30 มิ.ย. เวลา 10:28 • หุ้น & เศรษฐกิจ

สรุปภาวะตลาดประจำสัปดาห์ที่ 23 - 27 มิ.ย. 2568

ภาพรวม
  • สถานการณ์ตะวันออกกลาง และการเจรจาทางการค้าคลี่คลาย
  • สินทรัพย์เสี่ยงปรับตัวเพิ่มขึ้น สวนทางกับสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น ราคาทองคำ
  • ราคาน้ำมันปรับลดลง จากความกังวลด้านอุปทานที่ลดลง
  • สหรัฐฯ-จีน ลงนามข้อตกลงทางการค้าอย่างเป็นทางการแล้ว
  • Fed ย้ำไม่รีบลดดอกเบี้ย รอประเมินผลจากนโยบายภาษีนำเข้า (Tariff) ก่อนตัดสินใจ
  • กนง. มีมติ 6:1 คงอัตราดอกเบี้ยที่ 1.75%
สถานการณ์ตลาด
  • สัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยได้แรงหนุนจากปัจจัยบวกหลายด้าน ได้แก่
๐ สถานการณ์ตะวันออกกลางผ่อนคลาย หลังประธานาธิบดีทรัมป์ ประกาศข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน
๐ ความคืบหน้าทางการค้า ซึ่งสหรัฐฯ และจีนได้ลงนามข้อตกลงทางการค้าอย่างเป็นทางการ
๐ ความคาดหวังว่า Fed อาจปรับลดดอกเบี้ยในอนาคต หลังข้อมูลทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ บางส่วนชะลอตัวลง
  • ปัจจัยเหล่านี้ช่วยหนุนความเชื่อมั่นในสินทรัพย์เสี่ยง ส่งผลให้ตลาดหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่ราคาทองคำปรับตัวลดลงจากแรงขายในสินทรัพย์ปลอดภัย
  • ราคาน้ำมันปรับตัวลดลง หลังความกังวลด้านอุปทานคลี่คลาย จากการที่ไม่ได้มีการปิดช่องแคบฮอร์มุซ ซึ่งเป็นเส้นทางขนส่งน้ำมันที่สำคัญของโลก และสหรัฐฯ อนุญาตให้จีนซื้อน้ำมันจากอิหร่านต่อไปได้ รวมทั้ง OPEC+ มีแผนเพิ่มกำลังการผลิตอีก 411,000 บาร์เรลต่อวันในเดือน ส.ค.
  • ประเด็นการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และประเทศคู่ค้า
๐ จีน: สหรัฐฯ มีการลงนามข้อตกลงทางการค้าอย่างเป็นทางการกับจีนแล้ว ซึ่งจีนจะกลับมาส่งออกแร่หายากให้สหรัฐฯ ขณะที่สหรัฐฯ เตรียมยกเลิกมาตรการควบคุมการส่งออกบางรายการ เช่น ซอฟต์แวร์ออกแบบชิป โดยความคืบหน้าดังกล่าวช่วยลดความตึงเครียดด้านการค้า และเป็นปัจจัยเชิงบวกที่ช่วยเสริมบรรยากาศการลงทุน
๐ แคนาดา: สหรัฐฯ ยุติการเจรจาการค้ากับแคนาดา เมื่อวันศุกร์ (27 มิ.ย.) หลังแคนาดาจะเก็บภาษีบริการดิจิทัล (Digital Services Tax) กับบริษัทเทคโนโลยีของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นปัจจัยกดดันที่ทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ลดช่วงบวกลง
๐ ประเทศคู่ค้าอื่นๆ: รมต. พาณิชย์ของสหรัฐฯ เปิดเผยว่า มีแผนบรรลุข้อตกลงทางการค้ากับประเทศคู่ค้ารายใหญ่จำนวน 10 ประเทศ ภายในวันที่ 9 ก.ค.นี้ แต่ในช่วงปลายสัปดาห์ ได้มีการส่งสัญญาณว่าอาจขยายระยะเวลาเจรจาออกไปหากจำเป็น โดยขึ้นอยู่กับการตัดสินใจขั้นสุดท้ายของ ประธานาธิบดีทรัมป์
  • แนวโน้มการลดดอกเบี้ยของ Fed
๐ เจอโรม พาวเวล ประธาน Fed แถลงต่อสภาคองเกรส ย้ำว่าเศรษฐกิจและตลาดแรงงานสหรัฐฯ ยังแข็งแกร่ง จึงยังไม่จำเป็นต้องรีบลดดอกเบี้ย พร้อมระบุว่า Fed จะรอความชัดเจนเรื่องนโยบายภาษีนำเข้าก่อนประเมินผลกระทบต่อเงินเฟ้อ และตัดสินใจด้านนโยบายการเงิน โดยหากเงินเฟ้อลดลงเร็วกว่าคาด หรือตลาดแรงงานอ่อนแอลง Fed ก็พร้อมปรับลดดอกเบี้ยได้เร็วขึ้น ซึ่งตลาดคาดว่า Fed จะเริ่มปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ก.ย.
๐ นอกจากนี้ ตลาดจับตาในประเด็นความเป็นอิสระของ Fed หลัง Wall Street Journal รายงานว่า ทรัมป์วางแผนเสนอชื่อประธาน Fed คนใหม่ภายใน ก.ย.–ต.ค. แทนพาวเวลซึ่งจะหมดวาระใน เดือน พ.ค. ปีหน้า
  • ไทย
๐ ครม. อนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.15 แสนล้านบาท เน้นลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำ-คมนาคม ประมาณ 73% และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยว เช่น โครงการ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” เริ่ม ก.ค. พร้อมมาตรการรองรับภาคส่งออก เกษตร แรงงาน และพัฒนาชุมชน คาดช่วยหนุน GDP เพิ่ม 0.4% และจ้างงานเพิ่ม 7.4 ล้านคน
๐ กนง. มีมติ 6:1 คงดอกเบี้ยที่ 1.75% ตามคาด มองเศรษฐกิจครึ่งปีแรกดีเกินคาด แต่แนวโน้มชะลอตัว คาด GDP ปีนี้โต 2.3% ปีหน้าเหลือ 1.7% ขณะที่เงินเฟ้อต่ำต่อเนื่อง และกนง. ส่งสัญญาณเปิดทางลดดอกเบี้ยอีก 1–2 ครั้งในปีนี้
นโยบายการลงทุนและคำเตือน
  • เอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือได้ ณ วันที่แสดงข้อมูล แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้องความน่าเชื่อถือ และ ความสมบูรณ์ของข้อมูลทั้งหมด โดยบริษัทฯขอสงวนสิทธิ์เปลี่ยนแปลงข้อมูลทั้งหมดโดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
  • ควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวมมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
  • ผู้ลงทุนสามารถขอข้อมูลหนังสือชี้ชวนได้ที่สำนักงานของบริษัทจัดการ หรือจาก www.krungsriasset.com หรือตัวแทนสนับสนุนการขาย หรือเจ้าหน้าที่ขายหน่วยลงทุน
ติดตามกองทุนกรุงศรี อัปเดตข่าวสาร และกิจกรรมต่างๆ ได้ที่
#KrungsriAsset #กองทุนกรุงศรี #Weeklymarketview #สรุปภาวะตลาดรายสัปดาห์
โฆษณา