Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
สงคราม story
•
ติดตาม
29 มิ.ย. เวลา 12:30 • การเมือง
เรื่องเล่าจาก ทหารพราน บัณฑิต คำศรีเมือง (EP.1) วีรบุรุษชุดดำ
สวัสดีครับท่านผู้อ่านทุกท่าน ก่อนที่จะไปอ่านบทความนี้ ผู้เขียนขอให้ทุกท่านโปรดช่วยกดไลก์ กดติดตาม และกดแชร์ เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้เขียนในการทำบทความต่อๆไป
สำหรับท่านใดที่มีเรื่องใดน่าสนใจ ท่านสามารถส่ง inbox ข้อความมาได้ที่ Facebook Supakrit Falcon หากเรื่องใดโดนใจผู้เขียนจะนำเรื่องราวไปศึกษาค้นคว้าหาข้อมูลเพื่อเตรียมการเสนอครั้งต่อไป
ในขณะที่กัมพูชากำลังมุ่งปองร้ายกองทัพไทยให้จุดเชื้อไฟสงคราม ประชาชนเริ่มหันมาสนใจทหารมากขึ้น ในขณะกระแสทหารไทยกำลังฮิตค่ำคืนนี้ผู้เขียนขอเปลี่ยนบรรยากาศเล่าเรื่องราวอดีตทหารผ่านศึกชื่อดัง
โดยผู้เขียนนำเนื้อหาจากคลิปที่อาจารย์หนุ่ม พลตรี ศนิโรจน์ ธรรมยศ ได้ให้สัมภาษณ์อดีตทหารพรานผู้กล้าท่านนี้ เรื่องที่จะได้เห็นต่อไปนี้เป็นเรื่องจริง ไม่ใช่เรื่องแต่งหรือนิยายสั้นแบบที่ผู้เขียนเคยทำ บัดนี้เรื่องราวของท่านก็เริ่มต้นขึ้นแล้ว
ทหารพราน บัณฑิต คำศรีเมือง ได้ให้สัมภาษณ์กับอาจารย์หนุ่ม โดยเล่าเรื่องตั้งแต่ท่านเข้ามาอยู่กองร้อยทหารพรานจู่โจมที่ 920 กองกำลังทหารพรานกองทัพบก ค่ายปักธงชัย โดยวีรกรรมที่ทำให้ท่านแจ้งเกิดในสนามรบคือ ยุทธการบ้านหินแตก
ทหารพราน บัณฑิต คำศรีเมือง เล่าว่าเข้าสู่สมรภูมิครั้งแรกในยุทธการบ้านดังกล่าวหลังจากการฝึกเสร็จสิ้น จริงๆ แล้วท่านควรจะไปเขาค้อ แต่กองร้อย 962 ที่ไปรบเขาค้อแทบจะละลายเกือบทั้งหน่วย ทำให้ท่านถูกส่งไปประจำการที่กองร้อย 962 แทน และภายหลังย้ายไปที่กองร้อย 9202 ในเวลาต่อมา
แม้จะยังเด็ก (อายุประมาณ 20 ปี) และยังไม่เคยเข้าสู่สมรภูมิมาก่อน ท่านไม่ได้มีความวิตกกังวลเลย ท่านกลับมีความตื่นเต้นที่ได้ออกรบ
ภารกิจหลักคือการปราบปรามกองกำลังขุนส่า หรือ จาง ซีฟู ซึ่งเป็นกองกำลังที่มีขนาดใหญ่มากและเจ้าหน้าที่รัฐบางส่วนก็ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของขุนส่า
รูปแบบการปฏิบัติการณ์จะเป็นการกวาดล้างตามที่หน่วยข่าวกรองให้ข้อมูลมา ทำให้เจ้าหน้าที่รัฐไม่ว่าจะเป็นทหาร ตำรวจ ไล่ติดตามกองกำลังขุนส่าไปทุกๆที่ ไม่ว่าจะหลบหนีไปอยู่แนวตะเข็บชายแดนหรือตามหมู่บ้านต่างๆตามป่าเขาลำเนาไพร ก็ไม่มีทางหนีพ้นเลยแม้แต่น้อย
ทหารพรานบัณฑิตเล่าให้อาจารย์หนุ่มฟังว่าท่านได้เข้าร่วมยุทธการบ้านหินแตกถึง 4 รอบ โดย 3 รอบแรก เป็นการกวาดล้างกองกำลังขุนส่า
ปิดท้ายด้วยรอบที่ 4 เป็นการร่วมรบกับกำลังพลของขุนส่า (ไทใหญ่) ในฐานะมิตร เพื่อต่อต้านการเข้าโจมตีของ ว้าแดง ที่ร่วมกับพม่าในการยึดฐานทหารไทใหญ่คืนกลับมา
หลังจบศึกที่ภาคเหนือก็ต้องมาเผชิญหน้ากับสมรภูมิที่ภาคใต้ เมื่อทหารพรานบัณฑิตให้สัมภาษณ์การรบที่ภาคใต้ต่อหน้าอาจารย์หนุ่ม
ท่านเล่าว่าในยุทธการใต้ร่มเย็น
ท่านได้ลงไปปฏิบัติหน้าที่ในภาคใต้ถึง 2 ครั้ง ในยุทธการใต้ร่มเย็น 9 และ 11 (จากทั้งหมด 3 ยุทธการ) สำหรับพื้นที่ในการปฏิบัติการณ์ครอบคลุมหลายจังหวัดทางภาคใต้ เช่น สุราษฎร์ธานี ยะลา ปัตตานี หาดใหญ่ เป็นต้น
ภารกิจนี้ทหารพรานไทยจะได้รับมอบหมายให้โจมตีฐานบริวาร (ฐานลูก) ของผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ที่ล้อมรอบฐานแม่ (ช่องช้าง) โดยกองร้อยที่ท่านสังกัดได้เข้าโจมตีค่าย 511 และฐานอื่นๆของผกค.
มีการปะทะกันบ่อยมากในครั้งที่สองของการลงพื้นที่ภาคใต้ ขณะเดินทางด้วยรถไฟจากสุราษฎร์ธานีไปยะหา หน่วยของท่านทั้งหมด 32 นายที่เข้าพื้นที่ได้หลงเข้าไปในรังผกค. และถูกซุ่มโจมตีอย่างหนัก ทั้ง 2 ฝ่ายปะทะกันนานหลายชั่วโมง กลายเป็นภาพที่เราๆท่านๆเห็นตามในหนังสงคราม อาวุธไม่ว่าจะเป็น อาก้า M16 RPG ต่างยิงใส่กันแบบไม่รู้จักจบจักสิ้น
เมื่อการรบทวีความรุนแรงมากขึ้นกองกำลังภาคพื้นดินกำลังจะเสียเปรียบ ฝ่ายเราจึงร้องขอการสนับสนุนด้วยปืนใหญ่ 105 มม. และเครื่องบินจากกองทัพอากาศ อย่างไรก็ตามกองทัพบกก็ไม่สามารถวางปืนใหญ่ได้ดั่งใจนึกเนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวเป็นป่ายางหนาทึบ โชคดีเฮลิคอปเตอร์ Huey ของกองทัพบกและเครื่องบิน OV-10 จากกองทัศอากาศ ก็ได้บินเข้ามาช่วยยิงสนับสนุนในภายหลัง จนในที่สุดฝ่ายเราก็สามารถสังหารฝ่ายตรงข้ามได้เป็นผลสำเร็จ
หลังจากปะทะกับกลุ่มผกค.ที่ภาคใต้ ก็มาที่ภาคอีสานต่อ ท่านกล่าวว่าการทำสงครามกับเวียดนามที่ชายแดนฝั่งตะวันออกเป็นการรบที่หนักหนาสาหัสที่สุด ไม่เหมือนการรบกับผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์หรือโจรแบ่งแยกดินแดน ศึกนี้มีทั้งการรบตามแบบ รูปแบบกองโจร ยิ่งไปกว่านั้นมีการดวลปืนใหญ่กันไปมา ทหารไทยยิงตอบโต้บ้าง ทหารเวียดนามยิงตอบโต้บ้าง เป็นแบบนี้กันทั้งวันทั้งคืน การส่งเสบียงและน้ำเป็นไปอย่างยากลำบาก เพราะรถบรรทุกที่จะของมาส่งให้ทหารไทยเสี่ยงที่จะโดนกระสุนปืนใหญ่ตกใส่
ท่านเล่าว่าระยะเวลาที่ท่านประจำการอยู่ที่ช่องบก น้ำยืน อยู่ในพื้นที่ตั้งแต่ปลายปี 2528 จนถึงปี 2530 เป็นเวลาประมาณ 2 ปีเต็ม ตอนไปรบเสื้อผ้าก็มีชุดเดียวไม่ได้ซักเป็นเวลา 3-4 เดือน แถมยังต้องอาศัยอยู่ในหลุมบังเกอร์ตลอดเวลารอคำสั่งจากผู้บังคับบัญชา
ท่านเล่าว่าเป้าหมายของกองทัพไทยในขณะนั้นคือ การผลักดันกองกำลังทหารเวียดนามเฮงสัมริน ให้ออกไปจากพื้นที่เนิน 500 และพื้นที่อื่นๆ ของประเทศไทยจนเป็นผลสำเร็จ ความสำเร็จนี้เกิดจากความสามัคคีของทหารทุกหน่วยที่เข้าไปปฏิบัติการณ์ในพื้นที่ โดยมีท่านพลเอกอิสรพงษ์ หนุนภักดี
ขณะนั้นท่านมียศพลโทและยังเป็นแม่ทัพที่เสี่ยงตายเข้าเยี่ยมลูกน้องถึงแนวที่ปะทะกับศัตรูโดยตรงโดยไม่ห่วงว่ากระสุนจะโดนกระสุนไหม จะโดนปืนใหญ่ไหม จะโดนระเบิดไหม นี่คือแม่ทัพภาคที่ 2 คนหนึ่งที่เสี่ยงตายไปหาลูกน้อง จะมีแม่ทัพสักกี่คนในโลกที่กล้าถึงเพียงนี้ แม้แต่ผู้เขียนก็ไม่อยากจะเชื่อว่าในไทยจะมีคนกล้าหาญแบบท่านจริงๆ
ในสงครามหรือสมรภูมิที่ผ่านมาท่านเล่าว่ามีทหารพรานนายหนึ่งที่ป่วยไข้มาลาเรียนั่งรอรถเพื่อไปโรงพยาบาลได้ ทหารป่วยที่ว่านี้ได้ดึงสลักระเบิด M26 ออกมา เมื่อทหารนายหนึ่งที่ใส่รองเท้าคอมแบทมาเห็นเข้าจึงเตะลูกระเบิดออกห่างจากคนป่วย เนื่องจากระเบิดจะทำงานใน 3-5 วินาที ทันใดนั้นเองระเบิดถูกเตะมาทางทหารพรานบัณฑิต ซึ่งนั่งอยู่ใกล้ๆ ทำให้ท่านต้องมุดเข้าในโขดหินก่อนที่ระเบิดจะทำงาน ทำให้เหตุการณ์นี้มีคนบาดเจ็บและมีผู้เสียชีวิตด้วย
ต่อมาก็เป็นเรื่องหลงป่าและอาถรรพ์เขมรแดง ทหาร บัณฑิต พร้อมเพื่อนๆทหารพรานเคยหลงป่าและต้องนอนค้างคืน ก่อนจะกลับมาพบศพทหารเขมรแดง 3 ศพ และซากหมูป่า 2 ซาก
มีเหตุการณ์ที่เพื่อนเหยียบระเบิด เพื่อนคนนั้นชื่อ "ชอบ" เสียชีวิตจากการเหยียบกับระเบิดกบกระโดดที่ผลิตโดยจีนแดง
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากที่ชอบไปเก็บหัวกะโหลกทหารเขมรแดงมาทำที่เขี่ยบุหรี่ ท่านเชื่อว่าวิญญาณของทหารเขมรแดงไม่พอใจและติดตามมาบีบคอแถมยังบอกว่า "มันจะมาเอาชีวิตกู" ก่อนที่ชอบจะมาเหยียบระเบิดจนเสียชีวิต ในขณะที่ทหารพราน บัณฑิต มีอาการคันคะเยอไปทั้งตัวอย่างรุนแรงทำให้ต้องลงไปอาบน้ำ ทันทีที่ท่านเดินออกไปไม่นาน ชอบก็เดินมาจะถึงตัวท่านและเหยียบระเบิดที่อยู่ตรงหน้าพอดี ถ้าท่านไม่ออกไปในเสี้ยววินาทีนั้น ท่านอาจโดนระเบิดเต็มๆไปแล้วก็ได้
เรื่องราวการรบในอดีตของทหารพราน บัณฑิต คำศรีเมือง EP.แรกก็จบลงไปแล้ว เรื่องของท่านที่ผู้เขียนนำมาเล่าเป็นเรื่องจริงๆ จากผู้มีประสบการณ์ อาจทำให้ท่านผู้อ่านเข้าได้ไม่มากก็น้อย หากผิดพลาดประการใดก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ อย่าลืมโปรดติดตามต่อไปด้วยนะครับ เพราะจะมีเรื่องมากมายที่ทุกท่านไม่เคยรู้ไม่เคยเห็นในสมรภูมิใด ขณะนี้ผู้เขียนขอลาไปก่อน สวัสดีครับ
To Be Continue
Credit บทความและภาพประกอบ
Keowkao Keng Chuchat
อาจารย์หนุ่ม พลตรี ศนิโรจน์ ธรรมยศ
กรมทหารพรานที่ 32 สุภาพบุรุษชุดดำ
ทหารพราน บัณฑิต คำศรีเมือง
TAF
Nainokkrajok kw
เรียบเรียงบทความ : จ่าหวาน เกรียงไกร
บันทึก
2
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย