วันนี้ผมอาจจะไม่ได้มาเขียนให้ข้อมูลหุ้นอะไรเท่าไร แต่ขอมาแชร์หลักคิดที่ได้จากวันนี้ล่ะกันครับ เผื่อจะเป็นประโยชน์ (มั้งนะ)
พอดีวันนี้ผมมางาน “เรื่องมันเศร้า ขอเล่าเข้ม ๆ”
รอบนี้บรรยากาศงานดูเหงามากครับ คนในห้องไม่เต็ม หรือเพราะจัดเก้าอี้มาเยอะเกินไปก็ไม่รู้
แต่ผมรู้สึกคนมันโหรงเหรงมาก แถมห้องก็หนาวมาก
แต่งานนี้ก็ดีนะครับ มีแชร์ความรู้ ประสบการณ์ และเรื่องที่เราควรระวังให้ดี
แต่ผมขอสารภาพ ช่วงแรก ๆ ผมก็ฟังเพลินแหละ แต่หลัง ๆ ผมหลุดไปเยอะเลย เพราะผมดันนั่งคุยกับพี่ข้าง ๆ ครับ แกเป็นอีกหนึ่งนักลงทุนพอร์ตใหญ่ มากฝีมือ ที่คนไม่ค่อยรู้จัก เพราะแกไม่ออกสื่อ
ก็คุยกันแลกเปลี่ยนความรู้ โดยหลัก ๆ คือผมเนี่ยแหละเป็นคนขอความรู้จากแก
คือผมก็ปรึกษาแกอ่ะนะว่า คือผมก็เจอหุ้นเทคโนโลยีเทพ ๆ Business Model น่าสนใจ เยอะมาก แต่ผมทำใจซื้อไม่ได้เลย EV/FCF มันดูสูงเว่อไป พอจะทำ Forward ก็รู้สึกว่า มันยากอยู่นะในการคาดการณ์อัตราการเติบโต
บางทีทำ DCF ด้วยการตั้งสมมติฐานแบบ Conservative แล้ว ก็ยังรู้สึกว่าแพงไปมากเลย
พวกพี่ ๆ มีวิธีจัดการเรื่องนี้อย่างไร
คำตอบที่ผมได้รับก็คือ “ถ้ามันดีก็ซื้อ ๆ ไปเถอะ พี่เจอ Drawdown บ่อย จนชินแล้ว”
หุ้นบางตัวพี่ก็ซื้อมาตอนที่มันก็ดูแพง แต่ก็ได้เป็น 10 เด้ง
หลัง ๆ ไม่ได้ Valuation ดู Business Model ดี ยังอยู่บนเส้นทางการเติบโต Market Cap ไม่ใหญ่เกิน ก็ซื้อแล้ว
แล้วหลังจากนั้น ผมก็ได้เดินไปถามพี่ ๆ ต่ออีกหลายต่อหลายคน คำตอบที่ได้ ก็เหมือน ๆ กันครับ ถ้าอยากได้มาก ก็แหย่ ๆ ไปหน่อยก่อน มั่นใจมาก ค่อยซัดเพิ่ม
คือผมต้องบอกแบบนี้ก่อนว่า ผมมีหุ้นเทคโนโลยีครับ แต่ตอนที่ผมซื้อ พวกมันราคายังไม่ได้แพงแบบนี้ และตอนที่ซื้อ มันคือช่วงที่คนส่วนใหญ่มองโลกในแง่ร้ายกัน
คือพอผมได้เจอช่วงที่หุ้นแพง และคนบ้าคลั่งกันมาก ผมก็ชอบเปลี่ยนไปค้นหาหุ้น ที่คนไม่สนใจ คุณภาพดี แต่คนไม่สนใจ ซึ่งผมก็ได้เจอ หุ้นในประเทศแปลก ๆ โตดีด้วย ราคาไม่แพง
แต่ผมมีสูตรว่า ผมไม่ค่อยชอบขาย ผมคิดเหมือน Mark Leonard แห่ง Constellation Software อ่ะว่า ผมอยากเป็นเจ้าของบริษัทดี ๆ เหล่านี้ตลอดไป ถ้ามันยังดีอยู่นะ
แต่เนื่องจากว่า ผมเป็นคนโชคดี ที่มีกระแสเงินสดเข้ามาในชีวิตตลอด ทั้งเงินเดือน ดอกเบี้ย เงินปันผล
และผมก็ไม่รู้ว่าจะเอาเงินพวกนี้ไปทำอะไร เดือนนึงผมใช้เงินไม่เยอะ จะหมดเยอะหน่อย ก็คือค่าหนังสือ แต่เดี๋ยวนี้ผมซื้อน้อยลงไปเยอะ เพราะผมกลัวบ้านผมจะไม่มีที่พอเก็บหนังสือ จนอาจจะต้องซื้อบ้านอีกหลัง เพื่อเอาไว้เก็บหนังสือโดยเฉพาะ 555
ถ้ามันไม่มีเหตุการณ์อะไรจำเป็นขึ้นมาในอนาคต ผมก็คงไม่ได้ซื้อทั้งบ้าน ไม่ได้ซื้อทั้งรถ อยู่บ้านหลังเดิม เดินเล่นวิ่งเล่นในหมู่บ้านทุกวัน ให้คนแถวบ้านผมคิดว่าผมจน ชีวิตไม่มีความมั่นคง เป็นคนดูไม่ค่อยจะมีอนาคตต่อไป 555
ทีนี้ ช่วงปัจจุบัน ผมเริ่มบ้าคลั่งหุ้นเทคโนโลยีอนาคตไกล ที่คุณภาพดีพอที่จะเป็นผู้ชนะในระยะยาวได้ ซึ่งผมว่า ผมเจอแล้วล่ะ หลายตัวด้วย
แต่ผมแค่ยังติดอยู่เรื่องเดียว ผมทำใจซื้อที่ระดับ Multiple นี้ไม่ได้
คือผมชอบคิดในแง่นี้ครับว่า ถ้าผมซื้อแพงแบบนี้ สมมติคิดภาพในระยะยาวเลยอ่ะ ผมจะได้ผลตอบแทนจากการถือหุ้นตัวนี้ คิดเป็น CAGR เท่าไร
ถ้ามันไม่สูงกว่าอีกตัวเลือกหนึ่ง คือการลงทุนในหุ้นที่คนไม่ค่อยสนใจ คุณภาพดีเหมือนกัน แค่ไม่ใช่ธุรกิจเปลี่ยนโลก ราคาไม่แพงเลย แต่ถือไป ก็ยังได้ผลตอบแทนทบต้นมหาศาล
คือพอมันมีทางเลือกอีกแบบแบบนี้อ่ะครับ ผมก็อาจจะทำใจซื้อหุ้นดีที่แพงเกินไปไม่ค่อยได้
อาจจะเพราะผมเคยหาของดีราคาถูกได้ ทำให้ผลตอบแทนมันดีล่ะมั้ง ผมก็เลยติดกรอบแบบนี้อยู่ครับ
เอาเป็นว่าแบบนี้ครับ จากที่ผมได้ขอความรู้จากพี่ ๆ เก่ง ๆ มาหลายคน คำตอบคือเหมือนกันครับ
“ถ้าเจอหุ้นเทคโนโลยีดีมาก ๆ แล้ว การเติบโตยังอีกยาวไกล Valuation ไม่ถูก ก็ไม่ต้องทำ ก็ซื้อ ๆ ไปเหอะ อย่าไปคิดมาก พวกพี่เค้า Drawdown บ่อย ก็เจอมาแล้ว แต่ยังผ่านมาได้”
หวังว่าที่เขียนมา คงจะพอเป็นประโยชน์บ้างนะครับ แต่อย่างไรก็ตาม ผมก็ยังไม่ขอทำตามในตอนนี้ครับ 555
ปล ขอยืมพื้นที่ Nvidia ครับ เพราะพี่ที่นั่งข้างผมและให้ความรู้ผมวันนี้ แกได้ Nvidia เป็น 10 เด้งครับ
- 1
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
