1 ก.ค. เวลา 00:44 • ความคิดเห็น

“บางครั้งเราไม่ได้อยากไปเที่ยว แต่อยากหนีจากตัวเองในวันนี้”

คุณเคยอยากหายตัวไปไหม
ไม่ใช่เพราะอยากเป็นนักเดินทาง
แต่เพราะ “วันนี้มันเหนื่อยเกินกว่าจะอยู่ต่อ”
ผมนั่งอยู่บนเตียงในห้องเช่า
เลื่อนดูรูปเมืองต่าง ๆ ที่ไม่เคยไป
แล้วอยู่ดี ๆ ก็มีคำถามหนึ่งโผล่ขึ้นมาในหัวว่า...
"ถ้าได้ตื่นขึ้นมาในอีกเมืองหนึ่งในวันพรุ่งนี้...อยากให้เป็นที่ไหน?"
แปลกดีนะ
คำถามธรรมดาแบบนี้ ทำให้ผมหยุดนิ่ง
ทั้งที่เมื่อก่อน...ผมเคยคิดว่าอยากไปทุกที่ที่ไกลจากตรงนี้
แต่พอนั่งเงียบ ๆ สักพัก
ผมกลับไม่รู้จะเลือกที่ไหนจริง ๆ
ไม่ใช่เพราะไม่อยากไป
แต่เพราะผมเริ่มรู้ว่า “ไม่ว่าตื่นที่ไหน ถ้ายังหนีจากใจตัวเองไม่ได้ มันก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่”
เราไม่ได้เหนื่อยเพราะเมือง
แต่เพราะใจเราไม่ได้พักมานาน
หลายคนอยากไปเชียงใหม่
เพราะหวังว่าลมเย็นจะช่วยให้ใจอุ่นขึ้น
บางคนอยากไปญี่ปุ่น
เพราะหวังว่าระเบียบของเมืองจะช่วยให้ชีวิตเราหยุดวุ่น
บางคนอยากไปอิตาลี
เพราะหวังว่าความสวยงามของที่นั่นจะเยียวยาความวุ่นวายในหัว
แต่ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน
ถ้าใจยังวนเวียนกับเรื่องเดิม ๆ
เมืองใหม่ก็เป็นแค่ฉากหลังของความเศร้าเดิมเท่านั้น
ผมเคยเดินทางบ่อย
ไม่ได้เที่ยวหรอก แค่พยายามหนีจากสิ่งเดิม ๆ
หนีความผิดหวัง
หนีความสัมพันธ์ที่ค้างคา
หนีความรู้สึกที่ไม่ได้พูดออกไป
แต่ทุกครั้งที่เครื่องบินลงจอด
ผมก็ยังเป็นคนเดิมที่ลงจากเครื่องไปอยู่ดี
เพราะสุดท้ายแล้ว “ที่เราควรย้ายออก”
อาจไม่ใช่เมือง
แต่อาจเป็นความรู้สึกบางอย่างในใจ
ผมเคยฝันว่าอยากตื่นขึ้นมาในเมืองที่ไม่มีใครรู้จักผม
เริ่มใหม่แบบไม่มีประวัติ
ไม่มีความคาดหวัง
ไม่มีภาพจำเก่า ๆ ที่คอยหลอกหลอน
แต่ชีวิตจริงไม่ใช่นิยาย
เราไม่สามารถล้างความทรงจำตัวเองได้ง่าย ๆ แค่เปลี่ยนพิกัด
ในวันที่ชีวิตดูวุ่นวาย
บางคนเลือกนอนเฉย ๆ
บางคนเลือกออกเดินทาง
แต่ผมอยากให้เราลองถามตัวเองตรง ๆ ว่า…
“เรากำลังอยากไปที่ใหม่จริง ๆ หรือแค่อยากพักจากสิ่งที่เราไม่กล้าจัดการ?”
บางครั้งคำว่า "ไปเที่ยว"
คือภาษาสวย ๆ ของคำว่า "ไปพักใจ"
ผมมีเพื่อนคนหนึ่ง
เป็นฟรีแลนซ์ที่ทำงานเก่งมาก
ทุกปีเขาจะหนีไปนอนโฮสเทลริมทะเลซ้ำ ๆ ที่เดิม
ไม่ได้ทำกิจกรรมอะไรพิเศษ
แค่นอนเงียบ ๆ อ่านหนังสือ
แล้วก็กลับมาพร้อมพลังบางอย่างที่เราไม่รู้ว่าเขาไปหาเจอที่ไหน
วันหนึ่งผมถามเขาว่า
“แกไม่เบื่อเหรอ ไปที่เดิมทุกปี”
เขาตอบง่าย ๆ ว่า
“ไม่เบื่อหรอก เพราะทุกครั้งที่ไป ฉันได้พักจาก ‘ตัวเองในเมืองหลวง’ คนละคนเลยนะ”
คำตอบนั้นอยู่กับผมนาน
และมันทำให้ผมเข้าใจว่า
สิ่งที่เราต้องการอาจไม่ใช่ที่ใหม่ แต่อาจเป็นตัวเราในแบบที่ใจเบากว่านี้
เมืองใหม่อาจให้ฉากหลัง
แต่ใจใหม่เท่านั้นที่ให้ชีวิตใหม่จริง ๆ
คุณอาจอยากตื่นที่โซล โตเกียว ปารีส
หรือบางทีแค่เชียงคานเงียบ ๆ ก็พอแล้ว
แต่ไม่ว่าเมืองไหน
สิ่งที่สำคัญไม่ใช่สถานที่
แต่คือ “เราตื่นขึ้นมาในฐานะคนที่อยากใช้ชีวิตอีกวัน”
ผมเองก็ยังไม่ได้มีคำตอบว่าอยากตื่นที่ไหน
แต่ผมเริ่มมีคำตอบว่า
“อยากตื่นขึ้นมาโดยไม่รู้สึกหนักเกินไปที่จะหายใจ”
เพราะบางครั้ง...
แค่ตื่นขึ้นมาแล้วไม่รู้สึกว่าโลกมันใหญ่เกินไป
ก็ถือว่าเป็นเช้าที่ใจรอดมาอีกวันแล้ว
ถ้าให้ผมเลือกตอนนี้
ผมอยากตื่นในเมืองที่ไม่มีใครเร่งรีบ
เมืองที่คนเดินช้า
ร้านกาแฟไม่ดัง
แล้วก็มีลมเย็นพัดเข้ามาในหน้าต่างตอนเช้า
ไม่ต้องมีวิวหรู
ไม่ต้องมีคาเฟ่ดัง
แค่เป็นเมืองที่ผมตื่นขึ้นมาแล้วรู้สึกว่า
"วันนี้ค่อย ๆ ไปก็ได้ ไม่ต้องรีบ"
บางทีเราไม่ได้อยากไปไหนไกล
แค่อยากตื่นมาแล้ว “ตัวเราวันนี้” ใจดีกับตัวเองมากกว่าวันก่อน
ไม่ต้องทำได้ทุกอย่าง
ไม่ต้องเข้มแข็งให้ใครเห็น
ไม่ต้องอธิบายทุกอย่างที่รู้สึก
แค่พอใจในจังหวะที่เราเดิน
ไม่ช้าไป ไม่เร็วไป
เท่านี้ก็ถือว่าได้ “เปลี่ยนเมืองในใจ” ไปแล้วครึ่งหนึ่ง
แล้วคุณล่ะ?
“ถ้าได้ตื่นขึ้นมาในอีกเมืองหนึ่งในวันพรุ่งนี้ อยากให้เป็นที่ไหน?”
บางที...เมืองนั้นไม่ต้องอยู่บนแผนที่ก็ได้
ขอแค่เป็นที่ที่คุณได้ “ตื่นขึ้นมาเป็นตัวเองในเวอร์ชั่นที่เบากว่าเดิม”
ที่ที่คุณได้หายใจโดยไม่ต้องพิสูจน์อะไร
และได้ใช้ชีวิตแบบไม่ต้องหนีใคร
แม้แต่ตัวเอง
[Ray.]
โฆษณา