1 ก.ค. เวลา 11:56 • ไลฟ์สไตล์

ที่นี่เคยเป็นสนามเด็กเล่นของฉัน | ก็จบที่รุ่นเรา

โดย อรรถ บุนนาค
การที่เกิดมาในสภาที่ 1970 เติบโตในทศวรษที่ 1980 ความรับรู้ทันคนในสภาที่ 1990 ในประเทศดินแดนดินถิ่นไทยงาม ในนั้นมีปลาในนามีข้าวแผ่นของเราแล้วนั้นการเป็นคน 'ปกติ' ในกรอบของยุคนั้นไม่ได้ดูที่ความถี่ในการตรวจสอบ 1980 ที่สภาอันแรกและอำนาจเผดจการนิยมมาหมาดทุกความสังคมในช่วงนั้นอย่างเป็นทางการก้าวเข้ามาตลอดกาลอย่างแท้จริงในประวัติความเป็นมา... เพราะแท้จริงบางครั้งอุดม
สูญเสียหรือโครงสร้างอำนาจก็ยังคงถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของมรดกของรัฐจารีตเพียงแต่มีห่อกระดาษทอฟฟี่สีสวยสดใสของรูปแบบที่ห่อหุ้มดังนั้นผู้คนในสังคมจึงทำให้ตัวเองมีโครงสร้างที่เป็นกลางของผ้าอนามัยก็ยังมีเสรีเลยก็คืออปปี้โฆษณาผ้าอนามัยยุคนั้นเป็นเพลงจิงเกิ้ลที่เด็ก ๆ ต้องใช้ตามกัน “อิสระเสรีเหนือสิ่งอื่นใดมั่นใจในโกเต็กซ์นิวฟรีด้อม”
ขั้นตอนการทำงานของพืชประชานิยมสำหรับคนรุ่นใหม่รุ่งเรืองที่ทางแห่งหนของคน 'ไม่ปกติ' ตามครรลองของสังคมไทยก็มีลักษณะเฉพาะของ LGBTQ ไปสู่สิ่งใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นในพื้นที่นั้น ๆ มักจะกลัวว่าจะเป็นกระแสก็กลัวว่าจะเริ่มมีดารามีละคร ละครหนังที่การพิจารณาของ LGBTQ ดำเนินการตรวจสอบเรื่อย ๆ เบี้ยวๆ มีอคติอยู่เต็มๆ เริ่มเห็นที่ปลายๆ มักจะเป็น “อี” แอบแฝงเป็น “สว่างจิต” “สลจิต” มีทางประกาศตนออกมา
ทว่าประเทศไทยยังคงเป็นประเทศแรกที่ LGBTQ หลงระเริงกับอิสระเสรีเหนืออื่นๆ ใด ๆ เหมือนกับว่าสังคมไทยเริ่มให้การปลดปล่อยแต่อย่างไรเสียต่อสังคมและอำนาจต่าง ๆ เกิดขึ้นในลักษณะปิตาธิปไตยรับเอามรดกนิยมแบบทหารมาเต็ม ๆ แต่จะอยู่ในเซิร์ฟเวอร์จิ้งใหม่ดูสีสวยฉูดฉาดบาดตา
เด็กหนึ่งยุคนั้นในวัยมัธยมศึกษาตอนต้นโรงเรียนเอกชนชายล้วนยังคงหลงโรงเรียนอยู่ในโลกลูกกวาดสีสวยสด ระเริงกับสิทธิที่จะมีการเปิดขอบเขตขึ้นในสังคมหรือปิดบังตัวตนในแต่อาจจะต้องปิดบังกับที่บ้านแต่เงื่อนไขของการศึกษาวิจัยที่สนุกสนานกับสวย ๆ ของโรงเรียนในแถบที่ทางล้วน LGBTQ ละครโรงเรียนชายบทและนางร้าย รินละครนาฏศิลป์ต้นฉบับกรมศิลปากร ตัวแทนตอบปัญหาสารพัดวิชา
ในสนามแข่งโรงเรียนนอกฝันโรงเรียนออกวิทยาลัยตัวแทนสถาบันในการประกวดคัดลายมือ การประกวดกลอนสด การประกวดอ่านไม่ว่าจะเป็นเสนาะ…อะไรเท่าที่สังคมในยุคนั้นจะเป็นทางที่เอื้ออำนวยต่อเยาวชนในยุคที่ทุกคนรายการเรียลลิตี้โดยไม่ต้องมีการลงทะเบียนประชันที่ฟูเฟื่องไปทั่วทุกเขตคามทุกสนามการแข่งขันเยาวชน LGBTQ มีทางในการพิสูจน์ตัวเองอาจารย์ระบบประกาศกิตติคุณ
เรื่องที่จะได้สวยในทิศทางอนาคตเป็นโค้งของสายรุ้งกลุ่มนี้ถูกแคสต์เพื่อต่อยอดในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายในโรงเรียนเดียวกัน ฝึกฝีมือในทีมกลอนสดตัวแทน อ่านโรงเรียนวิจารณ์เสนาะ อ่านร้อยแก้ว ทำละครและอื่นๆ อีกมากมายวาดฝันอันหอมหวาน… แต่แล้วก็ต้องมาพังภินท์
ภาพยนตร์นั้นลืมไปว่าตนนั้นอยู่ในเคร่งศาสนาของตัวเองรับเอาวัฒนธรรมโรงเรียนมาเต็มมีนายกสมาคมศิษย์เก่าอักษรย่อ “พ.” โครงสร้างกองทหารตุ๊ด ผู้เคยรับตำแหน่งเป็นถึงองคมนตรีถึงขั้นประกาศในรายงานโรงเรียนในหอประชุมใหญ่ถึงการรายงานว่าจะไม่รับเด็ก LGBTQ เนื่องจากความเสื่อมเสียชื่อเสียงของโรงเรียนในรูปแบบที่ว่าความบันเทิงช่วงนั้นเฟื่องฟูด้วยกลุ่ม LGBTQ ที่เป็นรุ่นพี่นักเรียนเก่าของโรงเรียน สังคมิดิโอแปะพะยี่ห้อผู้ชายว่าโรงเรียนนี้ผลิตโรงเรียนตุ๊ดสภาแบบทหารนิยมที่เป็นสังคมผู้ช้ายยยยยยยย...
ชื่อกลุ่มเด็กนี้เพราะฉะปากกาแดงขีดออกอย่างเห็นได้ชัดที่จะสอบต่อเข้าชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายทั้งที่เด็กกลุ่มนี้สอบได้ในคะแนนระดับต้นๆ แปะป้ายประกาศที่บอร์ดไม่มีรายการของเด็กกลุ่มนี้เพื่อนกลุ่มเพื่อนที่เหนียวแน่นต้องแตกฉานซ่านเซ็นกระจัดกระจายไปเดชะบุญยังมีครูดีหลงเหลืออยู่ในโรงเรียนบางส่วนอาจไม่กล้า
ออกไปปกป้องแทนเด็ก…เด็กกลุ่มนั้นก็เข้าใจนะว่าครูก็มีปากมีท้องต้องกินครอบครัวต้องเลี้ยง การสยบยอมต่ออำนาจของตัวเองเองไว้ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรและเข้าใจได้ว่าเป็นครูเข้ามากอดมีครูเข้ามาบอกว่า “หนูสอบได้นะ…แต่โรงเรียนไม่ได้เลือกหนู”
ความทรงจำที่ประทับใจและจำติดตาของเด็กกลุ่มนั้นคือมีครูผู้หญิงที่เป็นครูใหม่เอี่ยมถอดด้ามมาสอนเด็กรุ่นนั้นตอนม.3 เรียกว่าครูสิยังคงรู้อยู่มาก กลัวมาก ๆ ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับสนมกับเด็ก ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ที่เป็นครูผู้หญิงที่ต้องมาสอนในวัยห่ามซนไม่จำเป็นต้องสอนวิชาเลือกตามหลักสูตรในโรงเรียนชายล้วนที่รวมเอาแต่ตัวจี๊ดมาไว้แทนครูสิผู้ดูเฉย ๆ เชย ๆ เชย ๆ นักเรียนเด็กกลุ่มนั้นในประกาศผลสอบต่อเข้าระดับมัธยมศึกษาตอนปลายทุกคน
กำลังเศร้าสลดแม้จะไม่มีน้ำตาเพราะรู้และทำใจมาก่อนตั้งแต่การควบคุมของประธานสมาคมศิษย์เก่าครูสิสิเลยเด็กกลุ่มนี้ลงบันไดจากตึกไปแต่กลิ่นของความเป็นครูจะเป็นปีแรกๆ.. หรือเฉยๆจะรู้สึกธรรมดาของความเป็นครูสิวิลัยขึ้นมามองเด็ก
กลุ่มนั้น ยืนศีรษะอยู่หนึ่งพักแล้วเดินหาเด็กกลุ่มนั้นแล้วจับแขนพูดขึ้นว่า แต่ครูม.เขาเขียนชื่อหนูออกไม่เข้าใจนะอย่าหมดกำลังใจ” ที่เป็นคำปลอบโยนของครูซึ่งไม่ได้สนิทสนมกับเด็กกลุ่มนั้นแต่กลับตรากลับมาในความทรงจำเพราะเป็นการพิสูจน์ว่าครูไม่เข้าข้างถือหางก็ถือว่าเรื่องนี้มัน…ครูสิว่ามันไม่แฟร์
สำหรับความทรงจำ…ระยะเวลาหัวปั๊มหัวต่อของเด็กนั่นคือครูผู้ชายที่เป็นศิษย์เก่าของโรงเรียนแล้วกลับมาเป็นครูสอนในส่วนดาวรุ่งพุ่งแรงในการเพิ่มเป็นบริหารของโรงเรียนขอเรียก “ครูสุ” ครูสุผู้ตรวจสอบระบบของเด็กกลุ่มนี้คอยจับเด็กกลุ่มนี้มาเจียรไนยมาเข้าตรวจสอบให้เฉิดฉายอยู่ในเวทีของโรงเรียนตรวจสอบระยะเวลานั้นได้บางส่วนรู้ส่วนเห็นโครงการกำจัดตุ๊ดของโรงเรียนจำเนียรกาลผ่านจากที่นั่นแล้ว
นับสิบปีข่าวคราวที่แว่วเด็กกลุ่มนั้นเกี่ยวกับครูสุ... ครูสุได้ดิบเพื่อเป็นผู้บริหารของโรงเรียนแล้วไม่รู้สาเหตุกลใด…คงถูกกดดันมาจนเครียดเสียจริต ข่าวเม้าท์โคมลอยถึงหูว่าถึงขั้นอาละวาดในโรงเรียนออกมาเปิดโปงพื้นหลังอันฉาวโฉ่ต่าง ๆ ของโรงเรียนเกลือมีละครเรื่องนี้ครูผู้เคยสอนครูสุต้องมากอดห้ามไม่ให้ตรวจสอบและวิจารณ์กันมฟายกลางโรงเรียน… ภาพยนตร์กลุ่มนั้นฟังผ่านๆ พูดถึงเป็นพิเศษ “โถ… ” โดยทั่วไปแยกเฉพาะดำเนินชีวิตตามครรลองของตรงไปตรงมาไป
อยู่มาในทิศทางที่คุณสามารถเดินข้ามทางเชื่อมระหว่างสยามดิสคัฟเวอรีกับสยามศูนย์ท่ามกลางไดอะแกรมแก้วเชื่อมอันสวยงามสำหรับฟังก์ชั้นของรองเท้าแตะและกางร่มภายในห้างอันนั้นหลักเดินมาในห้างต่าง ๆ หันมองกับความโดดเด่นของกลุ่ม
คนนั่นเป็นชายกลางคนเหมือนจะบิดเบือนมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดคือสุครูผู้เคยสอนพวกสั่งตันคือทางเอง ส่วนที่สำคัญแต่ก็ทำไม่ได้ชี้เพราะว่าระบบควบคุมครูสุคงการควบคุมโดยทั่วไปไม่ได้หมายความว่าส่วนใหญ่มักจะเป็นส่วนใหญ่ได้ปรับปรุงไปแต่ครูสุหยุดยืนมองคนกลุ่มนั้นและเอ่ยถึงโดยตรงได้ถูกต้องลำไส้อดีตเด็กกลุ่มนั้นต้อง
เริ่มต้นยกมือไหว้ครูสุยืนรอให้อดีตเด็กกลุ่มนั้นพูดคุยในรู้จักจนโดยตรงเดินเข้ามาจับแขนเด็กกับสำเนียงครูสุแล้วพูดขึ้นว่า “ครูตำหนิ…เรื่องต่อเนื่องครูขอโทษจริง ๆ” แรงบีบแขนของครูแน่นแรงขึ้นนัยน์ตาของสุครูครั้นด้วยน้ำตาคลอรัส กลุ่มอดีตเด็กร้อนผ่าวที่เบ้าตา ไม่นานด้วยเพราะแสงจ้าแดดลอดโดมกระจกมันแยงตาหรือแสบแผลเป็นปมอดีตเพื่อการเยียวยาได้แต่บีมือครูกลับมาแล้วพบว่า “ครูสุจะได้เห็นหนูเข้าใจ” และดังนั้นจึงแยกจากครูสุปล่อยให้มากขึ้นอีกครั้งก็ได้ข่าวว่าครูสุได้เสียชีวิตลง
ที่เด็กนั้นกล่าวถึงการรักษาจิตใจจากความรู้สึกของการยึดมั่นในการปฏิบัติต่อ LGBTQ ด้วยศรัทธาของสังคมทั้งในประเทศไทยไปจนประชาคมโลกมีสิทธิ์มีเสียงที่สามารถพูดหรือแย้งกับกล่าวถึงที่กดทับทับริดรอนสิทธิหรือความภาคภูมิ
ในก้าวเดินกลางแห่งความหวัง จู่ๆ อาจจะเหมือนมีใครผลักเด็กกลุ่มนั้นตกลงเหวลึกดำมืดอีกครั้งในการอ่านเจอข่าวว่าสมาคมผู้ปกครองครูโรงเรียนที่พวกตนเคยอยู่นั้นจัดการในเรื่องการศึกษาหัวข้อ “เลี้ยงลูกอย่างไรไม่ให้สภาพอากาศ” ในปัจจุบันสมัยของพ.ศ.2561 กระแสสังคมซึ่งยอมรับสิทธิ์ LGBTQ และโดยสากลของว่าไม่มีการพูดถึง
เป็นเวลาสามสิบปีพอดิบพอดีจากครั้งเก่าที่เคยถูกค้นพบแต่ภาพความทรงจำที่โหยหารสชาติปร่าที่ปลายลิ้นในจิตใจในจิตใจฮอนคืนแผลที่เหมือนย้อนรอยจนรอยตามหายกลับเหมือนถูกกรีดซ้ำตอกตรงจุดเดิมแหวะออกให้เป็นบาดแผลสดอันเจ็บปวดร้อนที่อาจเป็นไปได้ว่าอาจจะวิจัยได้คอคอรีซินพุ่งสู่ดวงตาจนน้ำตาไหลออกมารสเดิมอีกครั้งหนึ่งคิดเพื่อเยียวยาจิตใจในนั้น...
ช่างมันเถอะ…และอีกครั้งหนึ่งที่การเปลี่ยนแปลงมักจะเกิดขึ้นที่เคยสอนเด็กกลุ่มนั้นมาจนจำติดตัวมาจนถึงวัยผู้ใหญ่เต็มตัวในวันนี้ว่า “จงรักคนอื่นเหมือนรักตัวเอง” ... และรักเราเพียงแค่รักเรา และจะไม่รักเรา ทว่าอย่างไรเสียเราต้องยืนหยัดต่อสู้จะต้องต้องเจ็บปวดอีกสักกี่ครั้งที่ไม่ต้องพูดถึงอีกครั้งสร้างและส่งผ่านไปยังรุ่นต่อไปอีก #มันจะจบที่รุ่นเราเถอะ
ประเภทชายรักชายในยุคสมัยนั้นภายในกลุ่มชายรักชายด้วยกันเองก็เช่นกัน
“แอบจิต” บางครั้งชายรักชายที่บำรุงผิวไม่มีทางเลือกในเรื่องสภาพวิถี เหมือนผู้ชายชอบผู้หญิงมักจะถูกกระแนะกระแหนในตอนแรกว่า “อีแอบ”
“สว่างจิต” ในตอนแรกที่ออกสาวตลอดเวลาไม่ว่าตัวตนจะอยู่กับใครก็ตามก็ตาม
“สลัวจิต” ที่จะเปิดเผยตัวเองเมื่ออยู่เป็นเพื่อนฮีโร่ด้วยกันเท่านั้น (บรรณธิการ)
โฆษณา