บอลลูน ใช้หลักที่สำคัญคือ "หลักการลอยตัว (Archimedes' Principle)" หรือ "แรงลอยตัว (Buoyancy Force)"
อธิบายง่ายๆ คือ:
💫ความหนาแน่น:
บอลลูนจะลอยได้ก็ต่อเมื่อ ความหนาแน่นรวมของบอลลูนและอากาศ (หรือแก๊ส) ภายในบอลลูน น้อยกว่าความหนาแน่นของอากาศภายนอกที่อยู่รอบๆ
💫อากาศร้อนมีความหนาแน่นน้อยกว่าอากาศเย็น:
ในบอลลูนอากาศร้อน (Hot Air Balloon) จะมีการใช้หัวพ่นแก๊สเผาไหม้เพื่อให้ความร้อนแก่อากาศภายในบอลลูน
เมื่ออากาศได้รับความร้อน โมเลกุลของอากาศจะเคลื่อนที่เร็วขึ้นและอยู่ห่างกันมากขึ้น ทำให้ อากาศร้อนขยายตัวและมีความหนาแน่นน้อยลง (เบาลง) เมื่อเทียบกับอากาศเย็นที่อยู่ภายนอกบอลลูน
ลองนึกภาพน้ำร้อนจะลอยขึ้นและน้ำเย็นจะจมลง หลักการคล้ายกัน
💫แรงลอยตัว:
เมื่ออากาศร้อนภายในบอลลูนมีความหนาแน่นน้อยกว่าอากาศเย็นภายนอก บอลลูนจะได้รับแรงยกขึ้นจากอากาศภายนอกที่เราเรียกว่า แรงลอยตัว
แรงลอยตัวนี้เกิดขึ้นเนื่องจากบอลลูนไป "แทนที่" ปริมาตรของอากาศภายนอก และน้ำหนักของอากาศที่ถูกแทนที่นั้นมีค่ามากกว่าน้ำหนักรวมของบอลลูนและอากาศภายใน
ดังนั้น แรงลอยตัวจะดันบอลลูนให้ลอยขึ้นไปในอากาศ คล้ายกับที่เรือลอยอยู่ในน้ำ
สรุปคือ:
บอลลูนลอยได้เพราะ การทำให้ความหนาแน่นของอากาศภายในบอลลูนน้อยกว่าความหนาแน่นของอากาศภายนอก ซึ่งทำได้โดยการให้ความร้อนแก่อากาศ (ในกรณีบอลลูนอากาศร้อน) หรือใช้แก๊สที่มีความหนาแน่นต่ำกว่าอากาศ (เช่น ฮีเลียม หรือ ไฮโดรเจน) สิ่งนี้ทำให้เกิด "แรงลอยตัว" ที่ดันบอลลูนขึ้นไปในท้องฟ้า
เมื่อต้องการให้บอลลูนลอยสูงขึ้น ก็จะเพิ่มความร้อนเพื่อให้อากาศภายในเบาลงอีก ถ้าต้องการลดระดับลง ก็จะลดความร้อนหรือปล่อยอากาศร้อนบางส่วนออกไปเพื่อให้อากาศภายในหนาแน่นขึ้น และบอลลูนก็จะเริ่มลดระดับลงมาครับ
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
