28 มิ.ย. เวลา 04:09 • หุ้น & เศรษฐกิจ

รวบรวมสรุป อบรม The Influencer Financial & Investment Day 7 (7.06.2025)

การเรียนในสัปดาห์ที่ 7 ของโครงการ The Influencer ได้เรียนเข้าใจตลาดหุ้น เริ่มลงทุนอย่างมั่นใจ ซึ่งเป็นการเรียนรู้แบบเบื้องต้นอย่างมากสำหรับนักลงทุนหน้าใหม่ รวมไปถึงนักลงทุนหน้าเก่าสามารถเรียนทบทวนได้เช่นกัน โดยเริ่มจากสินทรัพย์การลงทุนที่นอกจากหุ้น ซึ่งมีผลิตภัณฑ์ให้เลือกหลายหลาย เทคนิคในการลงทุน การเลือกหุ้นด้วยหลักการ 5 Force Model พร้อมเคสตัวอย่างหุ้นที่มีความเชื่อมโยงกับดัชนี SET Index หรือภาวะตามสถานการณ์เศรษฐกิจ รวมไปถึงนักลงทุนต้นแบบระดับโลกเป็นอย่างไร
ส่วนช่วงบ่ายจะเป็นเรื่องนำเสนอการเงินการลงทุนด้วยภาพวาด จากที่ได้เห็นในหลายเพจที่ทำภาพการ์ตูน หรือ Infographic จากงานสัมมนา Workshops ที่เคยร่วมกิจกรรม หรือ ข่าวสำคัญ ที่จะมาปรับใช้ในการเล่าเรื่องด้วยภาพ โดย พี่น้ำ เป็นผู้บุกเบิกในการนำเสนอการเงินด้วยภาพ โดยมีเทคนิคในการนำเสนอภาพการ์ตูนอย่างไรให้เข้าใจง่าย และน่าดึงดูดใจของผู้ติดตาม โดยนำมาสรุปในโพสต์นี้ค่ะ
Morning Session - กวี ชูกิจเกษม
เข้าใจตลาดหุ้น เริ่มลงทุนอย่างมั่นใจ
ศาสตร์และศิลป์ของการลงทุนหุ้น
สินทรัพย์ลงทุนในโลก มีอะไรบ้าง เช่น
- เงินสด: เงินสด, Bitcoin
- ตราสารหนี้
- หุ้นไทย: CPN, CPALL, PTT, ADVANC, TFMAMA (เป็นตัวอย่าง)
- หุ้นต่างประเทศ: APPLE, TESLA, NETFLIX, DISNEY, BYD (เป็นตัวอย่าง)
- สินค้าโภคภัณฑ์: น้ำมัน/ทองคำ/ยูเรเนียม/ลิเธียม
- อสังหาฯ: ที่ดิน บ้าน คอนโด/อสังหาฯ ให้เช่า/กองทุนอสังหาฯ
ข้อแนะนำ: เลือกสินทรัพย์ลงทุนที่เรามีความรู้ความเข้าใจ และยอมรับความเสี่ยงได้
แทบทุกสินทรัพย์ให้ผลตอบแทนเป็นบวกระยะยาว
- หุ้นที่มีเงินปันผล เป็นสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดในระยะยาว เมื่อเทียบกับ พันธบัตร อสังหาริมทรัพย์ ทองคำ และอัตราเงินเฟ้อ ถ้าลงทุนในรอบ 20 ปี ราคาหุ้นในตำนาน เช่น SCC PTT ลดลง แต่ผลประกอบการปำไร และให้เงินปันผลอยู่ตลอด
- ถ้าลงทุนหุ้นอย่างเดียว (ไม่มีเงินปันผล) เพิ่มขึ้น 700 เหรียญ เมื่อเทียบหุ้นที่มีเงินปันผล 10,000 เหรียญ แต่การลงทุนควรต้องมีความอดทน
ตลาดหุ้นคืออะไร
ตลาดหุ้นถูกสร้างขึ้นมาเพื่อสภาพคล่องในการลงทุน แต่ไม่ได้สร้าง Value มูลค่าของบริษัทมาจากที่ธุรกิจดำเนินงาน ดังนั้นจึงเป็นช่องทางที่ช่วยให้เงินทุนหมุนเวียน และนักลงทุนสามารถเป็นเจ้าของกิจการได้
Investor - ตลาดแรก คือ IPO เข้าตลาดหุ้นครั้งแรก และ โบรกเกอร์ – Business Owner
Investor (Buyer) - ตลาดรอง คือ SET และ โบรกเกอร์ – Investor (Seller)
- Louis Vuitton – Brand ชั้นนำในต่างประเทศของเครือ LVMH (Moët Hennessy Louis Vuitton) โดยมีสินค้าหลายชนิดในเครือ เช่น แฟชั่นและเครื่องหนัง เครื่องประดับและนาฬิกา เป็นต้น ส่วนการเติบโตของ LVMH ราคาหุ้นประมาณ 469.55 ยูโร ซึ่งเป็นการเติบโตที่โดดเด่นและต่อเนื่องในระยะยาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงหลังปี 2010 แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จและมูลค่าที่เพิ่มขึ้นของกลุ่มบริษัท LVMH
- NVIDIA เป็นบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลก มีบทบาทสำคัญในการพัฒนา GPU, AI, Data Science และเทคโนโลยีขั้นสูงอื่นๆ การเติบโตของาคาหุ้นที่โดดเด่นและเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว แสดงถึงศักยภาพของบริษัทที่มีอิทธิพลโลกเทคโนโลยีสำคัญในปัจจุบันและอนาคต
- Brand สินค้าที่ Warren Buffett ซื้อหุ้นที่มีผลประกอบการดี ผลการดำเนินงานที่ชัดเจน คำนึงถึงสถานการณ์ในความเป็นจริง ที่ต้องซื้อหุ้นแล้วถือนาน ถือเป็นนักลงทุน VI เช่น Apple, Bank of America, Coca-Cola, Chevron เป็นต้น
- คนติดกับดัก คือ กลุ่มที่ไม่ได้อิสรภาพทางการเงิน มักมีพฤติกรรมซื้อ-ขายบ่อย เหมือนเป็นนักเก็งกำไร คนที่ร่ำรวยจริงๆ จะถือสินทรัพย์ประเภทไหนในพอร์ต แล้วจะต้องลดสินทรัพย์ลงอะไรในอนาคต เพื่อให้ตัวเองมีความมั่งคั่ง และมีอิสรภาพทางการเงิน
- ประเทศเจอ Engine Society เจอหุ้นที่โอกาสดี คนที่มีความมั่งคั่งจะลงทุนหุ้นในต่างประเทศ เช่น กองทุนรวม ตราสารหนี้ อสังหาริมทรัพย์
ประเภทนักลงทุนต่อระดับทนต่อความเสี่ยง
Conservative - เสี่ยงน้อย ยอมรับเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น ผลตอบแทนสูงกว่าความเสี่ยงเพิ่มขึ้น
Moderate - เสี่ยงปานกลาง สัดส่วนเดียวกัน + อัตราผลตอบแทนเพิ่ม
Aggressive - เสี่ยงสูง คาดหวังผลตอบแทนสูง
แนะนำ : ใช้กำหนดในการสัดส่วนการลงทุนในหุ้น ซึ่งจะต้องวางแผน ศึกษาหาความรู้ และประเมินตัวเองในการลงทุนตามระดับความเหมาะสม
- คนที่ถือหุ้นแล้วติดดอยเพราะเราอาจจะไม่แคร์ เนื่องจากติดกับดัก ความรู้พื้นฐานด้านการลงทุน รวมไปถึงการตัดสินใจซื้อหุ้นตัวเอง
- ความรู้เป็นตัวกำหนดที่อยากเรียนรู้เรื่องการลงทุน แล้วพร้อมจะรับความเสี่ยงด้วย
ลักษณะการลงทุน
นักลงทุน
- Value Investor (VI) นักลงทุนเน้นบริษัทพื้นฐานดี เน้นผลการดำเนินงานในอนาคต ราคาถูก ลงทุนระยะยาว
- Yield Investor นักลงทุน หุ้น ผลตอบแทนและเงินปันผลสูง
นักเก็งกำไร
- Momentum Investor นักลงทุนเน้นรอยซื้อขายตามปัจจัยเศรษฐกิจ และ อุตสาหกรรม มาเก็งกำไร
- Speculate Investor นักลงทุนเก็งกำไร ไม่สนปัจจัยพื้นฐาน เน้นวิเคราะห์เทคนิค
3 นักลงทุนต้นแบบของโลกที่น่าเป็นแบบอย่างที่ลงทุนในระยะยาวกับใช้เวลาความอดทนในการถือครองจนสร้างผลตอบแทนมหาศาลให้กับตัวเอง เช่น George Soros เป็นนักลงทุนเก็งกำไร ได้ผลตอบแทน 30% ต่อปี / Warren Buffett เป็นนักลงทุนแบบ VI ได้ผลตอบแทน 26% ต่อปี และ Peter Lynch เป็นนักลงทุนผู้จัดการกองทุนแบบ Fund Manager ได้ผลตอบแทน 29% ต่อปี
- กฎปฏิบัติตัวเองที่อยากลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแตนและความยั่งยืนให้กับชีวิต คือ การค้นหาตัวตน สามารถเป็นตัวกำหนดความเสี่ยงการลงทุนได้ เลือกบริษัทพื้นฐานดี ไม่สนเคลื่อนไหวราคาหุ้น เวลาเลือกหุ้น เลือกในราคาที่เหมาะสมและถูก
- หากเลือกหุ้นถูกหรือแพง จนกว่าจะสะท้อนราคาหุ้นจริง จะต้องใช้เวลาในการติดตามสถานการณ์ที่เหมาะสม
เลือกบริษัทดี 5 Force Model
- New Entrants คู่แข่งเข้ามาใหม่ โดยใช้ประสบการณ์จากการอ่าน ใช้บริการของตัวเองเป็นต้น ฐานลูกค้ามีความสำคัญในธุรกิจบริษัท
- Substitutes สินค้าทดแทน สินค้า และบริการ เป็นสิ่งที่ผลกระทบหุ้นอย่างไร
- Buyer - ต่อรองราคากับลูกค้าในการที่จะต่อรองราคา
- Suppliers อำนาจในการต่อรองกับ Supplier เลือกหุ้นที่มี Market Share สูงสุด
- Rivalry ความสามารถการแข่งขัน มีความเป็นผู้นำในธุรกิจและตลาดไหม พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป ยังใช้บริการอยู่รึเปล่า ต้องตอบคำถามตัวเองให้ได้
- กรณี CP ต้องไม่ลดอัตรากำไรขั้นต้น ลดราคาในยามวิกฤติ ถึงแม้ว่ากำไรจะลดลงก็ตาม
- กรณี Coca-Cola เกิดกำไรลดลงตอนเกิดวิกฤติ แต่อัตรากำไรขั้นต้นไม่ลดลง แต่ถ้าอัตรากำไรลดลง ถือว่าเริ่มมีคู่แข่งเข้ามาแล้ว จึงทำให้ลดราคาสินค้าลง
- เทคนิคในการซื้อหุ้นในราคาถูกเท่านั้น ความอดทนคือกุญแจสำคัญที่จะสร้างผลตอบแทนที่ดีขึ้น ควรเข้าใจวงจรเศรษฐกิจขึ้น-ลง แต่ระยะยาวตลาดหุ้นมีความสัมพันธ์สูงมากกับกำไรสุทธิ แต่อย่าติดกับดักหุ้นพื้นฐานดีแต่ราคาแพง ควรหาจังหวะในการซื้อหุ้นในต้นทุนที่ได้เปรียบ
- ความสัมพันธ์ราคากับกำไรสุทธิ เช่น BANPU สัมพันธ์กับ SET Index ในช่วงปี 2011 2017 และ 2022 เนื่องจากมี Outperform และ Underperform ขึ้นอยู่กับวัฎจักรราคาพลังงานโลก และมีความผันผวนสูง
/ CPALL ราคาขึ้นใกล้เคียงกันทั้งราคากับกำไรสุทธิจึงมีความเคลื่อนไหวร่วมกันอย่างต่อเนื่อง
- นักลงทุน VI มองหาโอกาสในทุกวิกฤติใหญ่ๆ จะเกิดขึ้นในรอบ 50 ปี ใน 6 ครั้ง ตั้งแต่ วิกฤติเศรษฐกิจสหรัฐ วิกฤติต้มยำกุ้ง วิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ น้ำท่วมใหญ่ วิกฤติ PIIGS วิกฤติ Covid-19 วิกฤติสามารถเกิดขึ้นได้เสมอ
- ผลตอบแทนมีพลังขนาดไหน ของทุกอย่างมี Value แต่ Value ถือยาวหรือสั้นอย่างไร เน้นลงทุนระยะยาว ถือจนต้องใช้เวลาสามารถสร้างผลตอบแทนมหาศาล
- พลังดอกเบี้ยเป็นกุญแจสำคัญการลงทุน จึงสั่งสมเงินลงทุนในระยะยาว กว่าจะถึงจุดที่ดอกเบี้ยเท่ากับเงินต้นในช่วงเงินสะสม 15 ปี จนกระทั่งดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นมากกว่าเงินต้น และลงทุน DCA เดือนละ 10,000 บาท 33 ปี ผลตอบแทน 5-12% ดังนั้นการลงทุนในระยะยาวคือความอดทนในการสั่งสมจนประสบความสำเร็จได้
- ข้อคิดเรื่องดอกเบี้ยทบต้น
"My wealth has come from a combination of living in America, some lucky genes, and compound interest." – ความมั่งคั่งของฉันมาจากการผสมผสานระหว่างการใช้ชีวิตในอเมริกา ยีนที่โชคดี และดอกเบี้ยทบต้น
ติดตามหุ้นอย่างต่อเนื่อง
- ในยามที่เกิดปัญหาต้องติดตามผลการดำเนินงานของบริษัท กล้าที่จะลงทุนตอนเกิดวิกฤติ ซึ่งเหตุการณ์ชั่วคราวเป็นปกติในช่วงราคาลง แล้วเพิ่มขึ้นตอนราคาขึ้น ควบคุมรายได้ รวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภค แต่ทุกครั้งพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนทำให้หุ้นพัง
- ข้อคิดการลงทุนของ Warrant Buffet
“Successful Investing takes time, discipline and patience. No matter how great the talent or effort, some things just take time: you can’t produce a baby in one month by getting nine woman pregnant.
การลงทุนที่ประสบความสำเร็จต้องใช้เวลา วินัย และความอดทน ไม่ว่าจะมีความสามารถหรือความพยายามมากเพียงใด บางสิ่งก็ต้องใช้เวลา คุณไม่สามารถให้กำเนิดทารกได้ภายในหนึ่งเดือนโดยทำให้ผู้หญิงเก้าคนตั้งครรภ์ อาจจะสื่อถึงผู้หญิง 9 คน ได้ลูกภายใน 1 เดือน
Afternoon Session - น้ำ ธนธร กาญจนิศากร
Investment Infographic
- น้ำเป็นคนต่างจังหวัดที่หาดใหญ่ เรียนสายการเงินที่เอแบค ในช่วงแรกน้ำ Finance เป็นที่ปรึกษาการเงิน ไปทำแบบสอบถามตามท้องถนน ตามโรงพยาบาล ซึ่งในตอนนั้นคนยังไม่ให้ความสำคัญในการวางแผนการเงิน พอได้เจอแม่ค้าคนหนึ่ง มาทำแบบสอบถาม แล้วตอบกลับไปว่า “ทำไมต้องวางแผนการเงิน หาเช้ากินค่ำจะแย่อยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องเก็บหรอก”
ทำให้เขารู้สึกว่าคนไทยยังมีความรู้เรื่องการเงินน้อย จนกลับมาทบทวนตัวเองด้วย Mindset ที่อยากให้คนไทยวางแผนการเงินอย่างไร จึงได้วาดรูปตัวการ์ตูนที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง นี่คือจุดเริ่มต้นในการผลิตคอนเทนต์การเงิน การลงทุน ด้วยภาพการ์ตูน แล้วตัวมาสคอตประจำคือ “ตัวเหรียญ” จึงจดสรุปใน Mindmap แล้วพัฒนาตัวเองเรื่อยๆ จนกลายเป็นงานอดิเรกของน้ำ จนสามารถสร้างรายได้ด้วยตัวเอง รวมไปถึงงานหลักคือเป็นที่ปรึกษาการเงินด้วย
- คุณต้องหาให้เจอก่อนว่าเราเป็นเพื่ออะไร จึงเป็นคำถามของตัวเองออกมา เช่น อยากเป็น Content Creator, Influencer, นั่งเรียนหรือฟังสัมมนาเพื่ออะไร
- หลักการเป็น Content Creator คือ Timing ที่ตัวเองอยากทำสิ่งนี้เพราะอะไร แล้วช่วงระยะเวลาจะมีโอกาสอยู่เสมอ
Visual Recording คืออะไร?
- Visual Recording คือ การวาดเน้นความคิด ทำให้เราคิดและเชื่อมโยงได้ดีขึ้น วาดรูปให้ตัวเองเข้าใจคนเดียวหลักการคือ ง่าย – เร็ว – เข้าใจ โดยมีการจดสรุป 3 อย่าง ได้แก่ Infographic, Mindmap, Visual Recording ส่วนประเภทรูปแบบการสรุป ได้แก่ Single Photo, Photo Album และ Mindmap แล้วแต่เนื้อหาที่นำมาประกอบการใช้ในการวาดภาพประกอบนั้นช่วยในเรื่องความคิดฝึกให้เร็วขึ้น และสามารถเขียนสรุปได้อย่างเข้าใจง่าย
ประโยชน์ของการจดสรุป
- ทักษะของการ Visual Recording คือ มือจด ตาดู หูฟัง และสมองคิดตาม ที่ต้องใช้ทุกอย่างในร่างกาย คือ ฟัง ต้องจับประเด็น มีสมาธิ อ่าน เขียน รวดเร็ว วาด จำ เพื่อฝึกทักษะในการจดเขียนสรุปพร้อมภาพประกอบได้อย่างเข้าใจ
- อุปกรณ์ที่ใช้ในการจดสรุปคือ กระดาษ ปากกาสี ปากกาไฮไลต์ ปากกสีดำ / Application ในการวาดรูปและจดสรุป เช่น Procreate, Keynote, Notability เป็นต้น / ฟอนต์ เช่น ฟอนต์, Fontcaft, Google Fonts, Dafont / รูป Icon ต่างๆ เช่น Pngtree, Flaticon, Pinterest, Pixabay แล้วแต่ปรับสไตล์ในการใช้อุปกรณ์สำหรับการวาดและจดสรุป ขึ้นอยู่กับงบประมาณและความพร้อมในแต่ละบุคคล แต่ถ้าไม่ติดอะไรก็คือทำด้วยใจแล้วต้องลงมือทำเท่านั้น
วาดยังไงให้เข้าใจ
โดยเบื้องต้นในการวาด เริ่มต้นด้วยวาดเส้นให้น้อย เส้นต่อกัน / คิดจุดเด่น ของสิ่งที่เราจะวาด / วาดรูปทรงลักษณะเด่น / วาดให้ Simple ทุกคนเข้าใจ / ใช้สีช่วย โดยใช้สีง่ายๆที่ประกอบกับภาพ /ใส่คำกำกับ ประกอบ / ใช้คำย่อ สัญลักษณ์ เช่น สบายมาก หรือย่อว่า ส.บ.ม. ซึ่งเป็นคำที่คุ้นๆกันอยู่แล้ว / หาภาพใน Google โดยหาจากคำก่อนแล้วเลือกภาพได้ตามใจชอบ เมื่อมีตัวช่วยเสิรมด้วยใช้ Chat GPT ในการออกคำสั่งในการควบคู่ไปด้วย เพื่อใช้ประกอบในการวาดได้ง่ายขึ้น
การแบ่งหมวดหมู่-สัดส่วน เช่น Diagram แบบทรงสามเหลี่ยม แท่งลูกศร แท่งกรวย เป็นแบบหลายสี หรือแบ่งในหลายหัวข้อ สามารถจัดโครงสร้างใจความสำคัญ โดยมีทั้งประเด็นหลักและประเด็นย่อย เพื่อจัดข้อมูลใส่โครงสร้างสรุป เช่น แนวนอน-ตั้ง ตาราง เส้นทางขั้นตอน ป๊อปคอร์น อิสระ เป็นต้น ส่วนโครงสร้างของ Infographic เช่น หัวข้อ เปรียบเทียบ แผนที่ Timeline แผนภูมิ ขั้นตอน เป็นต้น ขึ้นอยู่กับการนำเสนอด้วยวิธีในรูปแบบไหน เพื่อได้มองเห็นภาพอย่างเข้าใจ
7 กระบวนการสรุป
โดยมีขั้นตอนการสรุปใน 7 ขั้นตอน คือ ย่อยข้อมูลเป็นส่วนๆ / แยกเนื้อออกจากน้ำ ต้องเป็นเนื้อหาหลักๆมาก่อน / เอาแต่ประเด็นหลักขึ้นมาก่อนประเด็นรอง / เรียงลำดับความสำคัญ / ดึง Keyword ของแต่ละส่วนออกมา / สร้างภาพจาก Keyword / นำมาใส่โครงสร้างมาลงในกล่องของประเด็น
การจับประเด็นจากการฟัง 4 ประเด็น
จากประสบการณ์ที่ฟังสัมมนา เสวนา ในทุกประเภทนั้นควรทำอย่างไร และสร้างประโยชน์ให้กับตัวเองจนนำไปถ่ายทอดสู่คนอื่นได้ด้วย โดยเริ่มจากเข้าใจประเด็นเนื้อหาก่อน ตั้งใจฟังอย่างเข้าใจ แยกประเด็นสำคัญออกมา และนำวางโครงสร้าง
4 หลักในการสรุป
โดยมีหลักการที่สำคัญคือ ต้องเก็บข้อมูลทั้งหมด / ย่อยประเด็นข้อมูลสำคัญ / แบ่งหมวดหมู่ และนำมาแปลงเป็นโครงสร้างเชื่อมโยง
หลักสำคัญให้การสรุปโดดเด่น
การสรุปให้โดดเด่นนั้นจะต้องมี ตัวละคร (Character) ทำให้มีความเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง / แบบอักษร (Typography) เลือกตัวอักษรที่ดูแล้วสวย นุ่มนวล อ่านง่าย / การจัดวาง (Structure) จัดวางองค์ประกอบให้มีความเหมาะสมและดูดี และ สี (Color) ใช้โทนสีที่เหมาะสมและสวยงาม
ทฤษฎีการใช้สีหลัก-สีรอง
ผลงานในเงินแพรท์เทิรน์สไตล์เดียวกันทั้งลักษณะสี การจับคู่ ความหมาย เช่น หัวข้อใช้สีไหน เสื้อ วิทยากร บุคคล องค์กร เพื่อให้เข้ากับโทนของสีนั้นๆ
คำแนะนำในการจดสรุป
- มีจุดนำสายตาหรือจุดเริ่มต้นให้รู้ว่าเริ่มอ่านจากตรงไหน
- แบ่งพื้นที่หน้ากระดาษให้เพียงพอกับเนื้อหา
- ถ้าเนื้อหาเยอะ ให้ลองเปลี่ยนเป็นรูปหรือสัญลักษณ์แทน
- คำนึงถึง Knowledge Background ผู้อ่านเป็นหลัก
- มีจุด Hook หรือรูปภาพเพื่อเรียกจุดที่สนใจ
- ไม่จำเป็นต้องสวยไม่เป็นไร แต่สามารถเข้าใจง่าย และสื่อสารรู้เรื่อง
- ตัวอักษรใหญ่ เป็นหัวข้อหลักเป็นที่จุดสนใจอย่างหนึ่ง ส่วนตัวอักษรเล็กสำหรับเขียนย่อยๆ
จากบทสรุปการเรียน The Influencer ครั้งที่ 7 เริ่มต้นลงทุนอย่างมั่นใจ รู้เบื้องต้นจากสิ่งที่ได้เรียนมาก่อนหน้านั้น นอกจากที่เราได้ศึกษาหุ้นแล้ว ยังได้รู้สินทรัพย์การลงทุนทั้งในและต่างประเทศที่มีให้เลือกหลากหลาย เช่น เงินสด ตราสารหนี้ หุ้นต่างประเทศ สินค้าโภคภัณฑ์ และ อสังหาริมทรัพย์ เปรียบเทียบในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนที่ต่างกัน ลักษณะในการเป็นนักลงทุนและระดับความเสี่ยงตามสไตล์ในแต่ละบุคคล ถือเป็นคุณสมบัติเบื้องต้นที่ก้าวสู่การเป็นนักลงทุนมือใหม่
ต่อมาต้องศึกษาในเรื่องบริษัทต่างๆมากมาย แล้วเลือกหุ้นด้วย 5 Force Model เช่น New Entrants, Substitutes, Buyer, Suppliers และ Rivalry แล้วแต่ปัจจัยต่างๆที่ส่งผลต่อการใช้บริการ และสถานการณ์ตลาดที่เล่นอยู่สายเดียวกัน ซึ่งจะต้องวิเคราะห์และหาโอกาสในทางที่เหมาะสม ขึ้นอยู่กับสถานการณ์เศรษฐกิจอีกด้วย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเทคนิคของแต่ละบุคคล
ส่วนเรื่อง Investment Infographic พี่น้ำได้สอนเทคนิคที่สำคัญไม่ว่าจะเป็น ฝึกวาด-จับประเด็น-ความเร็ว-สรุป และได้สอนเบื้องต้นเกี่ยวกับองค์ประกอบ สี รูปแบบ เหมือนได้เรียนวิชาศิลปะไปด้วย ล้วนเป็นองค์ประกอบร่างกายที่จะต้องจดจ่อและความเคยชินด้วยการฝึกฝนอยู่ทุกครั้ง แล้วตัวเองมีความสนใจในเรื่องการเงิน การลงทุน ติดตัวไปด้วย ถือเป็นสร้างโอกาสตัวเองได้อย่างดีมากที่ได้มีบทบาทตัวตนในการผลิตสื่อในการเผยแพร่ไปสู่ผู้ติดตามในทุกแพลต์ฟอร์ม
จบกันไปแล้วสำหรับบทสรุปในบทที่ 7 ในโพสต์ต่อไปจะเป็นเรื่องการลงทุนกับ AI ซึ่งจะส่งผลในการใช้งานร่วมกันได้อย่างไร โปรดติดตามตอนต่อไปในโพสต์หน้าค่ะ
ใกล้จะถึงสิ้นสุดโครงการ The Influencer จากสิ่งที่เราได้สรุปคลาสเรียนนั้น หวังจะเป็นประโยชน์ต่อทุกคนต่อไปนะคะ อย่าลืมเพื่อนๆ และผู้ติดตามทุกท่านมาช่วยกันโหวตให้คะแนนเรา เพื่อได้รับคัดเลือกเข้ารอบชิงของโครงการ The Influencer Financial & Investment ค่ะ สามารถมาร่วม Vote ได้ผ่านทางลิงค์นี้ หรือ QR Code จากตามภาพได้ค่ะ
“1 Vote = 1 ให้กำลังใจ” ในการผลิตสื่อของเราต่อไปค่ะ
* หมายเหตุ Content นี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ The Influencer Financial & Investment ของ E-FinanceThai เท่านั้น
#TheInfluencerTH #TheInfluencer2025 #การเงินการลงทุน #Namfinance
โฆษณา