7 ก.ค. เวลา 02:00 • เพลง & ซีรีส์ เกาหลี

เลือกเพลงยังไงให้ใช่? มู๊ดดี เสียงโดน คนดูไม่กดข้าม

การเลือกเพลงให้โดนใจ สำคัญมากเวลาทำวิดีโอ หนัง หรือพอดแคสต์ ช่วยเติมอารมณ์ เติมสีสันให้ภาพ เสียงบรรยาย หรือบทสนทนาในงานของคุณ เราจะพาไปดูตั้งแต่การเลือกเพลงให้ตรงอารมณ์ ซิงก์กับภาพ การหาคลังเพลงคุณภาพ ไปจนถึงการทำงานกับนักแต่งเพลงมือโปร บอกเลยว่าครบ จบแบบมืออาชีพแน่นอน
1.รู้จักผู้ชมของคุณให้ดี
ขั้นตอนแรกของการเลือกเพลงให้เป๊ะสำหรับวิดีโอ ก็คือต้องรู้จักคนดูซะก่อน พวกเขาเป็นใคร? ชอบอะไร? คาดหวังแบบไหน? แล้วเพลงแบบไหนที่จะโดนใจและตรงกับรสนิยมของพวกเขา?
เพลงที่คุณเลือกควรสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายได้ และสอดคล้องกับเป้าหมายของวิดีโอด้วย เช่น ถ้าทำวิดีโอให้กลุ่มวัยรุ่นสายเทรนดี้ ก็ควรใช้เพลงสนุก ๆ ทันสมัยหน่อย แต่ถ้าทำวิดีโอให้กลุ่มมืออาชีพสายจริงจัง เพลงแนวคลาสสิกนุ่ม ๆ ก็อาจจะเหมาะกว่า
ต้องเริ่มตั้งต้นจาก “คนดูอยากฟังอะไร” ก็มีชัยไปกว่าครึ่งแล้ว
2.เลือกเพลงให้ “ตรงฟีล”
ขั้นตอนต่อไปของการหาเพลงให้เป๊ะ คือดูว่า วิดีโอของเรามีอารมณ์แบบไหน อยากให้คนดูรู้สึกยังไง? สนุก ซึ้ง เศร้า หรือขำกลิ้ง? เพราะเพลงที่ดีควรช่วยเสริมอารมณ์ และขับบรรยากาศของคลิปให้ชัดยิ่งขึ้น
เช่น ถ้าคลิปออกแนวขำ ๆ เบาสมอง เพลงก็อาจเป็นแนวสดใส สนุกสนาน หรือถ้าคลิปเศร้า ดราม่า เพลงแนวหม่น ๆ เศร้า ๆ จะช่วยให้คนดูอินมากขึ้น
จำไว้ว่าเพลงไม่ใช่แค่แบ็กกราวด์ แต่เป็นตัวช่วยสร้าง “ฟีลลิ่ง” ที่ทำให้เนื้อหาในวิดีโอนั้นทรงพลังยิ่งขึ้น
3.เลือกแนวให้ถูกจริตคอนเทนต์
ขั้นตอนที่สามในการหาเพลงให้ใช่ คือดูว่า “วิดีโอของเรามาแนวไหน” เป็นสายให้ความรู้? เน้นอารมณ์? หรือจัดเต็มแบบภาพยนตร์?
เพราะแต่ละแนววิดีโอก็มีสไตล์เพลงที่ “ไปด้วยกันได้” ถ้าเป็นวิดีโอสายให้ความรู้หรือสอนอะไรบางอย่าง เพลงบรรเลงเบา ๆ ก็ช่วยให้เนื้อหายังเป็นพระเอกของเรื่อง แต่ถ้าเป็นงานภาพสวยจัดเต็มแบบหนังสั้นหรือสารคดี เพลงแนวออร์เคสตราหรือซาวด์แทร็กที่ช่วยเสริมบรรยากาศ ก็จะช่วยพาอารมณ์คนดูให้อินยิ่งขึ้นแบบไม่รู้ตัว
เข้าใจแนววิดีโอก่อน แล้วค่อยเลือกเพลงให้เข้ากัน เท่านี้ก็ช่วยให้งานคุณดูโปรขึ้นอีกหลายระดับ
4.อย่าให้เสียงเพลงกลบเสียงคน
อีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่มักถูกมองข้าม คือ “ระดับเสียง” ของเพลงประกอบ เพลงควรอยู่ในระดับที่พอดี ไม่ดังจนกลบเสียงพูดหรือเอฟเฟกต์ แต่ก็ไม่เบาจนหายไปจากความรู้สึก
ลองนึกภาพตาม ถ้าวิดีโอมีบทพูดหรือเสียงประกอบเยอะ ควรใช้เพลงเบา ๆ ที่ไม่ดึงความสนใจไปจากสิ่งที่พูด แต่ถ้าเป็นวิดีโอแอ็กชัน มีกลิ่นอายความตื่นเต้น เพลงก็อาจจะดังขึ้นมาอีกนิดเพื่อเติมพลังให้ภาพและจังหวะของเรื่อง
สรุปคือ เพลงดีไม่ใช่แค่เพราะเนื้อหาโดน แต่ต้องรู้จัก “เว้นจังหวะให้เสียงอื่นได้พูดบ้าง” ด้วย
5.ปรับสปีดให้ตรงจังหวะวิดีโอ
เรื่องของ “จังหวะ” หรือ tempo ของเพลงก็สำคัญไม่น้อย เพลงควรเร็วหรือช้าแค่ไหน? จะเดินจังหวะไปกับวิดีโอ หรือสร้างความตัดกันแบบมีลูกเล่นดี?
ถ้าวิดีโอคุณมีจังหวะเนิบ ๆ ลื่นไหล เพลงก็อาจใช้แบบสปีดกลาง ๆ ที่ฟังต่อเนื่องสบาย ๆ แต่ถ้าเนื้อหามีลูกเล่นเยอะ ตัดต่อเร็ว มีขึ้นมีลง เพลงที่มีการเปลี่ยนจังหวะเร็วบ้าง ช้าบ้าง ก็จะช่วยให้วิดีโอดูน่าสนใจมากขึ้น
การเปลี่ยนจังหวะเพลงให้สอดคล้องกับโครงสร้างของวิดีโอ เป็นอีกวิธีที่ช่วยไม่ให้คนดูรู้สึกจำเจ และช่วยพยุงอารมณ์ไปได้ตลอดทั้งคลิป
6.อยากใช้เพลงแบบไม่ต้องกลัวเรื่องลิขสิทธิ์? ลองใช้ Shutterstock Music ดีกว่า
การเลือกเพลงที่ใช่ ไม่ใช่แค่เรื่องอารมณ์หรือจังหวะ แต่ “ลิขสิทธิ์” ก็สำคัญไม่แพ้กัน เพลงบางเพลงอาจฟังแล้วใช่เลย แต่ถ้าเอามาใช้แบบไม่ได้ขออนุญาต ก็เสี่ยงโดนฟ้องหรือคลิปโดนปิดได้ง่าย ๆ
ทางออกก็คือการใช้ เพลง Royalty-Free หรือเพลงที่มีสิทธิ์ใช้งานเชิงพาณิชย์โดยไม่ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์เพิ่ม ซึ่งคุณสามารถหาเพลงเหล่านี้ได้ง่าย ๆ ที่ Shutterstock Music แพลตฟอร์มที่รวมเพลงคุณภาพไว้ครบทุกแนว ไม่ว่าจะเป็นป็อป แจ๊ส ออร์เคสตรา หรือบีตสายฮิป เราคัดมาให้พร้อมใช้งานแบบถูกต้องตามกฎหมาย
อยากใช้เพลงดี ๆ แบบไม่ต้องกังวลเรื่องลิขสิทธิ์ พร้อมได้คำแนะนำและบริการครบวงจร ติดต่อเราได้ที่ Number 24 x Shutterstock
LINE Official Account : https://line.me/R/ti/p/@klj9484n
#Number24xShutterstock #ShutterstockThailand #Licensing #ลิขสิทธิ์ #เพลง #Music
โฆษณา