โลกอยู่รอด เศรษฐกิจอยู่ได้ Impact Tech สร้างทั้งกำไรและคุณค่าอย่างยั่งยืน
#Impactful_Innovation เมื่อ “กำไร” คือหัวใจสำคัญของการทำธุรกิจ แต่หากการแสวงหาผลกำไรกลับกลายเป็นต้นเหตุที่เร่งให้ “ทรัพยากรธรรมชาติ” ร่อยหรอลงอย่างน่าวิตก ธุรกิจควรจะเดินหน้าต่อไปอย่างไร?
ที่ผ่านมาเราเคยชินกับแนวคิดที่ว่า ‘ยิ่งผลิตมาก ยิ่งขายได้มาก’ เพราะความสำเร็จถูกกำหนดด้วยตัวเลขจากผลกำไร จนธุรกิจไม่น้อยทุ่มทรัพยากรธรรมชาติลงไปไม่ยั้งเพื่อเร่งการเติบโต และผลที่ตามมาคือการที่โลกกำลังเข้าสู่วิกฤต “ขีดจำกัดความปลอดภัยของโลก (Planetary Boundaries)” ซึ่งหมายถึงจุดที่ระบบนิเวศไม่อาจฟื้นฟูตัวเองกลับมาสู่ความสมดุลได้
การเสียสมดุลทางระบบนิเวศไม่ใช่แค่เรื่องของสิ่งแวดล้อม แต่เป็นภัยคุกคามที่เชื่อมโยงถึงชีวิตมนุษย์โดยตรง หากไม่เร่งแก้ไข อาจนำไปสู่การสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ของสิ่งมีชีวิต
และก่อนที่วันนั้นจะมาถึง เราอาจต้องเผชิญวิกฤตเศรษฐกิจและสังคมที่รุนแรงยิ่งกว่า ลองจินตนาการง่ายๆ ถึงวันที่แหล่งน้ำมันดิบหมดลง ต้นทุนทางพลังงานจะพุ่งสูงจนยากจะเข้าถึง หรือในอีกด้านหนึ่ง ผู้คนบางส่วนอาจค่อยๆ สูญเสียคุณภาพชีวิตจากการขาดแคลนพื้นที่เพาะปลูก อากาศบริสุทธิ์ และแหล่งน้ำสะอาด จนนำไปสู่ปัญหาความเหลื่อมล้ำที่ผลักให้คนบางกลุ่มถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
🌍 เมื่อการทำธุรกิจแบบเดิมไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีสำหรับอนาคต “Impact Tech” จึงกลายเป็นทิศทางใหม่ที่น่าจับตา เพราะแนวคิดนี้เชื่อว่าธุรกิจต้องเติบโตได้โดยมีกำไร ควบคู่ไปกับการไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศทางธรรมชาติ ซึ่งเป็นสิ่งที่หลายประเทศกำลังพยายามขับเคลื่อนให้เกิดขึ้น
👉 “Impact Tech” คือแนวคิดที่เกิดจากการรวมคำ 2 คำเข้าด้วยกัน คือ
• Impact หมายถึง ผลกระทบเชิงบวกต่อเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม
• Technology หมายถึง การนำเอาความรู้ทางวิทยาศาสตร์มาใช้ให้เกิดประโยชน์
ดังนั้นเมื่อรวมกันจึงเกิดเป็น การนำเอาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาใช้สร้างประโยชน์ เพื่อแก้ไขปัญหาทางสังคม สิ่งแวดล้อม ควบคู่ไปกับการแสวงหาผลกำไร ช่วยให้ธุรกิจอยู่รอดอย่างยั่งยืน
🤝 จะเห็นว่า Impact Tech ไม่ได้แค่ช่วยลดต้นทุนการดำเนินธุรกิจ แต่ยังสร้างงาน สร้างโอกาส และดึงดูดการลงทุนได้อย่างมหาศาล โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่กำลังเป็นที่ต้องการ เช่น พลังงานสะอาด ทั้งยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการนำเสนอโซลูชันใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ตลาดโลก
และสำหรับมิติสังคม Impact Tech ยังมีบทบาทในการลดความเหลื่อมล้ำ ผ่านการยกระดับบริการสาธารณะ เช่น การพัฒนาระบบการศึกษา บริการด้านสุขภาพ บริการทางการเงิน ซึ่งล้วนส่งผลต่อการปรับปรุงมาตรฐานการครองชีพของประชาชนไปสู่การเติบโตที่เท่าเทียม
หนึ่งในประเทศที่เดินหน้าพัฒนา Impact Tech อย่างจริงจังและเห็นผลเป็นรูปธรรมที่สุด คือ “สวีเดน” ดินแดนที่ถูกขนานนามว่าเป็นแหล่งบ่มเพาะ “ยูนิคอร์น” หรือบริษัทที่มีมูลค่าทะลุหนึ่งพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เบื้องหลังความสำเร็จคือการสร้างระบบนิเวศนวัตกรรมที่เข้มแข็ง เปิดกว้าง และเอื้อต่อการเติบโตของธุรกิจนวัตกรรม จนกลายเป็นดินแดนในฝันสำหรับการพัฒนาโอกาสจากธุรกิจแห่งอนาคต
โดยเมื่อทุกกลไกขับเคลื่อนไปในทิศทางเดียวกัน สวีเดนจึงกลายเป็นสนามแห่งความพร้อมสร้างการเติบโตของสตาร์ตอัปให้เกิดขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็น
🎵Spotify: แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งเพลงระดับโลกที่เปิดให้ผู้ใช้เข้าถึงเพลงฟรี พร้อมฟีเจอร์ระดับพรีเมียมผ่านระบบสมาชิก ช่วยกระจายการเข้าถึงความบันเทิงอย่างเท่าเทียม
📲 iZettle: บริการชำระเงินผ่านมือถือที่เกิดมาเพื่อช่วยเหลือธุรกิจขนาดเล็ก โดยมอบเครื่องมือการเงินราคาย่อมเยา เพื่อเพิ่มศักยภาพในการดำเนินกิจการให้ผู้ประกอบการรายย่อย
🔋Northvolt: บริษัทผู้ผลิตแบตเตอรี่ที่มุ่งสร้างนวัตกรรมด้านพลังงานสะอาด เพื่อรองรับยานยนต์ไฟฟ้า และระบบกักเก็บพลังงาน โดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม
ขณะเดียวกันในประเทศไทยเองก็มีผู้ประกอบการจำนวนไม่น้อยที่ลุกขึ้นมาขับเคลื่อน Impact Tech ด้วยวิธีคิดที่น่าสนใจ ตอบโจทย์ปัญหาในชีวิตจริงของผู้คน ชุมชน และสิ่งแวดล้อมได้มากมาย ตัวอย่างเช่น
🎣 แมวกินปลา: นวัตกรรมที่สร้างความยั่งยืนและโอกาสทางธุรกิจด้วยการรับซื้อวัตถุดิบจากชาวประมงพื้นบ้าน ที่ใช้เครื่องมือประมงขนาดเล็ก ไม่ผิดกฎหมาย และคัดเฉพาะปลาโตเต็มวัย ซึ่งช่วยรักษาสมดุลพร้อมช่วยสนับสนุนการรายได้ให้กับชุมชน
💬 Vulcan: โครงการ Live Chat Agent ที่เปิดโอกาสให้คนพิการได้มีอาชีพผ่านการทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ตอบแชทลูกค้า โดยนำ AI เข้ามาช่วยอ่านข้อความและออกเสียงคำถาม ให้ผู้พิการรับทราบปัญหาและตอบโต้เพื่อให้คำตอบได้อย่างไม่ติดข้อจำกัด
💻 Botnoi: Chatbot เพื่อการดูแลปัญหาสุขภาพจิต โดยใช้เทคโนโลยี AI ช่วยประเมินและคัดแยกความเสี่ยงของผู้ใช้งานได้จากบริบทการสนทนา ผสานกับเทคโนโลยี Text to Speech ออกแบบบทสนทนาที่เหมาะสม ทั้งน้ำเสียง การจัดรูปประโยค เพื่อให้คำปรึกษาเบื้องต้น
นอกจากนั้นยังมีผู้ประกอบการไทยอีกหลายรายที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพและความพร้อมในการขยายตลาดสู่สากลด้วยนวัตกรรมที่สร้างผลกระทบเชิงบวกต่อเศรษฐกิจและสังคมในโครงการ “Scale Up Impact! Thailand x Sweden Global Startup Acceleration Program” โครงการบ่มเพาะและเร่งสร้างสตาร์ตอัปไทยในสาขา Impact Tech ที่มุ่งสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
โดย NIA ร่วมกับสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงสตอกโฮล์ม, หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.), สมาคม Thai Startup และ Techsauce มีจุดมุ่งหมายในการเชื่อมโยงระหว่างสตาร์ตอัปไทยกับตลาดระดับโลก และสตาร์ตอัปไทยทั้ง 12 รายที่ผ่านการคัดเลือกในโครงการก็ได้ไปแสดงศักยภาพบนเวที Thailand Pitch Day พร้อมนำเสนอแนวคิดธุรกิจ Impact Tech ให้แก่กลุ่มนักลงทุนระดับนานาชาติ หน่วยงานต่างประเทศ และเครือข่ายธุรกิจชั้นนำ
แม้ภาพความสำเร็จของ Impact Tech จากต่างประเทศจะดูยิ่งใหญ่และอาจจะดูเหมือนไกลเกินฝัน แต่ความเป็นจริงคือ ประเทศไทยก็มีแรงขับเคลื่อนที่น่าจับตาไม่แพ้ใครเช่นกัน NIA ยังคงมุ่งมั่นทำหน้าที่ “เชื่อมโยง” ผลักดันให้สตาร์ตอัปไทยเติบโตอย่างมีคุณภาพ และเป็นฟันเฟืองสำคัญในการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน พร้อมขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศสู่อนาคตที่ยั่งยืนต่อไป
✨ สำหรับผู้ประกอบการท่านใดที่กำลังมองหาโอกาส ขยายตลาด หาแหล่งทุนสำหรับการพัฒนานวัตกรรม มาเจอกันที่ได้งาน Startup Thailand x Innovation Thailand Expo 2025 หรือ “SITE 2025” มหกรรมนวัตกรรมและเครือข่ายสตาร์ตอัปไทยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศ!
🚩 วันที่ 4 – 6 กรกฎาคม 2568 ณ สยามพารากอนฮอลล์ ชั้น 5 ศูนย์การค้าสยามพารากอน
🗳️ ลงทะเบียนเข้าร่วมงานได้แล้วที่ https://site.nia.or.th/
แล้วพบกัน!
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
