22 มิ.ย. เวลา 06:42 • นิยาย เรื่องสั้น

รักย้อนอดีตภาค 5 ภัยร้ายจากดาวหางฮัลเลย์

.
บทที่ 44 ทางลับ
.
53 ต่อ 500 ยังไงก็เสียเปรียบ พันจึงทำได้เพียงด่าให้สะใจตัวเอง "ข้าสังหรณ์ใจอยู่แล้วว่าเจ้าต้องเป็นนก2ห้ว"
.
เจ้าคนถือสาส์นของทวาลาหัวเราะ "อย่าโมโหข้าเลยแม่หญิงจอมยุทธ ในเมื่อเงื่อนไขของทวาลาน่าสนใจกว่าอิกโนสีที่ให้แค่โคและภรรยาซึ่งข้ามีเยอะแล้ว
แถมข้ายังมีพ่อแม่แก่เฒ่าต้องเลี้ยงดู เมีย10และลูก50 น้องเมียสวยๆอีกเพียบ"
.
"ไอ้คนเลว" พันด่า "หัวจะขาดยังไม่รู้ตัวอีก"
.
เจ้าคนถือสาส์นของทวาลาหัวเราะก๊าก "ผู้หญิงด่าเขาว่าผู้หญิงรัก แต่เสียใจนะที่ข้าไม่ชอบหญิงใจร้ายที่ฆ่าคนเป็นผักเป็นปลาอย่างเจ้า ข้ากลัวเจ้าแอบเชือดคอข้าตอนหลับ"
.
พันแทบกระโจนเข้าใส่คนปากมอมที่วาจาล่วงเกินด้วยความโกรธ โชคดีที่แสนสุริยาคว้าตัวไว้ทัน "อย่าไปหลงกลมัน ใจเย็นๆไว้ หากเราเป็นฝ่ายเรื่มก่อน ศัตรูก็ใช้เป็นข้ออ้างในการโจมตี ตอนนี้มันทำได้เพียงการยั่วยุเท่านั้น"
.
แล้วแสนสุริยาก็ถามเจ้าคนนำสาส์น "เจ้าไประดมกองทัพคนป่ามาจากไหน"
.
"จากพ่อตาของทวาลาไง ภรรยา1พันคนก็ต้องมีลูกสาวหัวหน้าเผ่าบ้างแหละน่า เฉพาะมามาดีหัวหน้าเผ่าบันตูซึ่งเป็นพ่อของมเหสีเอกก็เกินพอแล้ว"
.
แสนสุริยา "ตอนนี้ทวาลาอยู่ที่ไหน"
.
"ทวาลาผู้ยิ่งใหญ่พร้อมด้วยกองทัพของมามาดี5หมื่นคนกำลังล้อมต่ายของเจ้าและต่อสู้กันดุเดือดมาสักพักแล้ว แต่ทวาลาผู้ยิ่งใหญ่ก็ยังงงที่ผิดแผน
.
เพราะการส่งกองทัพปีศาจก็เพื่อล่อให้พวกเจ้าทิ้งค่าย แล้วทวาลาก็มาตลบหลังด้วยการยกกำลังมาทางน้ำยึดค่ายที่มีแค่ทหารไม่กี่คน คนแก่ ผู้หญิง และ เด็ก
.
หากพวกเจ้าไม่โดนกองทัพปีศาจฆ่าตายหมดก็เหลือไม่กี่คนที่กลับมาที่นี่ ซึ่งทวาลาพร้อมด้วยนักรบคนป่า และผู้ที่ยังจงรักภักดีเช่นข้าก็จะกำจัดพวกเจ้าจนสิ้นซาก
.
แล้วข้ายังเป็นกองหมามองเอ๊ยแมวมองคอยส่งข่าวคืบหน้า ซึ่งเป็นแผนการที่วางไว้อย่างแยบยล แต่กลับถูกพวกเจ้าดูออกในที่สุดด้วยการแบ่งทหารเป็น 5 แนวรบ แล้วรีบกลับค่ายเมื่อหมดหน้าที่"
.
ลุง "แผนการตื้นๆอย่างนี้แม้แต่เด็กอมมือก็ดูออก ว่าแต่พวกเจ้าทำไม่ได้ตามแผนเพราะอะไร"
.
"นอกจากข้าแล้วทวาลาไม่เหลือทหารที่จะไปส่งข่าวขอความช่วยเหลือ เป็นเพราะอิทธิฤทธิ์ของท่านที่ดับแสงจันทร์จึงทำให้ทหารแปรพักตร์
ทวาลาจึงต้องใชับริการนกพิราปส่งคำขอร้องไปยังพ่อตา กว่าจะยกกำลังมาได้ก็ไม่ทันการ พวกเจ้าตั้งค่ายรับศึกไว้แน่นหนาแล้ว"
.
ลุง "ที่ข้าบันดาลให้น้ำท่วมทำลายกองทัพปีศาจเจ้าไม่เห็นเรอะ"
.
"เห็นแล้วท่านผู้วิเศษ"
.
ลุง "แล้วยังกล้ามาลองดีกับอำนาจวิเศษของข้าอีก"
.
"ข้าอยากเห็นด้วยตาตนเองว่ามีลูกเล่นอะไรหรือไม่"
.
ลุง "ได้เลย จัดให้"
.
แล้วลุงก็ชูมือทั้ง2ขึ้นตามที่ท่านเซียนกระซิบบอก ทันใดท้องฟ้าเหนือศีรษะก็บังเกิดประกายแวบเหมือนสายฟ้าได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่น แสงสีเขียวปัดเหมือนกระแสไฟฟ้าแรงสูงฉวัดเฉวียนไปมาในอากาศเหนือท้องฟ้า
ลุงหัวเราะลั่น "บอกมาเจ้าคนนำสาส์น เจ้าอยากให้มันผ่าลงที่ตรงไหน อ๋อ ที่ก้อนหินข้างตัวเจ้า ได้ซี"
.
แสงสีเขียวปัดแวบลงที่ก้อนหิน เสียงระเบิดสนั่นควันสีน้ำเงินพวยพุ่ง ครั้นแล้วเศษหินก็แตกกระจายไปคนละทิศสร้างความสับสนอลหม่านให้กองทัพคนป่าไปหมด
.
ลุง "อยากดูที่ไหนอีกล่ะ ทีนี้เจ้าคนนำสาส์น มันจะฟาดที่เจ้าก่อน แล้วต่อไปก็บริวารของเจ้าในที่นี้"
.
ใบหน้าของคนนำสาส์นซีดเผือด เขาคุกเข่าตรงหน้าลุงทันที ตาเหลือกลาน ละล่ำละลัก "ไว้ชีวิตข้าเถิดท่านผู้วิเศษ ข้าเป็นเพียงขี้ข้าทำตามที่เจ้านายสั่งเท่านั้น แล้วข้ายังมี...."
.
พัน "พ่อแม่แก่เฒ่าต้องเลี้ยงดู เมีย10และลูก50 แถมน้องเมียสวยๆอีกเพียบ ใช่ไหม"
.
เจ้าคนนำสาส์น "ใช่ ๆ แม่หญิงจอมยุทธ หญิงจิตใจงามเมตตากรุณาเป็นที่สุด"
.
พัน "เจ้าเพิ่งด่าว่าข้าเป็นหญิงใจร้ายที่ฆ่าคนเป็นผักเป็นปลาอยู่หยกๆ"
.
"ยกโทษให้ข้าด้วยเถิดที่ปากไม่ดี ข้าสมควรตายหมื่นครั้ง"
 
.
ในทันทีนั้นคมมีดเงาวับก็พุ่งเข้าใส่ลุงที่ไม่ทันระวังตัว แต่ไม่ใช่กับพันที่ไม่มีความเชื่อใจแต่แรก ดาบของเธอจึงปัดทิศทางหมายชีวิตลุงกระเด็นไป
"สันดานของเจ้ามันเป็นอย่างนี้ ไม่ต้องถึงหมื่นครั้งหรอก ครั้งเดียวก็พอ"
.
แล้วพันก็ตวัดดาบเพียงครั้งเดียวตามที่พูด หัวของเจ้าคนนำสาส์นก็ขาดกระเด็นท่ามกลางความตกตะลึงของบรรดาคนป่าที่ไม่เคยเห็นดาบไวเท่านี้มาก่อน
.
"ยังไม่รีบหนีอีก" พันตวาดใส่พวกคนป่า "จะให้ข้าตัดหัวของพวกเจ้าอีกสัก100หัวดีไหม"
.
เท่านั้นเองก็สับสนอลหม่านไปหมด ต่างพากันวิ่งหนีกระเจิง ขณะเดียวกันพันก็ส่งเสียงขู่ตามหลัง "มาทางไหนก็จงไสหัวไปทางนั้น ก่อนที่ท่านผู้วิเศษจะบันดาลสายฟ้าฟาดพวกเจ้าทุกคน"
.
ลุงชูมือทั้ง2ขึ้นทันใดท้องฟ้าเหนือศีรษะก็บังเกิดประกายแวบเหมือนสายฟ้า แสงสีเขียวปัดเหมือนกระแสไฟฟ้าแรงสูงฉวัดเฉวียนไปมาในอากาศเหนือท้องฟ้าแล้วผ่าลงมาหลายครั้งใกล้ๆพวกคนป่าจนต้องกระโดดเหยงไปตามๆกัน
.
จากนั้นจึงโกยอ้าวกันไป แหกปากร้องกันไปจนไม่เป็นภาษา แล้วกระโดดลงแม่น้ำว่ายหนีอย่างไม่คิดชีวิต ท่ามกลางเสียงหัวเราะดังลั่นของลุง และ คนอื่นๆรวม
ทั้งเหล่าทหาร
.
"เอาละ" ลุงเอ่ยตามที่ท่านเซียนบอกบทหลังจากหัวเราะกันมาพอสมควรแล้ว "ตอนนี้เราต้องรีบกลับไปค่าย อิกโนสีกำลังรอด้วยความเป็นห่วง"
.
หัวหน้าทหาร "ถ้าเช่นนั้นตามข้ามาทางนี้ ภูเขารูปเกือกม้าซึ่งเป็นป้อมปราการของเรานั้นมีทางขึ้นเพียงทางเดียวก็จริงในสายตาของคนภายนอก
ไม่มีใครนอกจากอินฟาดูสและเหล่าหัวหน้าที่รู้ว่าด้านหลังที่เป็นทางตันนั้น ความจริงมีทางลับเข้าไปได้"
.
ภูเขารูปเกือกม้านี้อยู่คนละฝั่งแม่น้ำกับนครลู เป็นเนินเขาหัวตัดลูกหนึ่งวัดเส้นรอบวงได้ประมาณ 5 กิโลเมตรเศษมีรูปร่างเหมือนกับภูเขาทั่ว ๆ ไปในอาฟริกาใต้ไม่สูงมากนัก
ส่วนที่สูงที่สุดสูงไม่เกิน 200 ฟุตคือปราการหน้ามีรูปร่างคล้ายเกือกม้า ส่วนไหล่เขาค่อนข้างชันเต็มไปด้วยโขดหินตะปุ่มตะป่ำยากแก่การปีนป่าย
.
บนพื้นหญ้าราบเรียบของยอดเขากว้างขวางมากพอที่จะตั้งค่ายพัก ซึ่งใช้เป็นที่ตั้งค่ายทหารได้อย่างแข็งแรง มันพอที่จะตั้งกองทหารอยู่ประจําการและกระท่อม
ที่พักได้มากมาย
ซึ่งบัดนี้ไม่เพียงพอต่อจำนวนคนทั้งทหารและชาวบ้านที่อพยพเข้ามาจึงอยู่กันอย่างแออัด
.
โดยการนำทางของนายทหารผู้นั้น เขาพาอ้อมไปอีกทางซึ่งเป็นป่ารกแม้จะอ้อมไกลแต่นำไปทางด้านหลังของป้อมที่เป็นหน้าผาสูงชันในแนวดิ่ง ไม่มีทางที่จะปีนขึ้นไปได้
.
หัวหน้าทหาร "ไม่มีใครคิดว่าจะมีเส้นทางลับเข้าไปที่ป้อมนี้ได้ เพราะลักษณะของหน้าผาอีกทั้งทุกแห่งโดยรอบรกทึบด้วยป่า และเกลื่อนไปด้วยก้อนหินที่แต่ละก้อนน้ำหนักเป็นตัน
.
แต่มีก้อนหนึ่งที่มีประตูลับให้ผ่านได้ หินมีขนาดใหญ่แม้ไม่ที่สุดแต่หากกดรหัสที่มี 12 จุดได้ถูกต้อง ก็สามารถเปิดประตูลับเข้าไปได้ นี่คือหินที่ข้าพูดถึง"
.
ท่ามกลางหินขนาดมหึมาน้ำหนักเป็นตันที่รวมกันอยู่มากมายที่นี่ ทหารผู้นั้นจดจำได้อย่างไรว่าเป็นก้อนไหน คําตอบที่ได้รับจากเขาก็คือ "พวกข้ารู้เพียงว่าหินพวกนี้เรียงเป็นรูปกลุ่มดาว"
.
(หมายเหตุ! มีหินที่เรียงเป็นรูปกลุ่มดาวในหลายแห่งทั่วโลก แต่ที่โดดเด่นและเป็นที่รู้จักกันดีคือ Stonehenge ในประเทศอังกฤษ
นอกจากนี้ยังมีแหล่งหินเรียงรายอื่นๆ ที่มีลักษณะคล้ายกับกลุ่มดาวในหลายพื้นที่ เช่น กลุ่มหินเรียงที่ Carnac ในประเทศฝรั่งเศส)
.
หลังจากกดรหัสที่มี 12 จุดบนหินตะปุ่มตะป่ำแล้ว ก็ปรากฎโพรงขนาดใหญ่พอให้ผ่านได้ทีละคน ในทันทีที่ผ่านเข้ามาหมดทุกคนแล้ว ทหารผู้นั้นก็เอื้อมมือไปที่กล
ไกบางอย่าง ประตูหินที่ซ่อนไว้อย่างแนบเนียนก็เลื่อนปิดโพรงไว้ดังเดิม
โพรงนั้นนำไปสู่ช่องคูหาแคบ ๆ ซึ่งสลักเป็นขั้นบันไดลงไปสูเฉลียงตอนล่าง ตลอดทางมีโคมน้ำมันตั้งอยู่บนหิ้งตามฝาผนังเป็นระยะ
บันไดแคบนี้ลงไปสู่ส่วนลึกในภูเขาก่อนที่จะวกสูงซึ่งวกไปเวียนมา จนทำให้รู้สึกว่าภายในภูเขาลูกนั้นไม่ได้ต่างจากป้อมปราการ
.
หลังจาก 1 ชั่วโมงผ่านไปพวกเขาจึงออกมาสู่คูหาสุดท้าย คราวนี้ทางเดินยาวเหยียดจนเหมือนไม่สิ้นสุด
บางช่วงมีโพรงด้านข้างเล็กบ้างใหญ่บ้างทำให้มีลมเป่าเข้ามาไม่แรงนัก บันไดช่วงที่ติดต่อจากอุโมงค์นี้กว้างและเกลี้ยงเกลา
.
เดินตรงขึ้นบันไดไปเรื่อย ๆ ประมาณ 300 ก้าวจึงออกสู่ช่องทางเล็กๆซ่อนอยู่ในซอกของกระท่อมหลังหนึ่งซึ่งเต็มไปด้วยเครื่องใช้ต่าง ๆ กองระเกะระกะไม่เป็นระเบียบ
ทหารผู้นั้นบอกว่ากระท่อมหลังนี้เป็นที่เก็บของไม่ใช้แล้ว เวลาในขณะนั้นเป็นเวลามืดค่ำแล้ว
.
จบบทที่ 44 ภาพปกจากกูเกิ้ล หินที่เรียงเป็นรูปกลุ่มดาว Stonehenge ในประเทศอังกฤษ
โฆษณา