โดยไม่ได้สนใจว่าคุณจะรู้ภาษาหรือไม่ ?!
ส่วนกระผม/อาตมภาพนั้นเคยผ่านท่าอากาศยานกวางโจวไป๋หยุนนี้มาสองรอบแล้ว น่าจะมีข้อมูลทุกอย่าง จึงแค่ปั๊มนิ้วมือซ้าย ๔ นิ้ว แล้วขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ก็ให้ถอดแว่น เอียงหน้าทางซ้ายที ทางขวาที เมื่อเครื่องยืนยันว่าลายนิ้วมือถูกต้อง ใบหน้าถูกต้อง ก็รับพาสปอร์ตซึ่งประทับตราเข้าเมืองเรียบร้อยแล้ว ไปยืนรอพวกเราทั้งหมด
เมื่อมากันครบถ้วนก็เดินหาว่าต้องไปต่อเครื่องตรงไหน ? ซึ่งลูกกิฟท์ (นางสาวอันตรา ลักษณะ) เจ้าของเติมเต็มทราเวล ก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าทางสนามบินกวางโจวไป๋หยุนนี้มีที่นอนและที่อาบน้ำให้ด้วย บอกว่าขอไปเดินหาดูก่อน แต่ว่าพวกเราที่ทำท่าไร้แรงบินกันหมด เนื่องเพราะว่าถ้าเป็นที่เมืองไทยก็เกือบจะตี ๑ แล้ว มองไปเห็นร้านสะดวกซื้อชื่อดังของเมืองไทย อยู่ทางด้านบริเวณขึ้นต่อเครื่องใหม่พอดี หลายคนจึงเดินเข้าไปสำรวจร้านค้า แล้วก็ตะโกนเรียกส่วนใหญ่ว่า "มีที่นอนอยู่ทาง
ด้านนี้" เมื่อมาถึง ปรากฏว่าเป็นเก้าอี้นอน แถมยังมีที่ชาร์จไฟให้ด้วย
กระผม/อาตมภาพเพิ่งเตรียมตัวเรียบร้อยว่าจะนอน สายตาก็ไปจ๊ะเอ๋เข้ากับสัญลักษณ์ฝักบัว แปลว่าห้องอาบน้ำอยู่ทางด้านนี้เอง ครั้นเดินเข้าไปสำรวจแล้วก็รู้สึกดีมาก เนื่องเพราะว่าเป็นห้องที่ปลอดภัยสุด ๆ มีประตูสองชั้น มีเครื่องทำน้ำร้อนอย่างดี แล้วในขณะเดียวกันก็มีทั้งแชมพูและสบู่เหลวให้ด้วย กระผม/อาตมภาพจึงเปลี่ยนจากนอนมาเป็นจัดการสรงน้ำลอกคราบตัวเองแทน..!
เสร็จสรรพเรียบร้อยออกมา ญาติโยมหลายท่านก็ยังทำท่างง ๆ ว่า "นี่หลวงพ่อสรงน้ำแล้วหรือ ?" กระผม/อาตมภาพจึงบอกว่า "อาบแล้ว..ประณีตมากด้วย" เนื่องเพราะว่าในสมัยเป็นนักเรียนทหาร ทุกอย่างให้ทำเสร็จลงภายใน ๓ นาที ก็คือไม่ใช่แค่อาบน้ำ แปรงฟัน เข้าห้องน้ำห้องส้วมเท่านั้น ยังต้องแต่งตัวและลงไปจัดแถวรอผู้บังคับบัญชาตรวจอีกด้วย ทำเอาทุกคนตีหน้าประหลาดไปตาม ๆ กัน
กระผม/อาตมภาพจัดการภาวนาจนครบชุดตามความเคยชิน เมื่อลุกขึ้นมาแล้ว ก็ตั้งใจนึกถึงบรรดาเจ้าที่เจ้าทางทั้งหลาย ปรากฏว่าท่านปู่ท้าวเวสสุวรรณโผล่มาแทน บอกว่า "ไม่ต้องกังวลครับ ผมส่งคนไปรอรับไว้เรียบร้อยแล้ว" เมื่อเป็นเช่นนั้น จึงรู้สึกโล่งใจไปหน่อย เพราะว่ามางวดนี้แบบคนหูหนวกตาบอด ไม่รู้จักเจ้าถิ่นทางด้านมณฑลกานซู่หรือมณฑลซินเจียงเลย ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ถ้าหากว่าวันนี้ต่อเครื่องไปถึงเมืองหลานโจวแล้ว ก็น่าจะมีคนมารอรับตามที่ท่านปู่ท้าวเวสสุวรรณบอก
กระผม/อาตมภาพจึงได้น้อมจิตขอบพระคุณท่าน พร้อมกับอุทิศส่วนกุศลที่ได้ภาวนาจนครบชุดทั้งหมดนี้ ตามแบบของหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ก็คือให้ตั้งแต่เจ้ากรรมนายเวร ให้เทวดาที่รักษาตัวตนของเรา ให้เทวดาทั้งหลายทั่วสากลพิภพ และพระยายมราช ขอให้ทุกท่านอนุโมทนาและช่วยเป็นสักขีพยานในการบำเพ็ญกุศลของเราในครั้งนี้ด้วย หลังจากนั้นแล้ว ก็รอว่าคณะทั้งหมดจะตื่นเมื่อไร จะได้ทำกิจกรรมของวันนี้กันต่อไป
เมื่อพวกเราตื่นและเข้าห้องน้ำ อาบน้ำอาบท่ากันเรียบร้อยดีแล้ว ทางด้าน"คุณนายสมหวัง (นางสมหวัง งามพฤกษ์วานิชย์)" ก็ถวายอาหารเช้าและมอบอาหารเช้าให้กับทุกคนในคณะ เป็นข้าวเหนียวหมูทอดคนละ ๑ กล่อง ซึ่งเป็นเรื่องอัศจรรย์ว่า แม้จะโหลดมาในกระเป๋าก็ตาม แต่ว่าข้าวเหนียวยังคงนุ่มอยู่ เหมือนเพิ่งนึ่งเสร็จใหม่ ๆ แต่
ว่าพวกเราฉันไปกินไปก็เหลียวซ้ายแลขวาด้วยความหวาดระแวง เนื่องเพราะว่าหมูทอดเป็นของที่เขาไม่ให้นำเข้าประเทศ ก็คือเนื้อสัตว์หรือผลไม้อะไรก็ตาม ถ้านำเข้าไปประเทศของเขา ก็เกรงว่าจะนำโรคระบาดเข้าไปด้วย กระผม/อาตมภาพจึงต้องรีบทำลายหลักฐานเสียในเวลาอันรวดเร็ว..!
หลังจากนั้นก็นอนภาวนา ส่งจิตขึ้นไปกราบพระ จนกระทั่งได้ยินเสียงเรียกว่าประตูขึ้นเครื่องออกแล้ว ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านั้นมีเสียงคนเดินเข้าเดินออกทำงานเป็นจำนวนมาก ก็คือพอเปิดให้ต่อเครื่องได้ บุคคลที่นอนกันระเกะระกะไปหมด เที่ยวบินของใครถึงเวลาก็รีบแห่กันเข้าไป
ปรากฏว่าประตูขึ้นเครื่องของเราก็คือ B272 โอ้พระเจ้า...แค่ ๓๐ - ๔๐ ประตูก็แย่แล้ว นี่มีเกือบ ๔๐๐ ประตูเลยทีเดียว..! พวกเราจึงต้องผ่านการคัดกรองเข้าไปทางด้านใน เจอการเอ็กซเรย์แบบดุเดือดโหดร้ายเหมือนเดิมในทุกแห่ง ก็คือสงสัยอะไรให้เปิดกระเป๋าให้ดูใหม่ นำย้อนกลับไปเอ็กซเรย์ใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่า
กระผม/อาตมภาพเองขำก็ขำ ฉิวก็ฉิว เนื่องเพราะว่าสิ่งที่ควรสงสัยก็ไม่สงสัย สิ่งที่ไม่ควรสงสัยก็ค้นจนหมด ขนาดชายผ้าสังฆาฏิยังบีบและพลิกดูทีละชั้น เหมือนอย่างกับว่าจะซ่อนอาวุธเข้าไปได้ แต่ว่าพระ ๔ องค์ที่เลี่ยมทองและมีแหนบสำหรับติดตัว
เป็นโลหะสเตนเลสทั้งหมด เอาเครื่องกวาดแล้วกวาดอีกก็ไม่ดัง แถมยังคลำหาไม่เจออีกต่างหาก..! ไม่รู้ว่าจะสงสารเขาดี หรือว่าจะสมน้ำหน้าดี หลุดเข้าไปแล้วก็ต้องยืนรอพวกเรา ซึ่งไม่แน่ใจว่าจะมีใครติดขัดอะไรหรือเปล่า ? เนื่องเพราะว่าเจ้าหน้าที่แต่ะคน ไม่ทราบว่ากินรังแตนเป็นอาหารมาหรือว่าอย่างไร ?!
จนกระทั่งพวกเราผ่านเข้าไปแล้ว คราวนี้ก็เป็นการเดินที่ไกลมาก ๆ ถ้าถามว่าไกลขนาดไหน ? ขนาดอาศัยสายพานเลื่อนช่วยในการเดินยังรู้สึกเหนื่อย จนกระทั่งไปนั่งรออยู่ที่ประตูขึ้นเครื่อง B272 ปรากฏว่าคุณนายสมหวังกับลูกสาว (นางสาวรุจิรา งามพฤกษ์วานิชย์) ที่มาทีหลัง เจ้าหน้าที่เขาขอหยุดพักในการตรวจ ไปกินข้าวครึ่งชั่วโมง เป็นอันว่ารอไปเถอะ..! อิ่มเมื่อไรแล้วจะกลับมาเอ็กซเรย์กระเป๋าและตรวจร่างกายให้ใหม่
กระผม/อาตมภาพนั่งรออยู่ตรงนั้นจนรู้สึกเจ็บก้น เนื่องเพราะว่ารวม ๆ เวลาทั้งนั่งรอ นอนรอก็เกิน ๑๐ ชั่วโมงเข้าไปแล้ว จนกระทั่งใกล้เวลาปรากฏว่ามีเครื่องมาเทียบงวง จึงค่อยรู้สึกโล่งใจหน่อย เมื่อถึงเวลาเขาก็เรียกขึ้นเครื่อง ซึ่งเป็นการตรวจบัตรอัตโนมัติทั้งหมด แต่รู้สึกว่าไม่ค่อยจะดี เนื่องเพราะว่าถึงเวลาแล้ว ถ้าหากว่าเร็วเกินไปก็ไม่ผ่าน แล้วคนจีนส่วนมากก็จะให้ตรวจสแกนผ่านโทรศัพท์มือถือของตัวเองด้วย จึงทำให้เสียเวลาไปไม่น้อย
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๒๐ มิถุนายน ๒๕๖๘
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย