26 มิ.ย. เวลา 09:32 • นิยาย เรื่องสั้น

บทที่ 3: เงาในหุบเขา ตอนที่ 2

แววตาของขุนศิรเทพ มิได้ฉายแววหวาดหวั่น หากแต่แผ่วผ่านประกายแห่งความเข้าใจอันลึกซึ้ง ซ่อนเร้นภายใต้ความสงบแห่งตน เขามองกลับไปยังหัวหน้าหมู่บ้านและชาวบ้านซึ่งยังคงเฝ้ารอคำตอบ ใบหน้าของพวกเขาอับเฉาด้วยเงามืดแห่งความระแวงและสิ้นหวัง ดุจพฤกษาที่เหี่ยวเฉา ไร้ซึ่งหยาดน้ำค้าง
"รอยเท้าเหล่านี้..." ขุนศิรเทพเอ่ยเสียงเรียบ พลางชี้ไปยังร่องรอยบนพื้น "มิใช่รอยเท้าปีศาจ"
เสียงฮือฮาอื้ออึงแว่วขึ้นจากชาวบ้าน บางคนขยับกายด้วยท่าทีไม่พอใจ "แล้วมันคือรอยอันใดกันเล่า ท่านขุนผู้ทรงปัญญา!"
"มันคือรอยเท้าของผู้ที่พยายามซ่อนกายอย่างระมัดระวังยิ่ง" ศิรเทพกล่าวอย่างใจเย็น หากแต่สายตาคมกริบดุจคมกระบี่กวาดมองไปทั่วฝูงชน "รอยเท้าเด็กน้อยนั้นเลือนรางประดุจสายลมผ่าน ทว่าไม่บ่งชี้ถึงการหลงทาง หากกลับสลักชัดว่าเด็กนั้นถูกลักพาไป ส่วนรอยเท้าที่ทับถม ลึก หนักอึ้งด้วยภาระบรรทุก และถูกอำพรางอย่างแยบยล ดุจพยัคฆ์ซ่อนรอยในพงไพร"
หัวหน้าหมู่บ้านก้าวเข้ามา สีหน้าจริงจังขึ้น "ท่านหมายความว่า...มีคนในหมู่บ้านเราทำเรื่องเช่นนี้รึ? เป็นไปไม่ได้! ไม่มีใครในที่นี้จะทำเช่นนั้น!"
ศิรเทพจ้องตาผู้ใหญ่บ้าน ก่อนกล่าวอย่างไม่เร่งรีบ "ที่แน่แท้คือมีผู้กระทำ และผู้นั้นพยายามปกปิดร่องรอยอย่างแนบเนียน"
เขาเดินตรวจตราบริเวณศาลาหมู่บ้าน ดวงตาจับจ้องสิ่งเล็กน้อยอันคนอื่นอาจมองข้าม มือแตะผนังไม้เก่าที่มีรอยขูดขีดประหลาด "รอยเล็บนี้ดูคล้ายรอยสัตว์ใหญ่ ทว่าปรากฏในที่ที่สัตว์ป่ายากจะเข้าถึง"
ชายชราผู้หนึ่งเปล่งเสียงด้วยความตื่นกลัว "ข้าว่ามันเป็นภูตผีปีศาจแน่แท้! ใครจะบ้าพอทำเรื่องพิเรนทร์เช่นนี้ได้!"
"โอ้... ความกลัว เป็นสิ่งที่เรามักเลือกเชื่อโดยง่าย เมื่อม่านหมอกแห่งความไม่รู้บังตา" ศิรเทพเอ่ยเบา ๆ ดุจเสียงกระซิบจากเบื้องลึกของจิต "หากเรามองให้ลึก สัจธรรมที่ซ่อนเร้น อาจน่าสะพรึงยิ่งกว่าเรื่องเล่าที่ประดิษฐ์ขึ้นมา"
เขาชี้ไปยังเศษผ้าใต้พุ่มไม้ "กลิ่นโคลนผสมกลิ่นเฉพาะ... กลิ่นจากพงไพรลึก" เขาหยุดคิดครู่หนึ่ง ก่อนพูดต่อ "และเสียงหวีดจากยอดเขา... อาจมิใช่เสียงภูตผี แต่เป็นเสียงที่มนุษย์ใช้ เพื่อสร้างความหวาดกลัว"
หัวหน้าหมู่บ้านหลบสายตา ริมฝีปากสั่นเล็กน้อย "ท่านหมายความว่า มีคนลักพาตัวเด็กไป แล้วใช้เรื่องปีศาจบังหน้าอย่างนั้นหรือ? เพื่ออันใดเล่า ท่าน!"
"นั่นคือสิ่งที่เราต้องค้นหา" ศิรเทพตอบ "แต่ก่อนอื่น ข้าขอข้อมูลเด็กที่หายไป และเวลาที่หายไปทั้งหมด"
ชาวบ้านเริ่มกระซิบกัน บางคนผ่อนคลายลง เมื่อเห็นว่าศิรเทพไม่ได้มาเพื่อกล่าวโทษ หากแต่เพื่อหาทางออก หัวหน้าหมู่บ้านจึงเรียกคนมารวบรวมข้อมูลอย่างละเอียด
ตลอดราตรี ศิรเทพศึกษาแผนที่เมืองอารันทร์ พร้อมจุดที่เด็กแต่ละคนหายไป เขาพบว่าเด็กทั้งเก้าคนหายจากคนละทิศ แต่มีบางจุดเชื่อมโยงกันอย่างแปลกประหลาด
ยามรุ่งอรุณ ขุนศิรเทพเรียกหัวหน้าหมู่บ้านและชาวบ้านคนสำคัญมาประชุม
"จากข้อมูล ข้าพบว่าเด็กกำพร้าหายไปขณะเล่นใกล้แนวป่าและทางเข้าออกหมู่บ้าน มิได้หายจากจุดเดียว แต่จุดเหล่านั้นกระจุกในแนวทิศตะวันตกเฉียงเหนือ"
บางคนพยักหน้า "จริงดังว่า พวกเขาชอบไปแถวนั้น"
"และที่สำคัญ... รอยข่วนบนผนังศาลา" ศิรเทพชูเศษไม้ที่มีรอยกรงเล็บ "มิได้มาจากสัตว์ หากแต่เกิดจากเครื่องมือมนุษย์"
หัวหน้าหมู่บ้านหน้าซีดลง "ใครกันจะทำเรื่องนี้!"
"ผู้รู้เส้นทาง รู้จังหวะ และใช้ความกลัวของผู้คนเป็นเกราะกำบัง"
"นักล่า...?" หัวหน้าหมู่บ้านเอ่ย "มีนักล่าเข้ามาในป่าบ้าง แต่ไม่เคยทำร้ายใคร"
"หากเป็นนักล่าที่ต้องการ 'บางสิ่ง' ที่ต่างออกไปเล่า?"
ศิรเทพหยิบขวดเล็กที่มีกลิ่นโคลนปนกลิ่นประหลาดขึ้นมา "กลิ่นสมุนไพรที่ใช้สะกดสัตว์ป่า และกลิ่นดินในถ้ำลึก"
ความเงียบปกคลุม ชาวบ้านเริ่มตระหนักว่า อาจมิใช่ปีศาจที่น่ากลัวที่สุด แต่เป็นเงามนุษย์ที่ซ่อนในหมอก
"มีถ้ำใดที่ไม่มีใครกล้าเข้า?" ศิรเทพถาม
ชายชราผู้หนึ่งตอบ "มีถ้ำโบราณแห่งหนึ่งอยู่ลึกเข้าไปในหุบเขา ทางนั้นไม่มีใครกล้าไป เพราะมีตำนานเล่าว่ามีปีศาจร้ายสิงสถิตอยู่"
ศิรเทพพยักหน้า "นั่นคือที่หมายของเรา"
เขาหันไปยังหัวหน้าหมู่บ้าน "ข้าต้องการผู้นำทางที่กล้าหาญ และรู้จักเส้นทางเป็นอย่างดี เราจะไปที่นั่น วันนี้"
หัวหน้าหมู่บ้านลังเล "ถ้าเป็นปีศาจจริง...จะทำอย่างไร?"
"หากเป็นปีศาจ ก็เป็นปีศาจที่มนุษย์สร้าง และทุกสิ่งที่มนุษย์สร้าง ย่อมแก้ได้เสมอ"
แววตาขุนศิรเทพแน่วแน่เต็มไปด้วยความเชื่อมั่นอันแผ่ซ่านไปถึงชาวบ้าน ชาวบ้านบางส่วนเริ่มมีความหวัง ความกลัวยังมิได้จางหายไปโดยสิ้นเชิง หากแต่เมล็ดพันธุ์แห่งความกล้าหาญและความจริงอันบริสุทธิ์ ได้เริ่มหยั่งราก ณ ผืนแผ่นดินใจของพวกเขาแล้ว ท่ามกลางม่านหมอกอันทึบมิด เสียงหนึ่งก็ดังลอดผ่านมา
"ข้าขออาสา!" "ข้าด้วย!" เสียงดังขึ้นเป็นระลอก ดุจแสงอรุณแรกสาดส่องทะลุม่านหมอก
และการเดินทางเข้าสู่เงาในหุบเขา จึงเริ่มต้น...
โฆษณา