28 มิ.ย. เวลา 15:48 • ความคิดเห็น
รู้ไหมครับว่า คนที่เพิกเฉยทางการเมือง
นิ่งเงียบ = พื้นที่ว่างทางการเมือง
“เงียบ” ไม่สนใจการเมือง ไม่ออกไปประท้วงหรือแสดงจุดยืนทางการเมือง ไม่อยากวุ่นวาย รักษาสุขภาพจิต ไม่อยากมีส่วนร่วม อยู่เป็น หรือเพิกเฉย หรือคิดว่าเป็นเรื่องไกลตัว
แม้จะดูเหมือนเป็นสิทธิส่วนบุคคล แต่ก็มีข้อเสียหรือผลกระทบที่สำคัญหลายอย่างเลยนะครับ
มันเป็นการลดพลังของประชาชน
เมื่อคนจำนวนหนึ่งไม่แสดงออก หรือไม่มีส่วนร่วมในอำนาจ การตรวจสอบถ่วงดุลของประชาชนจะอ่อนแอลง ส่งผลให้รัฐบาล หรือนักการเมืองสามารถตัดสินใจใช้อำนาจโดยไม่เกรงกลัวแรงต่อต้านจากสังคม แล้วใช้เป็นข้ออ้างถึงบุคคลจำนวนที่ไม่มีส่วนร่วมไปในทางที่ให้ตัวเองได้ความชอบธรรมได้ เพราะถึงพูดไปก็ไม่มีแรงต้านจากคนจำนวนนี้ เปรียบเสมือนเป็นพื้นที่ว่าง หรือจำนวนคนฟรีๆที่ฝ่ายไหนก็ได้จะหยิบไปพูดหรือใช้อ้างเพื่อให้ตัวเองได้เปรียบเสมอ
1
สังคมเฉยชา ไร้ความหวัง
ส่วนคนที่อยากเปลี่ยนแปลงจะรู้สึกโดดเดี่ยว ไม่ได้รับแรงสนับสนุน ส่งผลให้การขับเคลื่อนสังคมเกิดยาก หรือกลายเป็นเรื่อง “ของคนส่วนน้อย” ทั้งที่ควรเป็นเรื่องของทุกคน
สะท้อนว่าเราอาจยอมรับความอยุติธรรม
โดยไม่รู้ตัว
ความเงียบในบางครั้ง เท่ากับการยอมจำนนหรือยินยอมต่อสิ่งที่เกิดขึ้น แม้จะไม่เห็นด้วยจริงๆก็ตาม เช่น ถ้ารัฐใช้อำนาจเกินขอบเขต แต่คนเงียบ คนเหล่านั้นอาจกลายเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ความอยุติธรรมดำรงอยู่ หรือทำให้อำนาจบางกลุ่มมองเห็นโอกาสและหยิบมาเป็นข้ออ้างได้เสมอเลยครับ
เพิกเฉยทางการเมือง
ปล่อยให้อำนาจรวมศูนย์โดยไม่ถูกตรวจสอบ
เมื่อไม่มีแรงกดดันจากประชาชน นักการเมืองหรือผู้มีอำนาจสามารถใช้อำนาจโดยไม่ต้องรับผิดชอบ ส่งผลให้เกิดการทุจริต ละเมิดสิทธิ หรือออกนโยบายที่เอื้อเฉพาะกลุ่มได้ง่าย
“เมื่อคุณไม่สนใจการเมือง"
"สักวันการเมืองจะมาเคาะประตูที่หน้าบ้านคุณ”
1
แม้คุณจะไม่สนใจการเมืองเลยในวันนี้ แต่ผลลัพธ์ของการเมืองจะตามมามีผลกระทบกับชีวิตคุณในที่สุด แบบที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เช่น กฎหมายใหม่ ภาษี ค่าครองชีพ นโยบายสาธารณะ ล้วนถูกตัดสินโดยกระบวนการทางการเมืองทั้งสิ้น
แม้คุณจะไม่ตามข่าว
ก็ยังต้อง "อยู่ภายใต้ผลลัพธ์" เหล่านั้นอยู่ดี
ความเงียบไม่ปกป้องคุณ
หากรัฐมีนโยบายลิดรอนสิทธิ เสรีภาพ หรือใช้อำนาจเกินขอบเขต การที่คุณ “ไม่ยุ่ง ไม่ออกความเห็น” ก็ไม่ช่วยให้คุณปลอดภัยเสมอไป
โฆษณา