Positive Risk คืออะไร ตามแนวทางของ PMI
เมื่อพูดถึง “ความเสี่ยง” ในการบริหารโครงการ หลายคนมักนึกถึงสิ่งที่เป็น ภัยคุกคาม หรือเรื่องที่อาจส่งผลเสียต่อเป้าหมายของโครงการเท่านั้น เช่น งบประมาณบานปลาย เวลาล่าช้า หรือทรัพยากรไม่เพียงพอ
แต่ในทางกลับกัน ตามแนวทางของ PMI (Project Management Institute) ความเสี่ยง (Risk) หมายถึง เหตุการณ์หรือสภาวะที่ “อาจจะเกิดขึ้น” และหากเกิดขึ้นแล้ว จะมีผลกระทบ “ทั้งในด้านบวกหรือด้านลบ” ต่อวัตถุประสงค์ของโครงการ
ซึ่งนำไปสู่คำว่า…
✅ Positive Risk คืออะไร?
Positive Risk หรือที่เรียกว่า Opportunity (โอกาส) คือความเสี่ยงในทาง บวก ซึ่งหากจัดการได้ดี จะส่งผลดีต่อโครงการ เช่น:
ทำให้โครงการเสร็จเร็วขึ้น
ลดต้นทุน
เพิ่มคุณภาพ
สร้างประโยชน์เพิ่มเติมที่ไม่ได้คาดหวังไว้
📌 ตัวอย่างของ Positive Risk
1. 📉 ราคาวัตถุดิบลดลงกะทันหัน
ทำให้ต้นทุนโครงการลดลง หากจัดซื้อได้ทันเวลา
2. 🛠️ เทคโนโลยีใหม่เข้ามาเร็ว
ทำให้สามารถดำเนินงานได้รวดเร็วหรือมีประสิทธิภาพมากขึ้น
3. 🤝 พาร์ทเนอร์เข้าร่วมโครงการโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย
เพิ่มศักยภาพโดยไม่ต้องเพิ่มงบ
🔧 เราจัดการกับ Positive Risk อย่างไร?
ในคู่มือ PMBOK® Guide (จาก PMI) ได้แนะนำกลยุทธ์ในการบริหาร Positive Risk หรือ Opportunity ดังนี้:
Exploit – ทำให้มันเกิดขึ้นแน่นอน เช่น ล็อบบี้ให้ผู้เชี่ยวชาญมาเข้าร่วมโครงการ
Enhance – เพิ่มโอกาสหรือผลกระทบให้มากขึ้น เช่น ปรับแผนให้เกิดผลดีเร็วขึ้น
Share – ร่วมมือกับพาร์ทเนอร์เพื่อใช้ประโยชน์ร่วมกัน
Accept – ยอมรับโอกาสนั้นไว้ หากมันเกิดขึ้นเองโดยไม่ต้องลงทุนเพิ่ม
💬 สรุป
> “Risk” ไม่ได้แปลว่า “อันตราย” เสมอไป
แต่แปลว่า “สิ่งที่อาจจะเกิดขึ้น และส่งผลกระทบ”
ซึ่งอาจจะเป็นทั้ง ด้านลบ (Threat) หรือ ด้านบวก (Opportunity) ก็ได้
ในฐานะ Project Manager ที่ดี เราจึงควรให้ความสำคัญกับทั้ง Negative Risk และ Positive Risk เพื่อให้โครงการประสบความสำเร็จสูงสุด
📘 ถ้าคุณชอบบทความแนวนี้ ฝากกดติดตามไว้ด้วยนะครับ
จะมีเนื้อหาเกี่ยวกับ Project Management, Soft Skills และการพัฒนาตนเองออกมาอีกเรื่อย ๆ 🙌
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
