Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
กุ้ยหลิน
•
ติดตาม
30 มิ.ย. เวลา 09:27 • ประวัติศาสตร์
ความฝันในหอแดง 04 ดีชั่วสองขั้วผจญ
จื่อซิงถอนหายใจว่า “พูดถึงสองบ้านนี้ ข้าจะเล่าให้ท่านฟัง
เดิมทีหนิงกว๋อกง 宁国公 กับหยงกว๋อกง 荣国公 เป็นพี่น้องมารดาเดียวกัน หนิงกง 宁公 เป็นคนพี่มีบุตรสองคน พอถึงแก่กรรม บุตรคนโตเจี่ยไต้ฮว่า 贾代化 สืบทอดตำแหน่ง ท่านก็มีบุตรสองคน คนโตชื่อเจี่ยฟู่ 贾敷 ตายไปแต่อายุแปดเก้าขวบ เหลือคนรองเจี่ยจิ้ง 贾敬 สืบทอดตำแหน่ง ท่านเลื่อมใสวิถีลัทธิเต๋า เอาแต่เล่นแร่แปรธาตุ ปรุงยาอายุวัฒนะ อย่างอื่นไม่สนใจ ยังดีมีที่มีบุตรไวไว้ผู้หนึ่งชื่อเจี่ยเจิน 贾珍 ตัวผู้บิดาอยากเป็นเซียน จึงยกตำแหน่งให้บุตร แล้วออกจากบ้านไปคลุกคลีกับพวกนักพรตนอกเมือง
ท่านเจินมีบุตรคนหนึ่งชื่อเจี่ยหยง 贾蓉 ปัจจุบันอายุได้สิบหกปี ท่านเจินก็ชอบไหว้เทพเทวา เรื่องมีสาระไม่สนใจ รักแต่เสพสุขไปวันวันไร้แก่นสาร จวนหนิง 宁府 พลิกหงายกลายคว่ำ ก็ไม่มีใครมาแยแส
ทีนี้ก็มาว่าถึงจวนหยง 荣府 ที่เพิ่งบอกไปว่าเกิดเรื่องประหลาดขึ้น
พอหยงกง 荣公 ถึงแก่กรรม บุตรคนโตเจี่ยไต้ส้าน 贾代善 สืบทอดตำแหน่ง แต่งคุณหนูท้าวพระยาเมืองจินหลินเป็นภรรยา มีบุตรสองคน คนโตชื่อเจี่ยเส้อ 贾赦 คนรองชื่อเจี่ยเจิ้ง 贾政 ปัจจุบันท่านไต้ส้านถึงแก่กรรมแล้ว คงอยู่แต่ฮูหยินเฒ่า 太夫人 ผู้ภรรยา เจี่ยเส้อบุตรคนโตสืบทอดตำแหน่งบิดา แต่เป็นคนสามัญไม่โดดเด่น อีกทั้งไม่ใส่ใจดูแลครอบครัว
แต่เจี่ยเจิ้งบุตรคนรองเป็นคนใฝ่รู้รักการเรียนมาแต่เด็ก อีกทั้งเป็นคนสัตย์ซื่อเที่ยงธรรม ทั้งปู่และบิดาเอ็นดูรักใคร่ แรกตั้งใจจะเข้าสอบเป็นบัณฑิตเคอจวี่ 科举 แล้วไต่เต้า แต่ไต้ส้านผู้บิดาก่อนถึงแก่กรรมถวายฎีกาแก่เหนือหัว ฮ่องเต้ทรงรำลึกถึงคุณความดี จึงให้บุตรคนโตสืบทอดตำแหน่งตามธรรมเนียม แล้วรับสั่งถามว่ายังมีบุตรคนอื่นอีกหรือไม่ จึงได้แต่งตั้งเจี่ยเจิ้งเป็นกรณีพิเศษให้ดำรงตำแหน่งจู่สื้อ 主事 บรรจุเข้าทำงานในกระทรวง ปัจจุบันได้เลื่อนยศขึ้นมาเป็นหยวนไว่หลาง 员外郎 (รองเจ้ากระทรวง) แล้ว
นายท่านเจิ้งมีภรรยาสกุลหวาง 王氏 ท้องแรกให้กำเนิดบุตรชายชื่อเจี่ยจู 贾珠 เข้ารับการศึกษาเมื่ออายุสิบสี่ปี ต่อมาแต่งภรรยาและให้กำเนิดบุตร แต่อายุไม่ทันถึงยี่สิบ เจี่ยจูก็ป่วยตาย
ท้องที่สองให้กำเนิดบุตรสาวในวันที่หนึ่งขึ้นปึใหม่ นี่ก็นับว่าแปลกแล้ว เว้นมาสิบปีให้กำเนิดบุตรชายอีกคน คราวนี้ยิ่งแปลกใหญ่ พอตกฟาก ในปากคาบเอาหยกใสห้าสีไว้ชิ้นหนึ่ง บนหยกสลักหนังสือเอาไว้มากมาย จึงตั้งชื่อว่า เป่าวี่ 宝玉 ท่านว่านี่นับเป็นข่าวแปลกหรือไม่”
หวี่ชุนหัวเราะว่า “นับว่าประหลาดจริง เด็กคนนี้มีที่มาไม่ธรรมดาเป็นแน่”
จื่อซิงหัวเราะหยันว่า “ใครๆ ก็ว่าอย่างนั้น ท่านย่าจึงรักดังแก้วตา พอวันครบขวบปี นายท่านเจิ้งทำการทดสอบปณิธาน โดยนำสิ่งของต่างๆ เท่าที่จะสรรหามาได้วางเรียงรายไว้ให้เด็กคว้า อะไรก็ไม่คว้า ไปคว้าเอาตลับแป้งกับปิ่นประดับสตรีมาเล่น นายท่านเจิ้งไม่ชอบใจยิ่ง เอ่ยปากว่า วันหน้าดูท่าจะหมกหมุ่นคาวโลกีย์ จึงไม่ค่อยเอ็นดูนัก มีแต่ท่านย่าไท่จวิน 太君 ที่ยังให้ความรักดังโลหิตจรรโลงชีวิต
ว่าไปก็แปลก เดี๋ยวนี้อายุเจ็ดแปดขวบแล้ว ถึงจะซุกซนกว่าเด็กทั่วไป แต่ก็เฉลียวฉลาดขนาดเด็กร้อยคนสู้ไม่ได้ เด็กนี่ยังพูดจาพิกลว่า
“ผู้หญิงมีเลือดเนื้อทำจากน้ำ ผู้ชายมีเลือดเนื้อทำจากโคลน
ข้าเห็นผู้หญิงแล้วสดชื่น เห็นผู้ชายแล้วเหม็นสาบเหลือทน”
ท่านว่าน่าขันไหม โตขึ้นคงเป็นเสือผู้หญิงแน่”
หวี่ชุนแย้งเสียงแข็งว่า “ผิดแล้ว น่าเสียดาย พวกท่านไม่รู้ที่มาของเด็กคนนี้ ท่านผู้อาวุโสเจิ้งยังมองผิดว่าเป็นเสือผู้หญิงหมกมุ่นคาวโลกีย์ หากไม่ได้อ่านตำรามามาก ศึกษาที่มาของสรรพสิ่งอย่างถี่ถ้วน จนสามารถรู้แจ้งแทงตลอด ก็คงไม่อาจเข้าใจได้”
จื่อซิงได้ฟังกล่าวคำโต จึงขอคำชี้แนะ
หวี่ชุนว่า “ฟ้าดินให้กำเนิดคน เว้นจากพวกทรงธรรมสุดโต่งและพวกอธรรมสุดโต่งสองขั้วแล้ว ที่เหลือล้วนไม่ต่างกันมากนัก หากพวกทรงธรรมเกิดโดยกรรมดี พวกอธรรมก็เกิดโดยกรรมชั่ว
กรรมดีค้ำจุนโลก กรรมชั่วทำลายโลก
เหยา ซุ่น หวี่ ทัง เหวิน หวู่ โจว เส้า ข่ง เมิ่ง ต่ง หาน โจว เฉิง จู จาง (尧、舜、禹、汤、文、武、周、召、孔、孟、董、韩、周、程、朱、张 บูรพกษัตริย์และปรัชญาเมธีผู้มีคุณูปการ) ล้วนสนองกรรมดี
ชืออิ๋ว 蚩尤 ก้งกง 共工 เจี๋ย 桀 โจ้ว 纣 สื่อหวง 始皇 หวางหม่าง 王莽 เฉาเชา 曹操 หวนเวิน 桓温 อันลู่ซาน 安禄山 ฉินหุ้ย 秦桧 เป็นต้น (ทรราชและขุนนางกังฉิน) ล้วนสนองกรรมชั่ว
ผู้ทรงธรรมปกปักรักษาโลก พวกอธรรมวุ่นวายทำลายโลก ความสัตย์ซื่อมีเมตตาเป็นคุณสมบัติของธรรมะ ความโหดเหี้ยมกลิ้งกลอกเป็นคุณสมบัติของอธรรม
ทุกวันนี้ ชะตาเมืองมั่งคั่ง ราชบัลลังก์มั่นคง แผ่นดินสงบสันติไม่ฝืนธรรม เป็นคุณของความสัตย์ซื่อมีเมตตาค้ำจุนอยู่ นับแต่ราชสำนักเบื้องบนจนถึงรากหญ้าเบื้องล่าง คุณธรรมมากล้นดังน้ำค้างฉ่ำพรมสายลมแช่มชื่นแผ่ปกคลุมทั่วสี่สมุทร ความโหดเหี้ยมกลิ้งกลอกถูกเบียดจนหลุดจากโลกอันสว่างไสวไปกักเอาไว้ในร่องสมุทรสุดลึก รอกระแสคลื่นลมพัดผ่านช่วยกระพือขึ้นมา แต่หากแม้กระแสคุณธรรมผ่านมาพบ ก็คงงัดข้อกันดังเกิดพายุฝนฟ้าคะนองไม่ยอมกัน
กระแสดังว่านี้อาจซึมซ่านเข้าสู่คนผู้ผ่านมา ไม่ว่าหญิงหรือชาย ผู้คนเหล่านี้จึงไม่อาจขึ้นสูงสุดเป็นประมุขผู้ทรงธรรม แต่ย่อมไม่ตกต่ำเป็นผู้โฉดชั่วเลวร้ายถึงที่สุด อาจชาญฉลาดกว่าผู้คนนับพันหมื่น แต่ก็อาจกลิ้งกลอกกว่าผู้คนนับพันหมื่นเช่นกัน กล่าวคือ มีดีชั่วคัดง้างกันอยู่ในตัว
หากเกิดในตระกูลสูงศักดิ์มั่งคั่ง ก็อาจเป็นคนลุ่มหลงมัวเมา หากเกิดในตระกูลบัณฑิตยากไร้ ก็อาจเป็นปรมาจารย์ผู้เร้นกาย ถึงแม้เกิดในตระกูลยากไร้ ก็ไม่ตกอับเป็นเพียงคนใช้ให้เขากดขี่ แต่อาจเป็นถึงนางคณิกาเลื่องชื่อ เฉกเช่น สวี่อิ๋ว 许由 หยวนจี๋ 阮籍 หลิวหลิง 刘伶 หวางเซี่ยสองตระกูล 王谢二族 กู้หู่โถว 顾虎头 เฉินโห้วจู่ 陈后主 ถังหมิงหวง 唐明皇 ซ่งฮุยจง 宋徽宗 หลิวถิงจือ 刘庭芝 เวินเฟยชิง 温飞卿 หมี่หนานกง 米南宫 สือม่านชิง 石曼卿 หลิ่วฉีชิง 柳耆卿 ฉินเส้าอิ๋ว 秦少游
ยุคหลังหน่อยมี ถังป๋อหู่ 唐伯虎 จู้จือซาน 祝枝山 หรืออย่าง หลี่กุยเหนียน 李龟年 หวงฟานชว่อ 黄幡绰 จิ้งซินหมอ 敬新磨 จว๋อเหวินจวิน 卓文君 หงฝู 红拂 (เหล่ากวีมีชื่อยุคก่อน) เซวียเทา 薛涛 ชุยอิง 崔莺 เฉาหยุน 朝云 (นางคณิกาเลื่องชื่อยุคก่อน) เป็นต้น”
จื่อซิงว่า “ท่านหมายถึง ชนะเป็นเจ้าแพ้เป็นโจร กระนั้นหรือ”
หวี่ชุนว่า “ถูกต้องเช่นนั้น ท่านคงยังไม่รู้ นับแต่ข้าออกจากราชการ ท่องเที่ยวไปตามหัวเมืองตลอดสองปีที่ผ่านมา ได้พบเด็กประหลาดสองคน พอท่านพูดถึงเด็กเป่าวี่เมื่อครู่ ข้าก็คาดเดาได้แปดเก้าส่วนแล้วว่าเป็นเด็กประเภทเดียวกัน ไม่ต้องดูตัวอย่างไกล เพียงในเขตเมืองจินหลินนี้ ท่านคงรู้จักบ้านสกุลเจิน 甄家 ท่านผู้แทนพระองค์ 钦差 เจ้าสำนักถักทอแห่งเมืองจินหลิน ”
จื่อซิงว่า “ใครบ้างไม่รู้จัก จวนเจิน 甄府 นี้เป็นญาติกับจวนเจี่ย 贾府 ทั้งสองจวนไปมาหาสู่ใกล้ชิดสนิทสนม ข้าเองก็เข้าออกบ้านนี้แทบจะทุกวัน”
หวี่ชุนหัวเราะแล้วว่า “ปีที่แล้ว ตอนข้าอยู่จินหลิน มีคนแนะนำให้ไปสอนหนังสือในจวนเจิน ข้าสังเกตเห็นว่า บ้านนี้ไม่เพียงสูงศักดิ์มั่งคั่งยังเคร่งครัดประเพณี งานสอนหนังสือที่นี่ไม่ใช่งานง่าย ถึงจะสอนเด็กเพียงคนเดียวในระดับมูลฐาน แต่เหนื่อยแรงเหมือนสอนบัณฑิตสอบไล่
พูดไปก็น่าขัน เด็กคนดังกล่าวพูดว่า
“ต้องให้เด็กหญิงมาเรียนเป็นเพื่อนด้วยสองคน ถึงจะเรียนรู้เรื่อง มิเช่นนั้นจะว่อกแว่กเลอะเลือน”
ทั้งยังพูดกับพวกเด็กชายด้วยกันว่า
“อันว่า “เด็กหญิง 女儿” สองคำนี้ สูงส่งและบริสุทธิ์นัก เลอค่ายิ่งกว่าจตุบททวิบาทอันหายาก บุปผาพรรณอันแปลกพิสดาร ปากคอโสมมอย่างพวกเจ้า(เด็กชาย) ไม่ควรสำรอกสองคำสำคัญนี้ หากจะพูดถึงเมื่อไรต้องไปกลั้วปากด้วยน้ำสะอาดหรือชาหอมเสียก่อน มิเช่นนั้น จะต้องเลาะฟันลากลิ้นลงโทษ”
วาจาก้าวร้าวหยาบคาย แปลกยิ่งนัก แต่พอเลิกเรียน ไปคลุกคลีกับพวกเด็กหญิง กลับทั้งสุภาพอ่อนโยน ฉลาดหลักแหลม เปลี่ยนเป็นคนละคน นายท่านผู้บิดาเคยลงหวายลงโทษไม่รู้กี่ครั้งก็ไม่ยอมเปลี่ยน พอถูกเฆี่ยนเจ็บจนทนไม่ไหว ก็จะตะโกนเรียก “พี่สาว 姐姐 น้องสาว 妹妹” เอะอะไปหมด
เคยได้ยินพวกเด็กหญิงพูดล้อเลียนว่า “ทำไมตอนถูกตี ถึงเอาแต่เรียกพี่สาวน้องสาว จะให้ไปช่วยพูดขอโทษหรือ หน้าไม่อาย”
เด็กนั่นกลับตอบแปลกว่า “ตอนเจ็บคิดว่า ถ้าตะโกนคำว่าพี่สาวน้องสาว อาจช่วยให้หายเจ็บ จึงลองตะโกนดู แล้วก็หายเจ็บจริง เลยได้เคล็ดลับว่า เวลาเจ็บมากๆ ให้ตะโกนว่าพี่สาวน้องสาว” ท่านว่าตลกไหม
ท่านย่าก็หลงหลานจนเลอะเลือน มักลบหลู่ครูบาอาจารย์เข้าข้างหลาน ข้าจึงลาออก แล้วมาสอนหนังสือที่บ้านท่านผู้ตรวจการหลิน ลูกหลานประเภทนี้ ยากที่จะรักษารากฐานของบรรพบุรุษ ครูก็สอนยาก น่าเสียดายที่ว่าพวกเด็กผู้หญิงบ้านนี้กลับเป็นคนดีหาได้ยากอยู่”
จื่อซิงว่า “ที่จวนเจี่ย 贾府 ก็เช่นกัน ยังอยู่ที่บ้านสามคน ไม่เลวทีเดียว
บุตรสาวคนโตของนายท่านเจิ้ง 政老爷 ชื่อว่า หยวนชุน 元春 ฉลาดและมีคุณธรรม ได้รับคัดเลือกเข้าวังไปเป็นนางข้าหลวงแล้ว
ยังอยู่แต่คุณหนูรองเป็นบุตรีเกิดแต่ภรรยาน้อยของนายท่านเส้อ 赦老爷 ชื่อว่า หยิงชุน 迎春
คุณหนูสามเป็นบุตรีเกิดแต่ภรรยาน้อยของนายท่านเจิ้ง ชื่อว่า ทั่นชุน 探春
คุณหนูสี่เป็นน้องสาวท่านเจิน 珍爷 แห่งจวนหนิง 宁府 ชื่อว่า ซีชุน 惜春
คุณหญิงเฒ่าสื่อ 史老夫人 (แม่เฒ่าเจี่ย 贾母) รักหลานสาวทั้งสามมากจึงให้พวกหลานมาอยู่ด้วยที่เรือน ให้เรียนหนังสือด้วยกัน ฟังว่าเก่งกันทุกคน”
หวี่ชุนว่า “ที่แปลกคือธรรมเนียมบ้านเจิน ชื่อเด็กหญิงจะไล่เรียงเป็นชุดรวมไปกับเด็กชาย ต่างกับบ้านอื่นที่มักใช้คำอ่อนหวานสวยงาม เช่น ชุน 春 หง 红 เซียง 香 วี่ 玉 ทำไมจวนเจี่ยจึงทิ้งธรรมเนียมนี้เสียเล่า”
(จวนเจี่ยเป็นญาติจวนเจิน ใช้ธรรมเนียมเดียวกัน แต่คราวนี้กลับตั้งชื่อสี่สาว ลงท้ายชื่อว่า ชุน 春)
จื่อซิงแก้ต่างว่า “ไม่ใช่เช่นนั้น แต่เป็นด้วยครั้งนี้พิเศษที่ คุณหนูใหญ่เกิดในวันขึ้นปีใหม่ จึงได้ชื่อว่า หยวนชุน 元春 (ขึ้นปีใหม่ หรือ ขึ้นต้นวสันต์) คนถัดๆ มา จึงใช้ตามว่า ชุน 春 แต่ในลำดับก่อนหน้านั้นก็เรียงตามพี่น้องฝ่ายชาย มีหลักฐานชัดอยู่ ก็ดูฮูหยินบ้านหลินที่ท่านไปสอนหนังสืออยู่ เป็นน้องสาวของท่านเส้อ 赦 ท่านเจิ้ง 政 แห่งจวนหยง ก่อนแต่งงานมาก็ชื่อว่า เจี่ยหมิ่น 贾敏 ไม่เชื่อก็ตรวจสอบดูสิ”
(เส้อ 赦 เจิ้ง 政 หมิ่น 敏 ด้านหลังใช้อักษร 文 เป็นชุดเดียวกัน)
หวี่ชุนปรบมือหัวเราะว่า “จริงด้วย ลูกศิษย์หญิงของข้าคนนี้ชื่อว่าไต้วี่ 黛玉 พออ่านหนังสือไปเจออักษรหมิ่น 敏 ทีไร ก็จะออกเสียงว่า มี่ 密 เวลาจะเขียนอักษรหมิ่น 敏 ก็มักเขียนหายไปขีดสองขีดเสมอ ข้าเองก็แปลกใจ วันนี้รู้จากท่านจึงหายสงสัย”
(เป็นธรรมเนียมจีนโบราณ มีข้อห้ามอ่านหรือเขียนชื่อบิดามารดาโดยตรง ต้องเปลี่ยนเสียงอ่าน และใช้อักษรอื่นเขียนแทน เพื่อแสดงความเคารพ)
หวี่ชุนกล่าวต่อ “มิน่าเล่าลูกศิษย์หญิงของข้าคนนี้จึงมีกิริยาท่าทางต่างจากเด็กทั่วไป ที่แท้มารดาไม่ธรรมดาจึงมีบุตรีไม่ธรรมดา วันนี้เพิ่งรู้ว่าเป็นหลานสาวจวนหยง น่าเสียดายที่มารดาเพิ่งเสียไปเมื่อเดือนก่อน”
จื่อซิงถอนหายใจว่า “พี่น้องสามสาว เธอเป็นคนสุดท้อง และไม่มีอีก พี่น้องหญิงรุ่นก่อนหน้าก็ไม่อยู่กันแล้ว เหลืออยู่ตัวคนเดียว ไม่รู้ต่อไปจะได้เขยเช่นไร”
หวี่ชุนว่า “นั่นสิ เมื่อครู่พูดถึงนายท่านเจิ้งมีบุตรชายคาบหยกมาเกิด บุตรคนโตที่เสียไปแล้วยังมีบุตรน้อยไว้สืบสกุลอยู่คนหนึ่ง แต่ทางนายท่านเส้อนี่ยังไม่มีใคร”
จื่อซิงว่า “นายท่านเจิ้งหลังจากได้ลูกวี่แล้ว ต่อมาอนุภรรยาของท่านยังให้กำเนิดบุตรชายอีกคนแต่ยังไม่รู้ว่าเป็นอย่างไร เท่ากับว่าตอนนี้ท่านมีลูกชายสองหลานชายหนึ่ง
(ลูกชายสองคือ เจี่ยเป่าวี่ 贾宝玉 และ เจี่ยหวน 贾环 หลานชายคือ เจี่ยหลาน 贾兰)
ทางนายท่านเส้อ มีบุตรชายคนหนึ่งชื่อว่า เจี่ยเหลียน 贾琏 อายุยี่สิบกว่าปี แต่งงานกับหลานสาวของฮูหยินท่านเจิ้งได้สี่ห้าปีแล้ว นับเป็นญาติเชื่อมญาติ แต่ท่านเป็นคนไม่รักการเรียน รับราชการก็ได้เป็นเพียงถงจือ 同知 รองเจ้าเมือง อาชีพราชการดูแล้วคงไม่ก้าวหน้าไปไหน ตอนนี้จึงอยู่ช่วยดูแลบ้านให้ท่านอาเจิ้ง ทว่าหลังจากแต่งงาน ฮูหยินของท่านกลายเป็นที่ยกย่องนับถือของทุกคนในบ้านทั้งนายไพร่ ท่านเหลียนกลับเป็นฝ่ายต้องถอยไปอยู่หลังฉาก ฮูหยินเป็นคนละเอียดรอบคอบ พูดจาโผงผาง ชายหลายคนยังสู้ไม่ได้”
(ภรรยาของเจี่ยเหลียน 贾琏 คือ หวางซีเฟิ่ง 王熙凤 เป็นหลานสาวหวางฮูหยิน 王夫人)
หวี่ชุนหัวเราะแล้วว่า “ข้าพูดไว้ไม่ผิด คนที่พวกเราพูดกันถึงอยู่นี้ล้วนมีดีชั่วสองขั้วปะทะกันอยู่ในตัวทั้งสิ้น”
จื่อซิงว่า “ดีหรือชั่ว ล้วนเป็นเรื่องของคนอื่น มาดื่มเหล้ากันดีกว่า”
หวี่ชุนว่า “คุยไปดื่มไป”
จื่อซิงหัวเราะแล้วว่า “นินทาชาวบ้านแกล้มเหล้า ดื่มมากหน่อยจะเป็นไร”
หวี่ชุนมองออกไปนอกหน้าต่าง “ฟ้าใกล้ค่ำแล้ว ประตูเมืองใกล้ปิด พวกเราค่อยค่อยเดินกลับเมืองแล้วไว้คุยกันใหม่”
ทั้งสองลุกขึ้น จ่ายเงินค่าเหล้า แล้วเตรียมออกเดิน พลันมีเสียงเรียกมาจากด้านหลัง
“พี่หวี่ชุน ยินดีด้วย ข้าตั้งใจรีบมาแจ้งข่าวดี”
(จบบทที่สอง)
ตอนก่อนหน้า : ศิษย์น้อยสกุลหลิน
https://www.blockdit.com/posts/685bc5fbc0be56ae635e5953
ตอนถัดไป : ไต้วี่เข้าจวนหยง
2 บันทึก
2
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ความฝันในหอแดง
2
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย