1 ก.ค. เวลา 12:00 • ไลฟ์สไตล์

แสดงตัวตนของคุณ | จาก “ ระเบิดถังขี้” ถึงเหตุผลของคนเกียจจวง และอยากกำจัดเหตุผลหลัก (ตอนแรก)

โดยต่อศักดิ์จินดาสุขศรี
เนนานมาถึงที่สังคมไทยภูมิอกภูมิใจพร่ำบอกตนเองว่าแม้จะต้องใช้กฎหมายรับรองแขกของพรรคเดียวกันอย่างเป็นทางการเป็นส่วน “สวรรค์ของ LGBT+” เนื่องจากเป็นสังคมที่ความเข้มข้นของเนื้อหาที่กล่าวอ้างกับแหล่งที่มาของสังคมมากกว่าสังคมอื่นๆ และฟังวิจารณ์วิจารณ์วิจารณ์และวิจารณ์
แต่ส่วนใหญ่มักจะมีข่าวเกี่ยวกับ LGBT บางคนเห็นได้ชัดว่าแต่งงานมีแฟน จะต้องมีความคิดเห็นที่กลายมาเป็นขบขันหรือแสดงถ้อยคำในดูถูกเหยียดหยาม รังเกียจขยะแขยงอยู่เป็นประจำ
“ถังขี้ขี้” เป็นอีกคำล้อเลียนในเวลาที่เห็นได้บ่อยจนชินตาซึ่งจะช่วยควบคุมในลึกๆ ที่ลดทอนรสชาติของการโจมตีของซีรีย์นี้ให้เป็นขบขันเท่านั้นที่จะให้ภาพโดยนัยว่าเหตุผลของการเกิดขึ้นของอาเจียนความสกปรกเป็นสิ่งที่สามารถทำได้ในอภิรมย์และเจือปนไปกับความรู้สึกรังเกียจของผู้ที่มองจากภายนอก
ทัศนะคติที่ลดร่วมกับให้ประเพณีและรสนิยมของภาพลักษณ์ของประธานาธิบดีเท่ากับความสกปรก/ไม่สะอาด สิ่งที่มีร่วมกันในสังคมและวัฒนธรรมไม่เว้นกระทั่งประเทศที่เป็นภาพตัวแทนของสาธารณรัฐประชาธิปไตยและเป็นตัวอย่างของอเมริกา
Martha Nussbaum นักสตรีสตรีนิยมให้เห็นผู้มีชื่อเสียงจากงานหลายชิ้นซึ่งศึกษาดูเรื่องของ 'อารมณ์' (อารมณ์) เพื่อการดูแลรักษาสุขภาพและการรักษาคำเตือนว่าระบบสังคมอเมริกันจะพัฒนามาไกลเปิดกว้างและยอมรับการประสบความสำเร็จในมิติของลำไส้อย่างสม่ำเสมอเสมอภาคต่อการพิจารณาเป็นพิเศษกว่าแต่เราต้องอย่าหลงคิดไปว่าแกนกลางลบๆ รังจเกียกลัว LGBTQ+ ได้มาจากสังคมทั้งหมดแล้ว
อาจเป็นจุดสังเกตไปยังบริเวณศูนย์กลางหลักได้อีกต่อไป แต่ซ่อนเน้นย้ำและ LGBT-phobia เขียนว่าปฏิบัติอยู่ลึกๆ ในหัวของผู้คนและยังคำนึงถึงองค์ประกอบต่างๆ ของระบบควบคุมได้โดยตรง เช่น การควบคุมกฎหมายโดยคำนึงถึงการปฏิบัติอยู่ลึกๆ
Nussbaum ยกตัวอย่างนักคิดและงานเขียนหลายชิ้นในส่วนของออเรนจ์เกียจเพื่อตรวจสอบความถูกต้องของสายเคเบิล (โดยเมนบอร์ดกรณีของซีรีส์) เพื่อให้ภาพว่ารวมถึงของในเรื่องนั้นล้วนๆ สิ่งที่มีสิ่งสกปรกทั้งหมดในนั้นได้แก่ตัวอย่างที่สุดโต่งของภายในนั่นคือกรณีของ Paul Cameron และหัวหน้าของสถาบันวิจัยด้านครอบครัว (Family Research Institute) ที่สามารถเขียนและอ่านงานออกมาหลายชิ้นในประเด็นดังกล่าว (เช่นงานเขียนเรื่องผลทางการแพทย์ของสิ่งที่พวกรักร่วมเพศทำ)
อีตา คาเมรอนถือเป็นหนึ่งในบุคคลดังกล่าวและเห็นได้ชัดต่อกลุ่มคนและการเคลื่อนไหวการที่กล่าวถึงความประพฤติของประธานาธิบดีในช่วงเวลานั้นกับผู้เสนอร่างกฎหมายแก้ไขเพิ่มเติมของรัฐ Colorado ถึงขนาดที่จะจ้างให้คาเมรอนเป็นที่ปรึกษา
คาเมรอนพูดถึงเขามักจะอธิบายให้ฟังอย่างชัดเจนถึงสิ่งที่สำคัญน่าสะสมในความหมาย เหตุผลของเหตุการณ์นั้นคือการสัมผัสของส่วนต่างๆ และเจือปนด้วยลักษณะน้ำลายของน้ำกามหรือเลือดกับชายอื่น ๆ และส่วนใหญ่มักจะเกิดขึ้นไม่สะอาด เช่นโลหะสาธารณะผับบาร์และของแข็งสกปรกก็เป็นอันตรายของอันตรายของการเกิดโรคต่างๆ ใน ​​การเอาตูดดีการเบิร์นออสให้กันอย่างดี ล้วนๆรูปธรรมที่ตอกย้ำเหตุผลหลักที่สกปรกของในสายตาคนอย่างอีตา คาเมรอน
ส่วนวาทกรรมแบบคาเมรอนเป็นเป้าหมายสองเรื่องคือพยายามให้สังคมรู้สึกรังเกียจรังงอนขยะแขยงในระดับสูงกับการเชื่อมโยงของอาหารจานหลักๆ สุ่มเสี่ยงโรคภัยไข้เจ็บสาเหตุหลักๆ แปลกที่โรคไวรัสตับอักเสบบีและเชื้อ HIV/AIDS มักจะถูกหยิบยกบ่อยครั้งว่าบาปให้ผลที่เป็นผลจากการพิจารณาที่ไม่สะอาดของก้านกวาง
คาเมรอนนำเสนอข้อเขียนส่วนใหญ่เหมือนกับซ้ำแล้วซ้ำเล่าเท่านั้นส่วนใหญ่จะเลือกบางสถิติและระดับข้อมูลมาสนับสนุนงานเขาเอง งานของเขาถูกเขียนลงในวารสารวิชาการที่มักจะโดยกลุ่มของเขากันเองหรือกลุ่มที่สนับสนุนแนวคิดของเขาเองด้วยกันเอง
ฟังข้อเสนอของเขาเพื่อหักล้างปฏิเสธและประณามโดยสมาคมการศึกษาวิจัยในความหมาย เช่น American Psychological Association และ American Sociological Association ว่าเป็นเพียงงานโฆษณาชวนเชื่อที่ปลอมตัวเป็นงานวิชาการที่มีความเป็นศาสตร์กระทั่งไม่มีงานชิ้นใดของเขาเลยที่เคยใช้ในวารสารด้านการวิจัยของแพทย์โดยเฉพาะมาตรฐาน แต่งานเขียนของคาเมรอนยังคงถูกอ้างอิงอยู่บ่อยครั้งในบางครั้งที่พยายามตรวจสอบและจำกัดสิทธิของกิจการรวมยังเคยครั้งหนึ่งเคยมีการเชื่อในชั้นศาลอีกครั้ง
แล้วจะสามารถออกกฎหมายได้อย่างไร? มิติแรกคนอย่างคาเมรอนและแกนสนับสนุนที่ทำหน้าที่เป็นกฎหมายของคนรักในรัฐเดียวกันและกฎหมาย ห้ามไม่ให้ปฏิบัติที่ออกมาปกป้องออสซี่และเลสเบี้ยนในจุดนั้นยังสนับสนุนการออกกฎหมาย Sodomy Law หรือกฎหมายลงโทษทางอาญากับอาหารค่ำทางการบริโภคอย่างเป็นทางการของกลุ่มเป้าหมายคนในมิติคือกฎหมายในการส่งเสริมที่สนับสนุนการรักเว็บเดียวกันนั่นเอง
และในมิติที่สองซึ่งก็เกี่ยวกับมิติของการออกกฎหมายนอกเหนือจากนั้น Martha Nussbaum ได้ชี้ชวนให้เห็นถึงความเป็นปกติของเราในการควบคุมอารมณ์กับกฎหมายเป็นสองสิ่งที่มีความเกี่ยวข้องกัน กฎหมายควรรวมถึงองค์ประกอบของการอภิปรายบนทางหลวงที่ไม่ค่อยเห็นอารมณ์ความรู้สึกเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่
Nussbaum นำเสนอข้อมูลของจำนวนหนึ่งที่พยายามเสนอมิติในด้านอารมณ์ความรู้สึกนึกถึงรังเกียจ/ขยะแขยง (รังเกียจ) ของสังคมที่เป็นฐานในการออกกฎหมายในสังคมเองส่วนใหญ่เป็นแกนหลักที่สำคัญที่สุดคือ Lord Patrick Devlin นักกฎหมายสืบสวนและ ลีออน คาส นักชีวจริยศาสตร์
และนักกฎหมายแนวเสรีนิยมจำนวนหนึ่งเห็นว่าแต่ละบุคคลมีความน่าเชื่อถือในสิ่งใดก็ตาม ตราบเท่าที่ไม่ไปเยี่ยมเยียนพลเมืองเค้า ดังนั้นกฎหมายจึงห้ามเฉพาะที่จะไปรับทราบถึงประโยชน์ของผู้อื่นเท่านั้น แต่ทั้ง Devlin และ Kass กลับมาเห็นการทำเช่นนั้นว่าการห้ามไปอย่างเห็นได้ชัดหรือภัยคุกคามต่อข้อเสนอแนะของผู้ให้บริการยังสามารถนำมาใช้ในฐานออกกฎหมาย
การพิจารณาของสังคมย่อมมีมุมมองของหรือเหตุผลบางอย่างที่คนส่วนใหญ่มักจะรู้สึกร่วมกันว่า 'การพิจารณาคดี' 'น่าวิจารณ์แขวง' ซึ่งเพียงแค่รู้สึกว่าเป็นที่เชื่อแล้วที่จะออกกฎหมายเพื่อมาจำกัดการควบคุมและการลงโทษที่เป็นผลสืบเนื่อง
Devlin เสนอว่าประสบการณ์ดังกล่าวจะมีคุณค่าต่อสังคมจะต้องรักษาไว้แต่ส่วนการรณรงค์ที่สังคมหนึ่งๆ จะมีชีวิตอยู่ได้ก็เช่นกัน 'ระบบที่เข้มแข็ง' ซึ่งคนในสังคมยึดถือร่วมกันและอาจเกิดสั่นคลอนสังคมนั้นก็ชิบหายได้
แต่อะไรคือเหตุผลหลักในการวัดว่ามีประโยชน์แบบที่เข้าข่ายการคุกคามของสังคมรัฐสภาออกกฎหมายมาเพื่อจำกัดขอบเขต?
สำหรับ Devlin การที่สนามกีฬาในสังคมเกียจเดียดฉันใช้ในการควบคุมแบบที่เป็นเหตุผลหลักและระบบควบคุมแล้วที่จะบอกว่าระบบควบคุมถือเป็นส่วนต่อของอันดีของสังคมซึ่งควรต้องออกกฎหมายมาเพื่อจำกัดหรือปรามที่มีประสิทธิภาพสำหรับกีฬาที่จะไม่ได้ส่งผลกระทบหรือมาการพิจารณาใครโดยตรงอย่างต่อเนื่อง ระบบควบคุมการถ่ายทอดการทำงานของช่างมันในตัวของมันเองถึงขนาดเพียงแค่การมีอยู่ของมันก็รู้สึกว่าถูกกล่าวหา (ขยะแขยง) ได้แล้ว
ส่วน Kass เห็นความรู้สึกที่เห็นได้ชัดเป็นสัญญาณที่คอยเตือนให้มนุษย์หนีจากภยันตร์เตือนตนเองเป็นอารมณ์ของร่างกายที่เป็นผลให้ประสิทธิภาพการทำงานของระบบว่าอะไรที่ดีหรือไม่เป็นผลนั่นเองมันจึงมีความสำคัญและเป็นจุดศูนย์กลางออกกฎหมายมาแทรกแซงวิจารณ์
สำหรับฐานคิดการออกกฎหมายเพื่อขยายสิทธิของประธานาธิบดีในตอนแรกจึงยิ่งสั่นคลอนและอันตรายต่อระบบอีกครั้งหนึ่งอันดีของสังคมรัฐสภาต่อความรู้สึกอันธรรมชาติควรจะเป็นไปตามความต้องการของสังคมคือการออกกฎหมายเพื่อจำกัดสิทธิและการพิจารณาคดีของพวกผู้นำและหากฝ่าฝืนก็ต้องใช้บทลงโทษเสียเลย
เราจะได้ยินแล้วขึ้นเลย !!! แต่อย่าเพิ่งอย่าเพิ่งติดตามตอนต่อไป…………..
อ้างอิง: Martha C. Nussbaum, จากความรังเกียจสู่มนุษยชาติ: แนวโน้มทางเพศและกฎหมายรัฐธรรมนูญ (อ็อกซ์ฟอร์ด, สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด, 2010)
โฆษณา