“คืนรถ” ให้ไฟแนนซ์ ไม่เสียค่าส่วนต่างจริงมั้ย?
“จ่ายเพิ่ม” หรือ “จบกัน” เมื่อต้องการ “ยกเลิกสัญญาเช่าซื้อ” ก่อนครบกำหนด
ปัจจุบันจากปัญหาสถานการณ์หนี้ครัวเรือนที่เพิ่มสูงขึ้น บวกกับสถานการณ์ของบริษัทรถยนต์รายหนึ่งที่ต้องปิดตัวลง ทำให้ผู้ที่เช่าซื้อรถยนต์อยู่เกิดความกังวลเกี่ยวกับการผ่อนรถอยู่ไม่น้อย หลายคนมีความคิดว่าจะคืนรถกับไฟแนนซ์ดีไหม และถ้าคืนจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมหรือไม่?
[ การเช่าซื้อรถยนต์ คืออะไร? ]
เป็นการซื้อรถยนต์โดยการผ่อนชำระเป็นงวดๆ ผ่าน “สัญญาเช่าซื้อ” เป็นรูปแบบหนึ่ง โดยที่ “ผู้เช่าซื้อ” จะยังไม่ได้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่แท้จริงของรถยนต์ จนกว่าจะชำระค่างวดครบถ้วนตามสัญญา
ซึ่งในช่วงที่ยังผ่อนชำระอยู่ บริษัทบริการสินเชื่อรถยนต์ หรือ “ไฟแนนซ์” จะเป็นเจ้าของรถคันนั้น ผู้เช่าซื้อเป็นเพียงผู้ครอบครองและใช้ประโยชน์จากรถตามเงื่อนไขที่ตกลงกันไว้ในสัญญา
[ กระบวนการคืนรถให้ไฟแนนซ์ ]
การคืนรถให้ไฟแนนซ์ คือ การ “ยกเลิกสัญญาเช่าซื้อ” ก่อนครบกำหนด โดยไฟแนนซ์จะรับรถคืนแล้วนำไปขายทอดตลาดหรือประมูลเพื่อนำเงินที่ได้มาชำระหนี้ที่เหลืออยู่
ทั้งนี้ aomMONEY ได้สอบถามไปยังไฟแนนซ์รายหนึ่งให้ข้อมูลว่า หากต้องการคืนรถ จะต้องเสียเงินเพิ่มหรือไม่ ขึ้นอยู่กับ 3 กรณี ดังนี้
(1.) ราคาขายรถ “ไม่ถึง” ยอดหนี้ที่ค้างอยู่ = ผู้เช่าซื้อต้องชำระเงินส่วนที่ขาดเพิ่ม
(2.) ราคาขายรถ “พอดี” กับยอดหนี้ที่ค้างอยู่ = ผู้เช่าซื้อไม่ต้องชำระเงินเพิ่ม
(3.) ราคาขายรถ “มากกว่า” ยอดหนี้ที่ค้างอยู่ = ไฟแนนซ์จะคืนเงินส่วนต่างให้ผู้เช่าซื้อ
จะเห็นได้ว่า การคืนรถให้ไฟแนนซ์มีโอกาสเป็นได้ทั้ง “จ่ายเงินเพิ่ม” “ไม่ต้องจ่าย” - “ได้เงินส่วนต่างคืน” ซึ่งขึ้นอยู่กับ ราคารถที่ขายทอดตลาดได้ กับ ยอดหนี้ที่ยังเหลืออยู่ และเงื่อนไขของไฟแนนซ์แต่ละที่ด้วย
[ คำพิพากษาศาลฎีกาเรื่องการคืนรถ ]
อย่างไรก็ตาม หากยึดคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1203/2565 เรื่อง "เช่าซื้อ" ระบุว่า การคืนรถนั้น "ไม่ต้องรับผิดชอบค่าส่วนต่าง" โดยสาระสำคัญสรุปได้ว่า
หาก “ผู้เช่าซื้อ” นำรถยนต์ไปคืน “ไฟแนนซ์” โดยไม่มีหนี้ค้างชำระ และไม่ได้ถูกไฟแนนซ์เป็นฝ่ายยึดเอง จะถือว่าผู้เช่าซื้อได้ใช้สิทธิ์ “บอกเลิกสัญญาเช่าซื้อ” แม้ “ผู้เช่าซื้อ” จะเคยลงชื่อในเอกสารที่ไฟแนนซ์จัดเตรียมไว้ เพื่อยอมรับภาระค่าส่วนต่างที่อาจเกิดขึ้นจากการบอกเลิกสัญญา ก็ไม่มีผล เพราะไม่ใช่สัญญาเช่าซื้อหลัก
ทั้งนี้ "ไม่ใช่ทุกกรณี" ที่ผู้เช่าซื้อจะสามารถคืนรถโดย “ไม่เสียค่าส่วนต่าง” ได้ หากเข้าข่ายสถานการณ์ดังต่อไปนี้ ผู้เช่าซื้ออาจยังคงต้องรับผิดชอบในภาระค่าส่วนต่าง
1. ค้างชำระค่างวด
หากมีประวัติค้างชำระหลายงวดติดต่อกัน หรือค้างเกิน 3 เดือนจนไฟแนนซ์เริ่มติดตามทวงถาม จะสูญเสียสิทธิ์ในการคืนรถแบบไม่ต้องรับผิดชอบค่าส่วนต่าง
2. รถถูกยึดโดยไฟแนนซ์
เมื่อรถถูกยึดเนื่องจากค้างชำระ จะเสียสิทธิ์ไม่ต้องจ่ายส่วนต่าง และต้องรับผิดชอบค่าขาดราคาพร้อมค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมทั้งหมด
3. มูลค่ารถลดลงอย่างมาก
หากรถไม่ได้รับความนิยม อายุการใช้งานนาน หรือสภาพเสียหายหนัก ทำให้ราคาขายทอดตลาดต่ำกว่ายอดหนี้ค้างมาก อาจถูกเรียกเก็บค่าส่วนต่าง
อย่างไรก็ตาม ถ้าจะให้ชัวร์ในเรื่องนี้ คุณกิตติศักดิ์ ธนันณัฏฐ์ ทนายความมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค แนะนำว่า “เราควรศึกษาข้อมูลกฎหมายเพิ่มเติมทางออนไลน์หรือกับผู้รู้ หรือที่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค อีกทั้งต้องอ่านรายละเอียดเกี่ยวกับตัวอย่างหนังสือขอคืนรถให้ครบถ้วนก่อนเซ็นสัญญา”
[ คำแนะนำสำหรับผู้ที่กำลังประสบปัญหา ]
หากจ่ายไม่ไหว aomMONEY แนะนำว่า ให้รีบขอคำปรึกษาและหาทางออกร่วมกับไฟแนนซ์ดีกว่า และสำหรับกรณีของค่ายรถยนต์ที่ปิดตัวลง จนผู้เช่าซื้อรถเกิดความกังวลเรื่องบริการหลังการขายเกี่ยวกับการซ่อมบำรุงจนอาจส่งผลต่อการคืนรถที่เพิ่มขึ้นนั้น ยังคงต้องติดตามแนวทางการแก้ปัญหาของสำนักงานของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ต่อไป
สุดท้าย การคืนรถให้ไฟแนนซ์ไม่ใช่ทางออกที่รับประกันว่าจะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ความเป็นไปได้ในการไม่ต้องรับผิดชอบค่าส่วนต่างจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งประวัติการชำระเงิน สภาพรถ มูลค่าตลาด และเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในสัญญา
สิ่งสำคัญที่สุดคือ การสื่อสารกับไฟแนนซ์อย่างตรงไปตรงมาเมื่อเริ่มประสบปัญหา เพื่อหาทางออกที่เหมาะสมที่สุดสำหรับทุกฝ่าย การปล่อยปัญหาไว้จนเกินแก้จะทำให้ตัวเลือกในการแก้ไขลดน้อยลง และค่าใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น
#aomMONEY #สินเชื่อ #หนี้ #ปัญหาทางการเงิน #เช่าซื้อ
- 1
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
