23 มิ.ย. เวลา 07:41 • การศึกษา

ลำดับสมณศักดิ์ของพระสงฆ์ไทย: ไขข้อข้องใจเรื่องยศพระที่หลายคนอาจยังไม่รู้

เคยสงสัยกันไหมว่าทำไมพระสงฆ์บางรูปถึงมีคำนำหน้าว่า “พระครู” “พระปลัด” หรือ “เจ้าคุณ” บางรูปก็เป็น “สมเด็จ” สร้างความสับสนให้กับหลายคนเวลาเรียกขาน การทำความเข้าใจลำดับสมณศักดิ์ของพระสงฆ์ไทยจึงเป็นเรื่องน่าสนใจและให้ความรู้เกี่ยวกับโครงสร้างการปกครองคณะสงฆ์
**สมณศักดิ์คืออะไร?**
สมณศักดิ์หมายถึง **ยศของพระสงฆ์** เปรียบได้กับยศของขุนนางในสมัยก่อน การที่พระสงฆ์รูปหนึ่งจะมีสมณศักดิ์ได้นั้น ต้องเป็นผู้มีความรู้ความสามารถ หรือมีความสามารถในการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาในทางใดทางหนึ่ง และต้องได้รับการแต่งตั้งจากพระมหากษัตริย์หรือพระราชาคณะเท่านั้น
**โครงสร้างสมณศักดิ์ 7 ขั้นหลักในปัจจุบัน**
ปัจจุบัน การจัดลำดับสมณศักดิ์ของพระสงฆ์ไทย (มหานิกายและธรรมยุติกนิกาย) เป็นไปตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง สามารถแบ่งโครงสร้างหลักได้ประมาณ 7 ขั้น ดังนี้
1. **พระภิกษุ (พระธรรมดา):** คือผู้ชายที่บวชเป็นพระสงฆ์ ยังไม่มีสมณศักดิ์ การเคารพกันจะพิจารณาจากพรรษาเป็นหลัก
2. **พระฐานานุกรม (พระผู้ช่วย):** เป็นตำแหน่งผู้ช่วยของพระราชาคณะขึ้นไป มีตำแหน่งย่อยมากมาย เช่น พระปลัด พระสมุหะ พระใบฎีกา จำนวนพระฐานานุกรมที่แต่งตั้งได้ขึ้นอยู่กับสมณศักดิ์ของผู้แต่งตั้ง เช่น สมเด็จพระสังฆราชสามารถแต่งตั้งพระฐานานุกรมได้ถึง 15 ตำแหน่ง รวมถึง "พระราชาปลัดขวา" และ "พระราชาปลัดซ้าย" ซึ่งมีเพียงสมเด็จพระสังฆราชเท่านั้นที่แต่งตั้งได้
3. **พระครูชั้นประทวน:** เป็นตำแหน่งที่ได้รับแต่งตั้งจากการทำคุณประโยชน์ให้พระพุทธศาสนาและประเทศชาติ โดยไม่เกี่ยวกับเรื่องการบริหารคณะสงฆ์
4. **พระปริยัติธรรม (พระเปรียญ):** เป็นชั้นพิเศษที่ได้มาด้วยความรู้ความสามารถจากการสอบบาลีและนักธรรม เมื่อสอบได้ตั้งแต่ 3 ประโยคขึ้นไปถึง 9 ประโยค จะถือเป็น "พระเปรียญ" และมีคำนำหน้าว่า "พระมหา" หากสอบได้เปรียญธรรม 6 หรือ 9 ประโยค จะได้รับการพระราชทานพัดยศจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโดยตรง ซึ่งถือเป็นเกียรติอย่างสูง การเป็นพระเปรียญธรรมถือเป็น "Portfolio" ที่ดีในการเลื่อนสมณศักดิ์ แต่ไม่ได้เป็นข้อกำหนดโดยตรงตามกฎหมาย
5. **พระครูสัญญาบัตร:** เป็นตำแหน่งที่เกี่ยวข้องกับการบริหารการปกครองคณะสงฆ์ แบ่งตามสายการปกครองได้ 6 ระดับ ได้แก่ เจ้าอาวาส เจ้าคณะตำบล เจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะภาค และเจ้าคณะใหญ่ โดย 4 ระดับแรก (เจ้าอาวาส, เจ้าคณะตำบล, เจ้าคณะอำเภอ, เจ้าคณะจังหวัด) จะถือว่ามีสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตร มีการแบ่งย่อยเป็นชั้นตรี โท เอก และพิเศษ การเลื่อนตำแหน่งต้องเป็นไปตามลำดับขั้น เช่น เป็นเจ้าอาวาสก่อนจึงจะมีโอกาสเป็นเจ้าคณะตำบล
6. **พระราชาคณะ (เจ้าคุณ):** เป็นลำดับที่สูงขึ้นไปอีกขั้น มีชื่อเรียกลำลองว่า "เจ้าคุณ" แบ่งย่อยได้อีก 6 ชั้น ดูจากราชทินนามนำหน้าชื่อ เช่น "พระราช" (ชั้นราช) "พระเทพ" (ชั้นเทพ) "พระธรรม" (ชั้นธรรม) การขึ้นเป็นพระราชาคณะชั้นสามัญสามารถแต่งตั้งได้โดยไม่จำเป็นต้องไต่ลำดับ แต่การจะเลื่อนขึ้นไปในชั้นราชขึ้นไป ต้องค่อยๆ เลื่อนขึ้นไปทีละลำดับขั้นเท่านั้น
7. **สมเด็จพระราชาคณะ (เจ้าประคุณ/เจ้าพระคุณสมเด็จ):** เป็นสมณศักดิ์ชั้นสูงสุดรองจากสมเด็จพระสังฆราช มักจะเรียกขานว่า "เจ้าประคุณ" หรือ "เจ้าพระคุณสมเด็จ" ตำแหน่งนี้จะเลือกแต่งตั้งมาจากพระราชาคณะเจ้าคณะรองเท่านั้น และมีได้ทั้งหมดไม่เกิน 8 รูป (ตามกฎหมายกำหนดธรรมยุตินิกาย 4 รูป มหานิกาย 4 รูป) สมเด็จพระราชาคณะถือเป็นกรรมการมหาเถรสมาคมโดยอัตโนมัติ
สมเด็จพระสังฆราช: ประมุขสูงสุดแห่งคณะสงฆ์
ลำดับสูงสุดของพระสงฆ์ไทยคือ **สมเด็จพระสังฆราช** หรือ **สมเด็จพระสังฆราชเจ้า** (สำหรับเจ้าที่ทรงผนวชและได้รับการแต่งตั้งเป็นกรณีพิเศษ) พระองค์ทรงเป็นประมุขของคณะสงฆ์ทั้งปวงในประเทศไทย รวมถึงพระจีนและพระญวน ตลอดจนพระสงฆ์ไทยในต่างประเทศ
การคัดเลือกสมเด็จพระสังฆราชจะกระทำอย่างเข้มข้น โดยคัดเลือกจากสมเด็จพระราชาคณะ 8 รูป ซึ่งมหาเถรสมาคมจะเป็นผู้พิจารณาผู้ที่เหมาะสมที่สุดในทุกด้าน ผู้ที่ได้รับการคัดเลือกจะดำรงตำแหน่งไปจนสิ้นพระชนม์ เว้นแต่มีการลาออก พ้นจากความเป็นภิกษุ หรือพระมหากษัตริย์โปรดให้ออก
การทำความเข้าใจลำดับสมณศักดิ์เหล่านี้ ไม่เพียงช่วยให้เราเรียกขานพระสงฆ์ได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงโครงสร้างการปกครองและบทบาทหน้าที่ของคณะสงฆ์ไทยในการธำรงพระพุทธศาสนาให้มั่นคงสืบไป
โฆษณา