27 มิ.ย. เวลา 11:03 • กีฬา

📝 ตอนที่ 2: เส้นทางสู่อคาเดมี่ลิสบอน

ปีนั้น คริสเตียโน่ โรนัลโด้ มีอายุเพียง 12 ปี
เขาต้องจากบ้านเกิดที่เกาะมาเดร่า ข้ามน้ำข้ามทะเลคนเดียว เพื่อเดินทางสู่เมืองหลวง ลิสบอน – เมืองที่เขาไม่รู้จักใครเลย
เด็กน้อยจากครอบครัวยากจน ต้องจากพ่อแม่และพี่น้องมาอยู่กับคนแปลกหน้า
เขาไปพร้อมกับกระเป๋าใบเดียว และความฝันที่หนักกว่าทั้งชีวิต
“ผมร้องไห้ทุกคืน คิดถึงบ้าน คิดถึงแม่ คิดถึงชีวิตที่เคยรู้จัก แต่ผมไม่เคยคิดจะกลับ”
– โรนัลโด้เล่าไว้ในภายหลัง
ฝันใหญ่ แลกด้วยน้ำตา
โรงเรียนใหม่ เพื่อนใหม่ สำเนียงภาษาที่ต่างจากคนเกาะ
โรนัลโด้ต้องเผชิญกับการถูกล้อเลียน เพราะสำเนียงพูดที่คนลิสบอนมองว่าเชย
เขาไม่มีเพื่อน ไม่มีใครเข้าใจ ไม่มีใครเชื่อว่า “เด็กจากเกาะ” จะเป็นนักเตะอาชีพได้
แต่ทุกคำดูถูก กลายเป็นไฟในหัวใจ
การฝึกซ้อมที่ไม่เคยมีคำว่า “พอแล้ว”
ที่อคาเดมี่ของสปอร์ติ้ง ลิสบอน โรนัลโด้ฝึกหนักกว่าทุกคน
เขาจะ มาซ้อมก่อนเวลา และกลับทีหลังเสมอ
แม้กระทั่งวันหยุด เขายังมาขอเปิดสนามซ้อมคนเดียว
บางครั้ง เขาแอบย่องเข้าไปฟิตเนสตอนดึก เพื่อซ้อมเพิ่มโดยไม่มีโค้ชรู้
“เขาหมกมุ่นกับการเป็นที่สุด เขาไม่เคยยอมหยุดแม้แต่วันเดียว”
– โค้ชเยาวชนของโรนัลโด้กล่าวไว้
เด็กชายที่ซ้อมจนขาเป็นเส้นเลือดขอด
เมื่ออายุ 14 โรนัลโด้เริ่มมีอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะ
แพทย์บอกว่าเขาอาจต้องเลิกเล่นฟุตบอล
แต่เขาไม่ยอมแพ้ และเข้ารับการผ่าตัดโดยใช้แสงเลเซอร์
ไม่นานหลังจากนั้น เขากลับมาลงสนาม พร้อมสถิติวิ่งเร็วระดับท็อปของรุ่น
“บางคนบอกผมโชคดีที่ได้มาอยู่ที่นี่ แต่ไม่มีใครเห็นว่าผมต้องผ่านอะไรมาบ้าง” – CR7
ดาวเด่นที่ไม่มีใครกล้ามองข้าม
ในเวลาไม่กี่ปี โรนัลโด้กลายเป็นเด็กดาวรุ่งที่โดดเด่นที่สุดในอะคาเดมี่
ทั้งความเร็ว พลัง ความมุ่งมั่น และทัศนคติของผู้ชนะ ทำให้แมวมองจากหลายสโมสรเริ่มจับตา
รวมถึงชายที่ชื่อว่า… เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน
🔚
“แค่เด็ก 12 จากเกาะเล็ก ๆ กลายเป็นนักเตะที่ทำให้โค้ชทั้งยุโรปต้องลุกขึ้นยืนดูเขาซ้อม… เพราะหัวใจเขาไม่ใช่แค่รักฟุตบอล แต่เขา ยอมตาย เพื่อมัน”
#CR7 #แรงบันดาลใจฟุตบอล #เส้นทางที่ไม่มีคำว่าง่าย
พรุ่งนี้เวลา 19.00 พบกันตอนที่ 3
โฆษณา