1 ก.ค. เวลา 00:43 • นิยาย เรื่องสั้น

รักย้อนอดีตภาค 5 ภัยร้ายจากดาวหางฮัลเลย์

.
บทที่ 49 ห้องขุมทรัพย์โซโลมอน
.
ความน่ากลัวแปลกประหลาดของสถานที่แห่งความตาย ยังไม่เท่ากับท่าทางของกาก้าที่เปลี่ยนไป บางครั้งมันคล่องแคล่วขึ้นอย่างน่าพิศวงเมื่อมันตั้งใจที่จะทํา
มันตะกายขึ้นไปบนโต๊ะใหญ่และตรงเข้าไปยังร่างของทวาลาเพื่อดูว่าถูกรักษาไว้อย่างไร
.
จากนั้นมันกะโผลกกะเผลกกลับมาหยุดอยู่และกล่าวถ้อยคําอีกครั้งหนึ่งด้วยสุ้มเสียงที่ฟังไม่ออกคล้ายกับคํากล่าวอําลาคนตายดังๆ
หลังจากเสร็จพิธีกรรมนี้แล้ว มันนั่งขัดสมาธิลงบนพื้นโต๊ะตรงหน้า ภายใต้ร่างของยมฑูต แล้วเริ่มต้นสวดภาวนาให้แก่ยมฑูต
.
สัตว์ชราชั่วร้ายนี้กําลังอ้อนวอนปีศาจร้ายอย่างไม่ต้องสงสัย ภาพของมันทําให้เกิดอาการขนลุกจนลุงต้องเร่ง “ตอนนี้เลย กาก้า” ลุงพูดด้วยเสียงเบา ๆ “พาพวกเราไปที่ห้องขุมทรัพย์”
.
“เจ้านายไม่กลัวหรือ” มันพูดชําเลืองขึ้นมองหน้าลุง พันจึงสำทับ “นําไปได้แล้ว”
.
“เจ้าเป็นหญิงที่ไร้ซึ่งเสน่หา” แล้วมันกะโผลกกะเผลกอ้อมไปข้างหลังยมฑูต “ห้องขุมทรัพย์อยู่ที่นี่ เจ้านายจุดตะเกียงแล้วเข้าไปได้เลย”
แล้วมันวางผลน้ำเต้าแห้งบรรจุน้ำมันจนเต็มวางลงบนพื้น พิงร่างของมันกับผนังถ้ำ
ลุงล้วงเอาไม้ขีดไฟซึ่งเหลืออยู่เพียงไม่กี่ก้านในกลักไม้ขีดออกมา จุดไส้ตะเกียงขึ้นแล้วมองหาช่องประตูแต่ไม่มีอะไรเลยเบื้องหน้านอกจากผนังหิน
กาก้าแสยะยิ้ม “ทางเข้าอยู่ตรงนั้น เจ้านาย ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
.
“อย่ามาล้อเล่นกับเรา” พันพูดอย่างเกรี้ยวกราด
.
“ข้าไม่ได้ล้อเล่นกับเจ้า จงดู” แล้วมันชี้มือไปที่ผนังหินขณะที่ชูตะเกียงขึ้น พวกเขาจึงแลเห็นว่าก้อนหินเลื่อนขึ้นอย่างช้า ๆ จากพื้นแล้วหายเข้าไปในหินเบื้องบนที่มีช่องทําเตรียมไว้ให้
.
ก้อนหินมีความกว้างพอดีกับประตูที่สูงประมาณ10ฟุต หนาไม่น้อยกว่า5ฟุต มันต้องหนักอย่างน้อย20หรือ30ตัน
เคลื่อนที่ขึ้นไปโดยหลักของการถ่วงน้ําหนักอย่างง่าย ๆ โดยใช้วิธีอย่างใดอย่างหนึ่งที่พวกเขาไม่เห็นเพราะกาก้าปกปิดมันไว้อย่างระมัดระวัง
.
ลุงพยายามมองหาคันโยกที่ทําให้ก้อนหินเคลื่อนที่อย่างง่ายดาย อาจโดยการกดที่ปุ่มลับเหมือนทางลับสู่ค่ายทหารที่ซ่อนอยู่ในหมู่หินรูปกลุ่มดาว แต่ก็ไม่พบอะไรทั้งสิ้น
.
ช่องมืดเผยตัวออกมาตรงที่ประตูหินเคยสวมอยู่ มองเห็นเพียงทางเข้าสู่ห้องขุมทรัพย์โซโลมอนในที่สุด และ
มันจะเป็นข้อพิสูจน์ว่าขุมทรัพย์เป็นเรื่องเหลวไหล หรือ ท่านผู้เฒ่า ดา ซิลเวสตราถูกต้อง เราจะรู้ในนาทีสองนาทีนี้แล้ว
.
“เข้าไปเลย ผู้วิเศษ” กาก้าพูดพร้อมกับก้าวเข้าไปในช่องประตู “แต่ก่อนอื่นจงฟังถ้อยคําจากคนใช้ของท่าน กาก้าผู้ชรา
หินใสสวยที่ท่านจะได้เห็นถูกขุดออกมาจากหลุมที่ซึ่งผู้นิ่งเงียบตั้งอยู่ และนํามาเก็บที่นี่ ข้าไม่รู้ว่าโดยผู้ใด
 
.
แต่ครั้งหนึ่งมีผู้เข้ามายังสถานที่แห่งนี้ นับแต่เวลาที่ผู้ซึ่งนําหินมาเก็บไว้และจากไปอย่างรีบร้อนทิ้งพวกมันเอาไว้
ข่าวลือเรื่องขุมทรัพย์แพร่ไปทั่วระหว่างชนที่อาศัยอยู่ในดินแดนนี้ปีแล้วปีเล่า แต่ว่าไม่มีใครรู้ว่าห้องขุมทรัพย์อยู่ที่ไหน หรือรู้ความลับของประตู
.
เมื่อคนขาวมาถึงดินแดนแห่งนี้โดยข้ามภูเขามา บางทีเขาอาจมาจากสวรรค์ด้วยเหมือนกัน เขาได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจากราชันในตอนนั้น ผู้ซึ่งนั่งอยู่ที่โน้นด้วย” และมันชี้ไปยังราชันลําดับที่5ที่โต๊ะยมฑูต
.
“ต่อมาเขากับผู้หญิงพื้นเมืองเดินทางมายังสถานที่แห่งนี้ คงเป็นด้วยโชคผู้หญิงเรียนรู้ความลับของประตู ซึ่งหากให้คนขาวใช้เวลาค้นหาเป็นพันปีก็ยังหาไม่พบ
.
ดังนั้นคนขาวเข้าไปพร้อมกับผู้หญิงและพบเพชร เขาใส่เพชรไว้ในถุงหนังแพะ ผู้หญิงถืออาหารไปด้วย
และขณะที่เขาออกมาจากห้องเขานําเพชรออกมาอีกหนึ่งเม็ดมีขนาดใหญ่และถือ
มันไว้ในมือ” ถึงตรงนี้มันหยุดพูด
.
“ว่าไง” ลุงถามโดยไม่หายใจเพราะความอยากรู้เหมือนกับทุกคน “เกิดอะไรขึ้นกับ
ดา ซิลเวสตรา”
.
นางเฒ่าสะดุ้งเมื่อได้ยินชื่อ “ท่านรู้ชื่อคนตายได้อย่างไร” มันถามเสียงแหลมและโดยไม่รอคําตอบมันเล่าต่อไป “ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่มันปรากฏว่าคนขาวหวาดกลัว เพราะเขาโยนถุงหนังแพะที่ใส่เพชรทิ้ง
.
แล้วหนีออกมาพร้อมกับเพชรเม็ดเดียวในมือและราชันยึดเอาไว้ เป็นเพชรซึ่งอยู่บนหน้าผากของทวาลา แต่กลับถูกนางหญิงที่ไร้ซึ่งเสน่หาทำลาย”
“ตั้งแต่นั้นมาไม่มีใครเข้ามาที่นี่อีกเลยหรือ” ลุงถามจ้องมองเข้าไปอีกครั้งยังทางเข้าอันมืดมิด
.
“ไม่มีเลย นายท่าน เพราะความลับของประตูถูกปกปิดเอาไว้ และราชันทุกท่านเคยเปิดประตูนี้แต่ไม่มีผู้ใดผ่านเข้าไป
มีคําเล่าลือว่าผู้ใดผ่านเข้าไปจะตายภายในหนึ่งเดือน แม้แต่คนขาวก็ตายอยู่บนภูเขา ไม่เคยมีใครที่ขึ้นไปแล้วรอดชีวิต ดังนั้นราชันจึงไม่เข้าไป ฮ่า ฮ่า ขุมทรัพย์เป็นเรื่องจริง”
.
พวกเขามองตากันและรู้สึกตัวเย็นเฉียบขณะที่มันพูด นางเฒ่ารู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างไรกัน “เข้าไปเลย นายท่าน ถ้าข้าพูดความจริงถุงหนังแพะพร้อมกับเพชรจะถูกทิ้งอยู่ที่พื้น
และถ้ามันเป็นความจริงผู้ผ่านเข้าไปยังสถานที่นี้จะต้องตาย ท่านจะได้รู้ในไม่ช้าฮ่า ฮ่า ฮ่า”
.
แล้วมันกะโผลกกะเผลกผ่านเข้าช่องประตูไปถือตะเกียงไปด้วย แต่ลุงลังเลที่จะตามเข้าไป พันจึงสบถ “ขอให้มันฉิบหายกันไปเลย ไปเถอะครับลุง ผมไม่กลัวที่นางปีศาจเฒ่านั่นขู่หรอก”
.
ฟูลาตาผู้ซึ่งเห็นได้ชัดว่ากลัวอย่างที่สุดเพราะกายเธอสั่นสะท้าน ก้าวเข้าไปในทางเดินตามหลังกาก้าจึงเป็นตัวอย่างให้อีก3คนทําตามอย่างรวดเร็ว
.
ไม่กี่หลาของทางเดินแคบเจาะออกมาจากหินภูเขา กาก้าหยุดรอพวกเขา “จงดู นายท่าน” มันพูดชูตะเกียงไปเบื้องหน้ามัน
“พวกที่เอาสมบัติมาเก็บที่นี่จากไปอย่างรีบร้อน และคิดว่าพวกเขาคงหาทางป้องกันผู้ที่อาจจะรู้ความลับของประตู แต่ไม่มีเวลาพอ”
.
มันชี้ไปที่ก้อนหินสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่สูง2ฟุต3นิ้ว นํามาวางขวางทางเดินเพื่อก่อเป็นกําแพงขึ้น ตามข้างทางเดินมีแท่งหินเหมือนกันเตรียมพร้อมใช้งาน
และสิ่งที่ประหลาดที่สุดกองปูนและเกรียง2-3อัน เครื่องมือเหล่านี้เท่าที่ตรวจสอบมันมีรูปร่างเหมือนกับที่พวกคนงานใช้กันอยู่ปัจจุบันนี้
.
ฟูลาตาบอกว่าเธอจะเป็นลมและไปต่อไม่ไหวแล้วจึงขอรออยู่ตรงนั้น เธอนั่งบนกําแพงที่ยังก่อไม่เสร็จวางตะกร้าอาหารไว้ข้าง ๆ พวกเขาจึงไปต่อ
.
ทางเดินลึกเข้าไปอีกประมาณ15ก้าวก็มาถึงประตูไม้ทาสีอย่างประณีตมันเปิดกว้างอยู่ ใครก็ตามที่เข้าไปครั้งสุดท้ายอาจจะไม่มีเวลาพอหรืออาจจะลืมปิดมัน
ขวางธรณีประตูนี้มีถุงหนังวางอยู่ เป็นถุงหนังแพะเห็นได้ว่าใส่ก้อนกรวดอยู่จนเต็ม
“ฮี่ ฮี่ ผู้วิเศษ” กาก้าหัวเราะคิก ๆ ขณะเมื่อแสงจากตะเกียงส่องลงบนมัน
“ข้าบอกอะไรท่านไว้ คนขาวซึ่งเข้ามาที่นี่หนีออกไปอย่างรีบร้อนและทิ้งถุงของเอาไว้ เอามันขึ้นมาดูซิ”
.
แสนสุริยาก้มตัวลงไปหยิบมันขึ้นมา มันหนักและมีเสียงกรุ๋งกริ๋ง “ผมเชื่อว่ามันเต็มไปด้วยเพชร” เขาพูดเสียงกระซิบ
คำพูดของกาก้าเรื่องถุงหนังแพะใบเล็กเต็มไปด้วยเพชรกลายเป็นจริง ทําให้รู้สึกขนพองสยองเกล้าได้ทุกคน
.
“ไปต่อกันเถอะ” พันพูด “นางเฒ่า เอาตะเกียงมาให้ฉัน” แล้วพันก็ก้าวเข้าไปตามทางเดินชูตะเกียงขึ้นเหนือหัว พวกเขาลืมถุงเพชรไปชั่วครู่เมื่อรู้สึกตัวว่าเข้ามาอยู่
ในห้องขุมทรัพย์โซโลมอนแล้ว
.
แสงสลัวจากตะเกียงเผยให้เห็นห้องสกัดจากหินภูเขาใหญ่ไม่เกิน10ตารางฟุต กองซ้อนกันเป็นแถวเรียงขึ้นไปจนถึงโค้งของหลังคา
เป็นงาช้างสวยงาม มีมากมายแค่ไหนไม่รู้เพราะไม่อาจเห็นลึกเข้าไปถึงทางด้านหลัง แต่มันคงมีไม่น้อยกว่า4หรือ500คู่
.
หรือกษัตริย์โซโลมอนเตรียมไว้เพื่อสร้าง “มหาบัลลังก์งาช้างส่วนพระองค์" จะได้
ไม่มีอาณาจักรใดเสมอเหมือนได้
ฝั่งตรงข้ามของห้องมีหีบไม้กองอยู่จํานวนมากทาสีแดง “เพชรอยู่ที่นั่น” ลุงร้องขึ้น “ส่องไฟไปที่นั่น”
.
พันทําตามที่ลุงสั่งส่องไฟไปเหนือหีบซึ่งฝามีรอยแตกผุไปตามกาลเวลา ปรากฏรอยกระแทกทะลุเข้าไปอาจจะเป็น ดา ซิลเวสตราทําเอาไว้
.
ลุงยื่นมือเข้าไปในรอยโหว่บนฝาหีบล้วงออกมาเต็มกํามือ มันไม่ใช่เพชรแต่เป็นเหรียญทองแบบที่ไม่มีพวกเขาคนใดเคยเห็นมาก่อน และแต่ละเหรียญมีตัวอักษรคล้ายภาษายิวประทับอยู่
.
“อา” ลุงรำพึงแล้วเอาเหรียญกลับที่เดิม “มันต้องมีสักพันเหรียญในแต่ละหีบและมีทั้งหมด18หีบ นี่คงเป็นเงินค่าแรงคนงาน แต่ลุงยังไม่เห็นเพชรสักเม็ดเลย หรือว่าท่านผู้เฒ่าโกยใส่ถุงไปหมดแล้ว”
.
“ขอให้ท่านดูทางด้านโน้นในความมืดก็จะพบศิลา” กาก้าพูดขึ้น “ที่นั่นท่านจะพบซอก และหีบศิลา3ใบอยู่ในซอก 2ใบปิดผนึก 1ใบเปิด”
.
ลุง "แกรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร ถ้าไม่เคยมีผู้ใดเข้ามายังสถานที่แห่งนี้ตั้งแต่คนขาวหลายชั่วอายุคนมาแล้ว"
.
“อาห์ ท่านผู้วิเศษ" เป็นคําตอบอย่างเยาะเย้ย “ท่านไม่รู้หรือว่าบางคนมีดวงตาที่มองผ่านหินผาได้ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
.
ซอกนั้นมีรูปร่างคล้ายหน้าต่างโค้งขนาดเล็ก ตรงสุดผนังของซอกนี้มีหีบศิลา3ใบ แต่ละใบมีขนาด2ตารางฟุต 2ใบปิดแน่นด้วยฝาหิน ฝาของหีบใบที่3เปิดอยู่พิงไว้
ข้างหีบ
.
พันชูตะเกียงไปเหนือหีบที่เปิดอยู่ พวกเขามองลงไปและทําอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะจากประกายสีเงินสดใสบาดตา 3ส่วนของหีบเต็มแน่นไปด้วยเพชรยังไม่ได้เจียรนัย ทั้งหมดมีขนาดใหญ่กําลังดี
.
ลุงก้มตัวลงไปหยิบขึ้นมาบางเม็ด ใช่แล้วไม่ต้องสงสัยไม่มีการผิดพลาดอย่างแน่นอน จากความรู้สึกสัมผัสที่ลื่นคล้ายสบู่ของมัน ลุงถอนหายใจแล้วปล่อยมัน
กลับลงไป
.
“เราเป็นคนที่ร่ํารวยที่สุดในโลกแล้ว” ลุงพูด “สมบัติของมองเต คริสโต เป็นเรื่อง
จิ๊บจ๊อยสําหรับพวกเราไปเลย
เราจะทําให้ตลาดเพชรปั่นป่วนราคาตกจากเพชรอันมากมายของเรา ถ้าเราเอามันกลับไปได้”
 
.
พวกเขายืนนิ่งหน้าขาวซีดมองหน้ากันไปมา ความรู้สึกราวกับว่าพวกเขามาสุมหัวกันเป็นโจรแทนที่จะเป็นคนที่โชคดีที่สุดในโลก โดยมีตะเกียงอยู่ตรงกลางประกายเพชรวูบวาบอยู่เบื้องล่าง
.
“ฮี่ ฮี่ ฮี่" เสียงร้องไร้สาระของนางเฒ่าดังขึ้นข้างหลังพวกเขา ขณะที่มันโผไปมาเหมือนค้างคาวผี “นั่นไงหินใสสวยที่พวกเจ้าชอบ มากมายอย่างที่พวกเจ้าปรารถ
นา เอามันมาเล่นกับนิ้วซิ กินมันเข้าไป ฮี่ ฮี่ ดื่มมันเข้าไป ฮ่า ฮ่า”
.
ชั่วขณะนั้นมีบางอย่างที่สะดุดในใจของพวกเขากับความคิดกาก้าที่จะกินและดื่มเพชรเข้าไป ณ ที่นั้นพวกเขายืนอยู่เหนือเพชรซึ่งหาไว้ให้นับพันปีมาแล้วจากนัก
ขุดผู้อดทนในหลุมใหญ่โน้น
.
และเก็บไว้โดยผู้ดูแลที่ตายไปนานแล้วของพระเจ้าโซโลมอน ชื่อของเขาบางทีอาจจะเป็นตัวอักษรที่ประทับอยู่บนขี้ผึ้งจาง ๆ ติดอยู่บนฝาหีบ
พระเจ้าโซโลมอนไม่เคยได้พวกมันไป แม้แต่กษัตริย์เดวิด แม้แต่ ดา ซิลเวสตรา แม้แต่ใครสักคน
.
“เปิดหีบใบอื่นซิ ผู้วิเศษ” กาก้าพูดแทรกขึ้น “มันต้องมีอยู่ในนั้นอีกแน่ ๆ เอาไปให้จุใจ ฮ่า ฮ่า เอาไปให้จุใจ”
.
ดังนั้นพวกเขาจึงยกฝาหินของอีก2หีบขึ้นโดยทําลายตราผนึกที่รัดไว้ออก ใบแรก
มีเพชรอยู่เต็มจนถึงขอบ ใบที่2 หัวขโมยโชคร้ายดา ซิลเวสตราคงไม่ได้เอาใส่ถุงหนังแพะจากใบนั้น
.
สําหรับหีบใบที่3 ที่ฝาของหีบเปิดอยู่พิงไว้ข้างหีบ มีอยู่เพียงแค่1ใน4 แต่เพชรได้คัดเลือกมาเป็นพิเศษ ไม่มีเม็ดไหนต่ํากว่า20กะรัต และบางเม็ดใหญ่ขนาดไข่ของนกพิราบ
.
พวกที่มีขนาดใหญ่นี้มีคุณภาพดีเป็นจํานวนมาก เพราะเมื่อเอามันขึ้นมาส่องดูกับแสงไฟเป็นสีเหลืองเพียงเล็กน้อย “ขาวเกือบบริสุทธิ์” ลุงพึมพัม "เพชรที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือเพชรสีขาวใส"
.
พวกเขามัวแต่สนใจเพชรโดยไม่สังเกตุการมองอย่างประสงค์ร้ายของนางเฒ่ากาก้า และ....ที่มันคืบคลาน คลานเหมือนงูเลื้อยออกไปจากห้องขุมทรัพย์ ไปตามทางเดินตรงไปยังประตูหิน
.
จบบทที่ 49 ภาพปกจากกูเกิล เพชรดิบยังไม่เจียร รูปทรงพีระมิดเกิดเองจากธรรมชาติ สามารถนำไปขึ้นตัวเรือนได้
โฆษณา