21 มิ.ย. เวลา 12:41 • ไลฟ์สไตล์

บทเรียนชีวิต “นารา เครปกะเทย” ผู้ต้องทำงานใช้หนี้เดือนละ 1.4 ล้าน

จากคนดังหาเงินได้วันละหลายล้าน จนติดหนี้ 120 ล้าน และเหลือเงินแค่ 5 บาท
บูสบูส! คนที่เล่น Tiktok หรืออยู่กับเทรนด์อินฟลูเอนเซอร์ คงไม่มีใครไม่รู้จัก ‘นารา เครปกะเทย’ หรือ คุณอนิวัต ประทุมถิ่น แม่ค้าอินฟลูเอนเซอร์ดัง ผู้ที่ครั้งหนึ่งเคยอยู่บนจุดสูงสุดของวงการอินฟลูเอนเซอร์ จับอะไร ขายอะไรคนก็รุมซื้อ
ก่อนจะกลายเป็นผู้ต้องหาคดีร่วมกันฉ้อโกงประชาชน กรณีขายกล่องสุ่มทองคำและความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ อีกทั้งยังถูกสั่งฟ้องเพราะโปรโมทสินค้าที่มีสารปนเปื้อนยาเสพติด
แต่เมื่อออกมาจากเรือนจำ เขาก็ไม่ได้หายไปไหน แต่มาเริ่มต้นใหม่ด้วยการติดลบ 120 ล้านบาท ด้วยการไลฟ์สดวันละ 10 รอบ วันละชั่วโมงบ้างหรือสองชั่วโมง ลงคลิปวันละ 12 คลิป เพื่อใช้หนี้เจ้าหนี้ทุกคน อย่างน้อยเดือนละ 1,400,000 บาท!
[ 🔍 ที่มาที่ไป ใครคือนารา เครปกะเทย ]
‘นารา เครปกะเทย’ แจ้งเกิดในวงการโซเชียลจากคอนเทนต์สายฮาในบทบาทแม่ค้าขายเครปสุดแซ่บ แต่เบื้องหลังความโด่งดังกลับเป็นเส้นทางชีวิตที่เต็มไปด้วยบททดสอบ
นาราเคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่าจุดเริ่มต้นของนาราเกิดจากความตั้งใจเล็กๆ เธออยากมีแฟน และเชื่อว่าหากมีอาชีพ มีร้านเป็นของตัวเอง ก็น่าจะพร้อมสำหรับการสร้างอนาคตกับใครสักคน
นาราลงทุนซื้อสูตรเครปจากคนแถวบ้านในราคา 8,000 บาท แล้วนำมาดัดแปลงตามสไตล์ตัวเอง เธอเปิดร้านเครปกลางคืน ตั้งแต่สี่ทุ่มถึงตีสี่ การทำร้านครั้งแรกๆ ของเธอเจ๊งเพราะโดนคนเข้ามาหลอกแล้วขโมยของไป
อย่างไรก็ตาม นาราก็ไม่ย่อท้อ เธอก็เปลี่ยนมาขายปลาหมึกย่าง ขับวิน จนกระทั่งขายบริการก็เคยทำมาแล้ว
จนกระทั่ง เธอเริ่มทำคลิปวิดีโอสั้นๆ ลงใน Facebook นำจุดเด่นของตัวเองที่เป็นคนตลกและอัธยาศัยดีมาสร้างคลิปจนมีชื่อเสียง กลายเป็นไวรัล และเริ่มมีชื่อเสียงจนกลายเป็นเน็ตไอดอลคนดัง เริ่มมีงานรีวิวสินค้ามากมาย เปิดช่องยูทูป ‘นารา เครปกะเทย’ มีคนติดตามกว่า 1 ล้านซับ
นารา เมื่อมีเงินก็มีไลฟ์สไตล์ที่มั่งคั่งขึ้นไม่ว่าจะเป็น มีแฟนวันแรกเอารถพอร์ชให้แฟนขับ สร้างบ้านให้แฟน ให้เงินเดือนแฟนเดือนละ 4-5 แสน ไปเที่ยวเกาหลีต้องนั่ง business class เลี้ยงเพื่อนอีก 6-7 คน นับเป็นชีวิตที่เงินซื้อได้ทุกอย่าง
[ 🔥กล่องสุ่ม สะเก็ดไฟที่แผดเผาชีวิต ]
นารา เมื่อมีชื่อเสียงแล้วก็มีโอกาสได้ร่วมงานกับแบรนด์ดังๆ และมีงานรีวิวต่างๆ มากมาย เป็นช่วงที่ไม่ว่านาราจะทำอะไรก็จะมีคนสนใจเต็มไปหมด คนก็เริ่มรักเธอจากคอนเทนต์ช่วยคน และเริ่มขายอาหารเสริม
1
“ตอนนั้นหนูขายอาหารเสริม เป็นพรีเซนเตอร์กลูต้า จากตัวหนูที่อ้วนๆ ก็ผอมลง และจากตัวดำๆ ก็ขาว – และเราก็ได้เปอร์เซ็น พออาหารเสริมติดตลาดบางวันเราก็ได้เงิน 5 - 6 ล้าน เพราะว่าช่วงนั้นกระแสเราดีจริงๆ” นาราบอกว่าตอนนั้น เธอดังมากๆ เริ่มทำแบรนด์ของตัวเองและมีระบบตัวแทน ตั้งเงื่อนไขว่า ตัวแทนเปิดบิลคนละหนึ่งล้าน ก็มีคนมาเข้ามา
"ตอนนั้นแบรนด์ที่ทำเองเราขายได้ คนแย่งอยากจะมาเป็นตัวแทน มาสิบคนก็สิบล้าน หนูถึงมีเงิน 30-40 ล้าน” แต่ด้วยความที่บริหารผิดพลาดก็มีปัญหาเรื่องผลิตสินค้าไม่ได้และกระแสก็เริ่มตีกลับ
แบรนด์กลูต้าที่ไปรับเป็นพรีเซนเตอร์ก็มีการตรวจพบว่ามีสารเสพติด ชื่อเสียงของเธอตอนนั้นก็เริ่มพัง แม้ตอนนี้สารจะยกฟ้องไปแล้วเพราะนาราเป็นแค่คนโปรโมทสินค้า
“จากชีวิตดีๆ งานดีๆ พอสินค้าโดนดิสเครดิตมันก็เลยขายไม่ได้และเริ่มจบ เริ่มไม่มีเงินเก็บจากตอนแรกที่มีเงินเยอะๆ เงินก็หายไปหมด ทั้งซื้อของให้แฟน ทั้งใช้ในชีวิตประจำวันและลงทุนอาหารเสริม ทั้งหมดเจ๊งใน 6 เดือน”
ในช่วงนั้น แม้จะต้องเผชิญดราม่าและมรสุมข่าวต่างๆ แต่นาราไม่เคยหยุดสร้างผลงาน และก็ได้เริ่มมาขายกล่องสุ่ม
“ตอนนั้นหนูไม่มีงานแล้ว หนูเลยมาขายกล่องสุ่มเพราะตอนนั้นกล่องสุ่มมีกระแสจากการที่บางเจ้าขายแล้วใส่ทองลงไป เราก็ให้เขาจริงๆ”
ซึ่งตอนนั้นก็ขายดีและเป็นกระแสมากๆ แต่ถ้าถามว่า เงินทั้งหมดหายไปกับอะไร? นาราบอกว่าหมดไปกับการทำแบรนด์ขายอาหารเสริมที่ต้องผลิตเยอะเลย อีกทั้งยังมีการเปลี่ยนแพลตฟอร์มขายจากเดิมขายในเฟซบุ๊ค เงินเข้าตรงๆ ก็เปลี่ยนมาปักตะกร้าใน Tiktok กว่าจะถอนเงินได้ต้องรอ 14 วัน
1
“และยังมีคนมาดิสเครดิตเราอีกบอกว่า นาราไม่ส่งของ จนกระทั่งคนที่มาเล่นกล่องสุ่มกับเรา ตอนนั้นคนก็มาขอคืนเงินจนตั้งตัวไม่ทัน พอเราคืน เขาก็กรูกันเข้ามาทีเดียว 500 คน — เสียหายตอนนั้นรวมแล้ว 50-60 ล้าน และของแบรนด์นาราก็คาอยู่เต็มโกดังไม่ได้ เงินคาใน Tiktok คากับการสั่งผลิตบ้าง จนโดนจับและเข้าไปอยู่ในคุก”
นาราถูกศาลสั่งจำคุกเป็นเวลา 102 ปี แต่สารภาพก็เหลือ 52 ปี และให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี และมีความพยายามชดใช้ความผิด เหลือ 30 ปี ละทำตัวดีข้างในได้อภัยโทษ
ก่อนเข้าเรือนจำนาราได้ฝากของมีค่าไว้กับแฟนหนุ่ม แต่เธอยังไม่ทันจะได้ออกจากเรือนจำ เธอก็ได้รู้ข่าวจากเพื่อนว่า
“ผัวเธอเอาของไปขายหมดแล้วนะ ทุกสิ่งทุกอย่าง — เขาเอาเงินไปใช้กับสิ่งที่ตัวเองมีความสุขหมดเลย ดอกไม้ช่อเงิน แหวนครบรอบก็เอาไปขายหมด” นารายอมรับว่าตอนนั้นเธอมีความคิดอยากจะฟ้องร้อง แต่เธออยู่ในเรือนจำเธอไม่สามารถดำเนินการเรื่องพวกนั้นได้
“เวลาผ่านไป มันก็ทำให้หนูคิดได้ว่ามันคือบทเรียนของหนู หนูเลือกเขาเข้ามาในชีวิตตั้งแต่แรก เพราะอย่างนั้นก็ขอให้มันเป็นเรียนสุดท้ายของหนูก็แล้วกัน ขอให้หมดเวรหมดกรรมกันแค่นี้”
[ 🥹แม้หนี้สินจะทำให้ติดลบ แต่คนก็ยังรัก ]
นาราอยู่ในเรือนจำนานถึง 1 ปี 4 เดือน ช่วงนั้นเธอเคยคิดว่าคนข้างนอกคงไม่ซัพพอร์ตเธออีกแล้ว แต่เมื่อมีโอกาสได้ประกันตัว แม่ของเธอก็ไปขอยืมเงินจากคนรู้จักมาใช้เป็นค่าประกัน เพราะเงินที่เธอเก็บไว้จากที่เพื่อนๆ ที่มาเยี่ยมฝากไว้ในเรือนจำยังไม่พอ
หลังหักค่าประกันและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ นาราเหลือเงินติดตัวเพียง 5 บาท พร้อมหนี้สินที่มีอยู่แล้วหลักร้อยล้าน
ตลอดเวลาที่อยู่ข้างใน มีเพื่อนแค่ไม่กี่คนที่ยังส่งข้าวส่งเงินมาให้ใช้ และคนเดียวที่ไปเยี่ยมเธอเสมอ ไม่เคยขาดเลย ก็คือแม่
“ตอนที่เราอยู่ในเรือนจำมีแต่แม่คนเดียวที่มาเยี่ยมเรา และมีแค่พวกพี่มิกซ์ (#BadMixy เจ้าของเพลงฟ้ารักพ่อ) ที่โอนเงินให้เราใช้ในเรือนจำและเราก็ได้เก็บมาประกันตัววันนั้น”
พอออกจากเรือนจำและเริ่มทำใจได้ นาราก็โพสต์เฟซบุ๊คครั้งแรกบอกว่าอยู่กับครอบครัว พอแบรนด์ที่เคยทำงานด้วยรู้เรื่องและยังเชื่อใจบางคนก็ติดต่อมาโอนเงินมาให้ ไม่ก็ก็ติดต่อมาจ้างเธอให้ไลฟ์ขายสินค้า ทำให้เธอมีแรงและมีกำลังใจมาสู้อีกครั้ง
“ตอนนี้ต้องหาเงินใช้หนี้ทุกเดือน ขั้นต่ำเดือนละ 1 ล้าน 4 แสนบาทต่อเดือน เพื่อจะคืนเจ้าหนี้ให้ได้เท่ากันหมด หรือบางเดือนก็ต้อง 2.8 ล้าน ถ้าเดือนไหนมีขึ้นศาลก็อาจต้องหา 7 ล้านต่อเดือน” นาราเล่าใน #รายการแฉ
อีกทั้งก่อนหน้านี้ นาราก็ได้ไว้ในรายการ #ฤกษ์เล่า ว่าตอนที่มีเงินมากที่สุด เธอเคยมีเงินสดถึง 100 ล้านบาท ทอง 120 บาท นาฟิกา Patek 2 เรือน รถพอร์ช รถเบนซ์ อัลพาร์ด บ้านราคาหลังละ 12 ล้าน แต่ตอนนี้สิ่งที่เธอต้องการในชีวิตไม่ใช่แบบนั้นอีกแล้ว
“สิ่งที่หนูอยากมีมากที่สุดในตอนนี้ก็คือสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง มีความสุขไปวันๆ ไม่กลับไปเข้าคุกแล้วก็เห็นครอบครัวยิ้มได้อย่างมีความสุข”
ปัจจุบัน นารายังคงเดินหน้าทำแบรนด์สินค้าของตัวเองต่อไป แต่ทำด้วยความระมัดระวังและใส่ความคิดสร้างสรรค์ในการทำการตลาดมากขึ้น
สินค้าล่าสุดที่เธอปลุกปั้นอย่าง #เซรั่มนารา หรือที่ไปทำการตลาดให้กับ #ครีมบูสบูส กลายเป็นกระแสที่ติดหูติดตาชาวโซเชียลอย่างรวดเร็ว นาราเคยเล่าไว้ในหลายรายการว่า สินค้าแบรนด์ของเธอเองก็เริ่มมีตัวที่ติดตลาด มียอดขายวันละ 30,000 - 40,000 บาท
“ของทุกอย่างที่หนูจะเลือกขาย หนูก็จะเลือกกิน - ใช้เองก่อน เพราะหนูไม่อยากผิดพลาดอีก”
ทุกอย่างไม่ได้เกิดขึ้นจากเธอคนเดียว วันนี้นารามีทีมงานคอยช่วยเหลือ และหนึ่งในทีมสำคัญก็คือ เจ้าหนี้ของเธอเอง ที่ผันตัวมาเป็นผู้จัดการส่วนตัว ช่วยดูแลเรื่องการบริหารและทยอยคืนเงินให้กับลูกหนี้อย่างเป็นระบบ
สรุป: สำหรับใครที่กำลังเป็นหนี้ หรือรู้สึกว่าชีวิตเจอมรสุมหนักหนา ไม่ว่าจะเรื่องเงิน ธุรกิจ หรือความไว้ใจคนผิด ขอให้เรื่องราวของ คุณนารา เครปกะเทย เป็นเครื่องเตือนใจว่า ฟ้าหลังฝน ย่อมสวยงามเสมอ ขอแค่ระหว่างที่ฝนยังไม่หยุดตก คุณหา “ที่หลบ” ให้เจอ หรือ “อดทน” พอที่จะยืนให้ไหวในพายุ
และบางครั้ง จุดที่ต่ำที่สุดในชีวิต อาจไม่ได้มีไว้ให้เราจมลง แต่อาจมีไว้เพื่อดีดเราให้กลับมายืน อย่างคนที่รู้จักคุณค่าของการล้มลงได้ก็เป็นได้
1
อ้างอิง:
เปิดใจ นารา เล่าชีวิตในเรือนจำ ออกมาชีวิตไม่เหลืออะไรเลยเป็นหนี้ 120 ล้าน!! l [Nickynachat]
ฤกษ์เล่า - EP09 : นารา เครปกะเทย
ศาลตัดสินจำคุก "นารา เครปกะเทย" คดีกล่องสุ่ม
บุกจับ "นารา" เครือข่ายอาหารเสริมผสมสารอันตราย
เปิดประวัติ ‘นาราเครปกระเทย’ เน็ตไอดอลชื่อดัง หลังเจอดรามากล่องสุ่ม
เปิดใจครั้งแรก! นาราเล่าหมดเผยชีวิตในคุกถูกซื้อตัว 2 แสน!?
#aomMONEY #นาราเครปกะเทย #บทเรียนการเงิน #หนี้สิน #แก้หนี้ #บทเรียนการเงินจากคนดัง
โฆษณา