Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
สงคราม story
•
ติดตาม
เมื่อวาน เวลา 03:18 • ประวัติศาสตร์
วีรกรรมคนพันธุ์อึด พันเอก พิมุข คล้ายพยัคฆ์
สวัสดีครับท่านผู้อ่านทุกท่าน ก่อนที่จะไปอ่านบทความนี้ ผู้เขียนขอให้ทุกท่านโปรดช่วยกดไลก์ กดติดตาม และกดแชร์ เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้เขียนในการทำบทความต่อๆไป
สำหรับท่านใดที่มีเรื่องใดน่าสนใจ ท่านสามารถส่ง inbox ข้อความมาได้ที่ Facebook Supakrit Falcon หากเรื่องใดโดนใจผู้เขียนจะนำเรื่องราวไปศึกษาค้นคว้าหาข้อมูลเพื่อเตรียมการเสนอครั้งต่อไป
วันนี้จะเป็นเรื่องราวของพันเอกพิมุข คล้ายพยัคฆ์ ได้บรรยายเหตุการณ์การสู้รบผ่านการสัมภาษณ์จากอาจารย์หนุ่ม พลตรี ศนิโรจน์ ธรรมยศ โดยเฉพาะการปะทะกับทหารข้าศึกอย่างดุเดือดที่ช่องบกและบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา จังหวัดสุรินทร์
เรื่องราวของท่านเรียกได้ว่าอาจเป็นการกระตุ้นให้คนไทยหันมารักชาติ แทนที่จะต้องเป็นศัตรูเพราะความคิดทางการเมืองที่ไม่ตรงกันแบบที่ผ่านมา หากวันนี้คนไทยแตกคอกันเอง สันติสุขคงจะหาทางหวนคืนสู่ขวานทองได้ไม่ เพื่อไม่ให้พลาดเรื่องราวต่อไปนี้ โปรดติดตามได้เลยครับ
พลเอกอิสระพงษ์ หนุนภักดี
ปีพ.ศ. 2527 ณ สมรภูมิช่องบก พันเอก พิมุข คล้ายพยัคฆ์ ได้ไปทำการรบที่เนิน 382 ซึ่งเป็นช่วงที่ทหารเวียดนามเริ่มเข้ามาในพื้นที่พอดี
ทหารฝ่ายตรงข้ามทำการโจมตีฐานแบบสายฟ้าแลบ โดยได้ใช้ปืนใหญ่ยิงถล่มฐานของ ทหารไทย ทำให้มีกำลังพลเสียชีวิต 6 นายจาก การที่ปืนใหญ่ตกใส่ขณะกำลังต้มมาม่า เหตุการณ์นี้ทำให้ผู้บังคับบัญชาต้องมีการสั่งห้ามหุงข้าวในแนวหน้า ต่อมาจึงเปลี่ยนไปหุงข้างล่างที่ช่องพระพลัย บ้านแซรภัยพัฒนาแทน เพื่อไม่ให้ซ้ำรอยเหตุการณ์เดิม
ในปี พ.ศ. 2528 ทหารเวียดนามได้เข้าโจมตีกองกำลังเขมรฝ่ายพอลพตที่ชายแดนใกล้กับจังหวัดสุรินทร์ บริเวณบ้านตาตุม เนิน 424 อำเภอสังขะ จังหวัดสุรินทร์ มีการรบกันเป็นไปอย่างหนัก จนทหารเขมรต้องหนีหัวซุกหัวซุน
เมื่อทราบสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทหารไทยไม่รอช้าจึงได้ส่งกำลังพลจาก ร.23 โคราช และ ร.6 อุบลฯไปเสริมกำลังในวันที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2528 พันเอกพิมุขจำวันดังกล่าวได้ดีว่าได้ขึ้น รถขนส่งทหารไปในวันนั้น
เมื่อไปถึงพื้นที่พบว่า มีเสียงปืนใหญ่ดังตลอดวันตลอดคืน ทำให้หน่วยต้องย้ายที่ตั้งตลอดเวลาจนเกิดความวุ่นวายและสับสน
วันที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2528 พันเอกพิมุขและกำลังพลได้ขึ้นไปช่วยกองกำลังทหารที่ถูกส่งมาจากโคราชซึ่งกำลังถูกล้อมอยู่ข้างบนและ ไม่สามารถลงมาจากเนินเขาได้
ขณะนั้นเองการซุ่มโจมตีของทหารเวียดนามก็เกิดขึ้นในขณะที่ฝ่ายเราเกือบจะถึงจุดหมาย
ท่านกล่าวถึงยุทธวิธีที่ทหารเวียดนามจัดการทหารไทยว่า ฝ่ายเราเข้าใจผิดคิดว่าเวียดนามจะหนีเหมือนคอมมิวนิสต์ทั่วไป
ช่องบกในปัจจุบัน
ท่านจึงสั่งให้ลูกน้องเข้า "ตะลุมบอน" แต่พบว่าทหารเวียดนามได้ขุดหลุมซ่อนตัวอยู่ตามโคนต้นไม้ พวกเขาไม่คิดจะหนี มีหนทางเดียวคือต้องต่อสู้จนตัวตาย เมื่อทหารไทยข้ามรั้วเข้าไปไม่ทันไรทหารเวียดนามก็ยิงทันทีทันทีจนฝ่ายไทยไม่ทันตั้งตัว
การซุ่มโจมตีครั้งนี้ทำให้มีทหารจากกรมทหารราบที่ 6 (ร.6) เสียชีวิต 6 นาย และบาดเจ็บ 19 นาย ซึ่งรวมถึงพันเอกพิมุขที่ถูกยิงเข้าที่ต้นขา.
อาการบาดเจ็บของท่านตอนถูกยิงได้กลิ่นเลือดคาวเข้าจมูก ท่านจึงใช้ผ้าสามเหลี่ยมพันแผลที่ขาประคองอาการไปก่อน ในขณะเดียวกันท่านรู้สึกหนาวมากเพราะเสียเลือดไปจำนวนไม่น้อย
ในขณะนั้นไม่มีเวลาดูขาตัวเอง เพราะรู้ดีว่าทหารศัตรูอยู่ห่างไปเพียง 10 เมตร และมี ทหาร 9 นายอยู่ใต้ต้นไม้ต้นเดียว แต่พูดไม่ได้
มีทหารนายหนึ่งกลิ้งมาร้องครวญคราง ท่านจึงสั่งให้เงียบ และต่อมาทหารนายนั้นก็เสียชีวิตในขณะปฏิบัติหน้าที่เพราะทนพิษบาดแผลไม่ไหว เวลาผ่านไปไม่นานทหารเวียดนามได้อ้อมมาทางด้านหลัง และโจมตีอย่างหนักต่อทหารไทยในพื้นที่การรบ
ในวินาทีแห่งความเป็นความตายพันเอกพิมุขจึงได้ขอมอร์ฟีนจากหมอสนาม และฉีดเข้าที่แขนทะลุเสื้อ หลังจากฉีดประมาณ 1 นาที อาการหูอื้อก็หายไป ตาที่พร่ามัวก็สว่างขึ้นเห็นใบไม้ ชัดเจน และหายหนาวไปในทันที
พลเอกอิสระพงษ์ หนุนภักดี หลังเกษียณ
และแล้วการถอนกำลังออกจากการรบดุเดือดในป่านรกก็มาถึง พันเอก พิมุขได้ขอการใช้กำลังจากทหารปืนใหญ่ยิงเข้ามาสนับสนุน้พื่อให้ทหารเวียดนามถอยร่น แต่ผู้กองปฏิเสธเพราะอาจโดนพวกเดียวกันจนเสียชีวิตทุกนายในหน้าที่
เมื่อมีเหตุการณ์ร้ายแรงท่านจึงตัดสินใจถามลูกน้องว่าจะลุยต่อหรือไม่ ลูกน้องส่วนใหญ่จึงตอบคำถามนายเป็นเสียงเดียวกันว่าต้องการถอนตัว ท่านจึงวางแผนให้ทหารในหน่วยยิงกราดไปทางศัตรู แล้วตะโกนให้ลูกน้องถอยดีกว่าจะต้องตายเป็นผีในป่าแห่งนี้
ระหว่างการถอยมีทหารนานหนึ่งถูกยิงกลิ้งลงไป ท่านจึงรีบคว้าแขนและวิ่งต่อไป ไม่ว่ากระสุนจากทหารเวียดนามจะเป็นอันตรายมากน้อยเพียงใด ทหารไทยก็ยังเสี่ยงที่จะหาทางออกจากป่าไปรักษาตัวก่อนจะกลับมาจัดการทำการข้าศึกอีกครั้งเพื่อทวงคืนสันติสุขสู่ดินแดนไทย เมื่อทหารไทยถอยลงมาทางริมห้วย เพื่อไปสมทบกับกำลังพลข้างล่าง
พันเอกพิมุข คล้ายพยัฆค์ถูกลูกน้องลากไปประมาณ 2 กิโลเมตรภายใต้ป่าใหญ่ที่แฝงไปด้วยอันตรายจากลูกปืนและการถูกทหารเวียดนามตามล่า
ทหารไทยในช่วงสงครามช่องบก
เมื่อปวดขา ท่านจะหยุดหักกิ่งไม้มาเสียบที่ผ้าสามเหลี่ยมที่พันขา และขันให้แน่นเพื่อลดความปวดและห้ามน้ำแดง เมื่อปวดอีกก็คลายออก น้ำแดงก็จะออกแล้วก็ขันใหม่
เมื่อมาถึงฐานข้างล่างแพทย์ให้ท่านกินเกลือผง 1 ซอง และห้ามดื่มน้ำ แต่ท่าสกลับแอบดื่มน้ำเย็นผสมยาหอมที่คุณป้าจากกาชาดสากลนำมาให้
ท่านถูกแบกด้วยเปลสนาม 2 กิโลเมตรไป ยังสนามเฮลิคอปเตอร์ที่บ้านตาพราม ซึ่งมีฮ.จอดอยู่ 3 เครื่อง ท่านขึ้นฮ.พร้อมทหารรวม 5 นายไปลงที่โรงพยาบาลค่ายสุรินทร์ และได้รับการ ผ่าตัดทันที
หลังจากฮ.บินขึ้นฟ้าเมื่อส่งผู้บาดเจ็บโรงพยาบาลค่ายสุรินทร์เสร็จ ตัดภาพไปที่สมรภูมิเดือดในช่วงนั้นทหารที่ส่งมาจากโคราช ยังคงถูกปิดล้อมอยู่ประมาณ 10 วันกว่าทหารเวียดนามจะถอยออกไป
ทหารไทยขณะกำลังวางแผน
มีเหตุการณ์พลทหารบุษบา ติธรรม ถูกยิงที่ต้นขา กระดูกแตก แต่รอดชีวิตมาได้ด้วยการดื่มปัสสาวะและกินมาม่า โดยมีเพื่อนชื่อพลทหารเมา ชาวนา เป็นคนสุรินทร์ที่พูดภาษาเขมรได้ เดินไปตามศพเพื่อหามาม่าและน้ำมาให้เพื่อนกิน แม้ว่าตัวเองจะโดน RPG จนมีน้ำแดงออกเป็นฟอง และมีอาการเหนื่อย พลทหารเมาจึงแกล้งโกหกเพื่อนว่าไปเอาของข้างหน้าก่อน แล้วก็ทิ้งเพื่อนไว้และลงไปพบเขมรแดง เมื่อทหารไทยพูดคุยกับทหารเขมรแดงจนเข้าใจ ทหารเขมรแดงพาไปส่งยังกองร้อยข้างล่าง และไปพบพันเอกพิมุขที่โรงพยาบาลพระมงกุฎฯ
ปีพ.ศ.2529 การกลับมาแก้แค้นที่สมรภูมิช่องบกได้เกิดขึ้นหลังจากที่พันเอก พิมุข คล้ายพยัคฆ์ถูกยิงเมื่ออายุ 25 ปี ในปี พ.ศ. 2528 มาบัดนี้ท่านถูกส่งมาประจำการที่ช่องบก ท่านเล่าให้อาจารย์หนุ่มว่าชาวบ้านในพื้นที่บ้านแปนอุ้ม บ้านโนนสูง มีหลุมหลบภัยใต้ถุนบ้าน.
มีวันหนึ่งฐานของท่านที่ริมถนนถูกปืนใหญ่จากฝั่งกัมพูชายิงถล่ม 18 นัด ทำให้ต้องย้ายฐานในวันรุ่งขึ้น โดยจุดไฟและก่อควันทั่วถนนเพื่อบดบังไม่ให้ทหารปืนใหญ่ฝ่ายศัตรูเห็น
หากจะกล่าวถึงภูมิประเทศช่องบก ที่นี่เป็นทางลาดที่รถเกวียนขึ้นลงได้ มีทั้งภูเขาและป่าไม้มากมาย รวมทั้งเป็นจุดสำคัญที่เชื่อมต่อ 3 ประเทศ ได้แก่ ไทย ลาว และกัมพูชา
ทหารไทยขณะอยู่ในพื้นทีการรบ
อีกฟากหนึ่งสถานการณ์คับขันเมื่อทหารเขมรแดงถูกทหารเวียดนามเข้าตี และหนีขึ้นไปอยู่บนภูเขา ทำให้ครอบครัวของพวกเขาซึ่งเป็นเด็ก และคนแก่ต้องลงมาอยู่ข้างล่างกับชาวบ้าน
ทหารเวียดนามได้ขึ้นมา "กวาดล้าง" พวกเขมรพอลพตและ ทหารเขมรแดงตามชายแดน ไม่ใช่แค่เขมรแดงพบจุดจบ รายต่อไปอาจเป็กองทัพไทยเพราะทหารเวียดนามนำปืนใหญ่ รถถัง และกำลังพลมาเสริมทัพเรื่อยๆ
กองทัพเวียดนามยึดเนินสำคัญ อาทิ เนิน 500, เนิน 408, และเนิน 382 ที่ช่องบก และยังสร้างหลุมหลบภัยบังเกอร์ที่แข็งแรงมาก พวกเขายิงลงมาที่บ้านแปนอุ้ม ทำให้ครอบครัวเขมรต้องหนีตายขึ้นมาบนถนน ขณะที่เวียดนามไม่ยอม ออกจากภูเขาและพื้นที่ป่า ที่แผ่นดินใหญ่นายพลเสียดนามประกาศว่าจะบุกยึดกรุงเทพฯด้วยกำลังพลมากมายมหาศาล
เนิน 500 (ภาพปี 2567)
กองทัพบกไทยสั่งให้เขมรออกจากพื้นที่ไปก่อน แล้วให้ทหารไทยจัดการ โดยมีการนำกำลังพลจาก ร.16 ยโสธร, ร.23 โคราช (นำโดยพันเอกเรวัต บุญทับ , และ ร.6 อุบลฯ มาสมทบ
การเข้าตีเนิน 382 และภูเขาอีก 2 ลูก เป็นการเข้าตีโดย 3 กรม ซึ่งมีพลเอกอิสรพงษ์ หนุนภักดี มาควบคุมบัญชาการด้วยตนเองถึงแนวหน้า
ในการเข้าตีพันตรีพิเชษฐ์ วิสัยจร (ยศ ณ ขณะนั้น ) ซึ่งเป็นทหารเสือราชินี สั่งให้ใช้เครื่องฉีดไฟและเครื่องยิงระเบิดเพลิงโจมตีฐานที่มั่นของเวียดนามทำให้เกิดไฟ ลามใหญ่โต
ทหารเวียดนามไม่ยอมยกธงจึงมีการป้องกันที่แข็งแกร่ง โดยนำซีเมนต์ขึ้นมาทำบังเกอร์ และวางกับระเบิดตะปูหนามนับร้อยลัง และทุ่น ระเบิดรถถังกว่า 100 ลูก ซึ่งทหารไทยขุดพบได้ 93 ลูก
ในศึกนี้ท่าน (พันเอก พิมุข) เล่าว่ามีการปะทะกัน 5 ครั้ง ครั้งแรกใช้ปืนเล็ก แต่หลังจากนั้นก็มีการยิงปืนใหญ่ รวมถึงอาวุธทุกชนิดยิงเข้ามา
ทหารพรานไทย
ร.16 ยโสธรเคยแตกเพราะโดนปรส. ยิง ถล่ม.
หลังจากนั้น ร.6 เข้าสู้รบกับเวียดนามนานถึง 6 เดือนจนสามารถตีแตกได้ โดยใช้ทั้งการฉีดไฟ การระเบิดเพลิงและการเข้าตีจนฐานไม่เหลือซาก
ในการรบนี้ไม่ได้แค่ทหารไทยแท้ท่านกล่าวเสริมว่ามีทหารพรานจู่โจมจากจังหวัดเลย ซึ่งเคยเป็นคอมมิวนิสต์ที่กลับใจมาร่วมรบด้วย มีเสียชีวิต 1 นาย บาดเจ็บ 3 นาย
การเข้าตีครั้งสุดท้ายทางพลเอกอิสรพงษ์ หนุนภักดีสั่งให้เข้าตีแบบแตกหัก ห้ามถอยแม้แต่ก้าวเดียว และต้องยึดให้ได้
เมื่อเสร็จสิ้นการวางแผนทหารไทยจึงบุกเต็มแรงม้า ส่วนทหารเวียดนามก็ปล่อยให้ทหารไทยเข้ามาในที่มั่น แล้วจุดพลุ 3 ดอกเป็นสัญญาณให้ยิงถล่มด้วยอาวุธทุกชนิด ทำให้รองผู้พันคือพันตรีพิเชษฐ์
วิสัยจร บาดเจ็บกระดูกแตกหลายแห่ง เช่น มือ แขน เข่า และ หลัง จากรบที่ดุเดือด ชัยชนะตกเป็นของทหารเวียดนามเพราะพวกเขาได้เปรียบจากการอยู่บนที่สูงและมีที่มั่นที่ดีกว่า
พลเอก พิเชษฐ์ วิสัยจร
ในวันรุ่งขึ้น พลเอกอิสรพงษ์มาเยี่ยมทหารไทยและถามว่าข้าศึกอยู่ห่างจากเราเพียง 200 เมตร ทำไมยังยึดไม่ได้ พันเอกพิมุขแนะนำให้ "ขุด" เข้าไปหาศัตรู ซึ่งพลเอกอิสรพงษ์เห็นด้วยและเรียกว่า "ยุทธการป้อมค่าย"ในเวลาต่อมา
มีการสั่งให้ขุดคูเลตหาศัตรูให้เสร็จภายใน 3 วัน, 2 วัน, หรือแม้แต่ 1 วัน โดยให้มีกำลังพลมาช่วยขุดดิน ขนดินใส่ถุงทราย และ ทำหลังคา
มีการทำงานทั้งกลางวันและกลางคืนแทบจะไม่มีวันพักผ่อน กลางวันใช้เวลาโค่นต้นไม้ในป่าเพื่อทำเครื่องกีดขวางสำหรับวางระเบิด ส่วนกลางคืนใช้เวลาขุดคูเลตให้เสร็จ
ในที่สุดทหารเวียดนามก็เริ่มถอนกำลัง เพราะ ทหารไทยสามารถมองเห็นเนินถัดไป และเข้าใกล้ศัตรูได้มากพอที่จะยิงต่อสู้กันจนฝ่านเราได้เปรียบมากขึ้น
หลังจากนั้นมีการนำรถไถขึ้นไปไถพื้นที่จนเตียน เพื่อนำรถถัง 5 คันขึ้นไปและมีการสร้างบังเกอร์สำหรับให้รถถังยิงทหารเวียดนาม พันเอก พิมุขต้องขึ้นไปคุมรถไถด้วยตัวเอง เนื่องจากคนขับใจไม่กล้าพอ
ลายพรางทหารไทยสมัยสงครามช่องบก
ไม่ได้มีแค่รถไถบนภาคพื้น ทางอากาศยังมีเครื่องบินขับไล่ F-5 บินมาทิ้งระเบิดเพื่อขับไล่ทหารข้าศึกออกจากแผ่นดินไทย นักบินที่ขับ F-5 โจมตีข้าศึกที่ช่องบกนับว่ากล้าหาญชาญชัยไม่แพ้ทหารบนภาคพื้น บางท่านที่ทำหน้าที่ในวันนั้นก็มีไปเป็นนักบิน F-16 บางท่านก็ลาออกจากราชการทหารอากาศไปแล้ว แต่คุณงามความดีที่เคยสร้างไว้จากการรบที่ช่องบกยังคงเป็นเรื่องเล่าขานที่เล่ากันมารุ่นต่อรุ่น
หลังจากรบมา 2 ปี สงครามช่องบกก็ได้จบลง ทหารไทยทุกท่านก็กระโจนเข้าสู้สงครามบ้านร่มเกล้า ไม่ว่าจะสงครามช่องบกที่ใดในโลก มักจะมีคนหนึ่งเป็นวีรบุรุษปกป้องชาติ แม้จะไม่ได้มีพลังวิเศษเหมือนในหนัง แต่ก็มีอาวุธปืนที่พร้อมจะปะทะศัตรู ต่อให้ร่างกายนี้ต้องตายก็ไม่เสียดายเลยแม้แต่น้อยเพื่อปกป้องประเทศให้ปลอดภัย
เรื่องราวของทหารไทยทุกท่านอาจเป็นบทเรียนให้เราเห็นถึงความสามัคคีและกระตุ้นให้เราคำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง มากกว่าจะเอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่ แม้สถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบันจะดุเดือดมากน้อยเพียงใด แม้จะแตกแบกด้วยทางความคิดเรื่องการเมือง ขอให้ท่านอย่าลืมว่าขณะนี้แผ่นดินไทยกำลังมีปัญหาเรื่องชายแดนกับกัมพูชา ผู้เขียนก็ขอให้ทุกท่านหันมาร่วมใจกันช่วยปกป้องแผ่นดินไทยเพื่อลูกหลานเรา เคียงคู่กับทหารไทย ในฐานะคนไทยด้วยกันเอง สำหรับวันนี้ขอลาไปก่อน สวัสดีครับ
Credit บทความและภาพประกอบ
ก.แจ็ค ร่มเฟือง
รอน เทิดพงศ์ Official
Wassana Nanuam
Thai PBS
โคตรทหาร
อาจารย์หนุ่ม พลตรี ศนิโรจน์ ธรรมยศ
เรียบเรียงบทความ : จ่าหวาน เกรียงไกร
บันทึก
1
2
1
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย