Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
กุ้ยหลิน
•
ติดตาม
เมื่อวาน เวลา 09:50 • ประวัติศาสตร์
ขุนโจรเหลียงซาน 264 อวสานฟางล่า
ราชบุตรเขยเคอ 柯驸马 นำทหารออกมาหน้าถ้ำปังหยวน แล้วแปรขบวนตั้งค่ายพยุหะ
ซ่งเจียงตั้งค่ายอยู่หน้าถ้ำมาหลายวัน คิดถึงว่าพาเหล่าพี่น้องมารบครั้งนี้ เสียไปแล้วสองในสามส่วน ฟางล่าก็ยังไม่ได้ตัว ทหารฝ่ายใต้ก็ไม่ยอมออกรบ นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ ทหารมารายงานว่า
“มีกองทัพออกจากถ้ำมาท้ารบ”
ซ่งเจียง หลูจวิ้นอี้ สั่งให้ทหารเตรียมพร้อมแล้วนำทัพออกมาแปรขบวนค่ายพยุหะ มองไปทางทัพฝ่ายใต้ เห็นราชบุตรเขยเคอยืนม้าอยู่หน้าขบวน
ทหารในค่ายซ่งเจียง มีใครไม่รู้จัก ไฉจิ้น ?
ซ่งเจียงสั่งให้ฮวาหยงออกรบ ฮวาหยงรับบัญชาถือทวนขี่ม้าขึ้นหน้าตะโกนเสียงดังว่า
“เจ้าเป็นใคร บังอาจช่วยโจรขบถ ต่อต้านกองทัพสวรรค์ หากข้าจับเจ้าได้จะสับเป็นหมื่นท่อนให้กลายเป็นเนื้อบด รีบลงม้ายอมจำนน ข้าจะละเว้นชีวิตให้”
ราชบุตรเขยเคอตอบว่า “ข้าเคอหยิ่นคนซานตง มีใครไม่รู้จัก พวกเจ้าแค่โจรไพร่หนองเหลียงซาน มีอะไรน่าพูดถึง ข้าไม่ใช้วิธีสกปรกอย่างพวกเจ้า จะฆ่าพวกเจ้าให้หมดทุกคน ชิงเอาเมืองคืน นี่คือเจตนาของข้า”
ซ่งเจียง หลูจวิ้นอี้ฟังคำไฉจิ้น ก็เข้าใจความ อักษร “ไฉ 柴” ไม้ เปลี่ยนเป็น “เคอ 柯” ด้ามไม้ อักษร “จิ้น 进” เปลี่ยนเป็น “หยิ่น 引” นำเข้า เหมือนกัน
อู๋ย่งว่า “ดูฮวาหยงรบกับเขา”
ฮวาหยงชูทวนโผนม้าเข้ารบเคอหยิ่นหลายเพลงจนได้จังหวะประชิดกัน ไฉจิ้นกล่าวเสียงเบาว่า
“ท่านพี่แกล้งแพ้ วันหน้าค่อยคุยกัน”
ฮวาหยงรบต่ออีกสามเพลง แล้วชักม้าหนี เคอหยิ่นตะโกนไล่หลังว่า
“ขุนพลขี้แพ้ ข้าไม่ไล่เจ้า มีใครเก่งอีก ก็ออกมารบกับข้า”
ฮวาหยงควบม้ากลับไปถึงเล่าให้ซ่งเจียง หลูจวิ้นอี้ฟัง
อู๋ย่งว่า “ให้กวนเสิ้งออกรบอีกคน”
กวนเสิ้งรำง้าวมังกรเขียว ควบม้าตะโกนว่า “ขุนพลกระจอกซานตง กล้าสู้กับข้าไหม”
เคอหยิ่นชูทวนเข้ารบ สู้กันไม่ทันห้าเพลง กวนเสิ้งชักม้าหนีกลับกระบวน เคอหยิ่นก็ไม่ไล่ตามยืนตะโกนอีกว่า
“ทัพซ่งมีคนเก่งก็ส่งมาสู้กัน”
ซ่งเจียงให้จูถงออกรบตบตา
จูถงเข้าสู้กับเคอหยิ่นได้เจ็ดเพลง ก็ชักม้าหนี เคอหยิ่นไล่ตามเอาทวนแทง จูถงทิ้งม้าวิ่งหนีกลับ ทหารฝ่ายใต้ไล่จับม้าดีของจูถงไว้ได้ ราชบุตรเขยเคอเร่งทหารเข้าโจมตีทัพซ่ง ซ่งเจียงสั่งถอยหนีมาสิบลี้แล้วตั้งค่ายลง ราชบุตรเขยเคอถอยทัพกลับเข้าถ้ำ
มีรายงานมาถึงฟางล่าก่อนแล้วว่า
“ราชบุตรเขยเคอห้าวหาญ รบชนะขุนพลซ่งถึงสามนาย พวกซ่งเจียงแตกทัพหนีกลับไปตั้งหลักไกลสิบลี้”
ฟางล่าชอบใจยิ่งสั่งให้เตรียมสุราอาหารรอราชบุตรเขย แล้วอนุญาตให้สวมเกราะเข้ามารับพระราชทานเลี้ยงในวังหลัง ฟางล่าชูจอกทองว่า
“ไม่คิดว่า ฟู่หม่าจะเก่งรอบตัวทั้งบุ๋นบู๊ กว่าเหยินรู้เพียงว่าเขยรักปราดเปรื่องเรื่องอักษร หากรู้ว่าแกล้วกล้าห้าวหาญปานนี้ คงไม่ต้องเสียไปหลายหัวเมือง คงต้องให้ฟู่หม่าใช้ความสามารถ สังหารพวกโจร ฟื้นฟูรากฐานบ้านเมืองใหม่ ร่วมกับกว่าเหยินเสพสมบัติพัสถานอันมั่งคั่งสุขสันติหาใดเปรียบ”
เคอหยิ่นว่า “ฝ่าบาทโปรดวางพระทัย กระหม่อมจะทุ่มเทสุดความสามารถเพื่อตอบแทนพระคุณ ฟื้นฟูราชบัลลังก์ วันพรุ่ง ขอเชิญเสด็จขี้นเขาทอดพระเนตรเคอหยิ่นสังหารพวกซ่งเจียง”
ฟางล่าชอบใจยิ่งนัก คืนนั้นดื่มกินจนดึก จึงแยกย้ายไปเข้านอน
เช้าวันรุ่งขึ้น ฟางล่าออกท้องพระโรง สั่งให้ล้มม้าและวัวจัดอาหารให้เหล่าทหารกินจนอิ่มหนำ แล้วจึงสวมเกราะขึ้นม้าออกมาหน้าถ้ำ โบกธงรัวกลองท้ารบ ส่วนฟางล่านำมหาดเล็กและขุนนางใกล้ชิดขึ้นยอดเขาถ้ำปังหยวน รอชมราชบุตรเขยออกรบ
ทางด้านซ่งเจียงกำชับเหล่าขุนพลว่า
“การรบในวันนี้สำคัญต่างจากวันก่อนหน้า พวกท่านต้องจำไว้ว่า ให้จับเป็นฟางล่า อย่าได้สังหาร คอยสังเกตไฉจิ้นกลางทัพฝ่ายใต้ หากชักม้าหันกลับเมื่อไร ให้บุกเข้าถ้ำตามจับฟางล่า อย่าให้ผิดพลาด”
ทหารทั้งสามเหล่ารับบัญชา ต่างกระเหี้ยนกระหือรืออยากรีบเข้าถ้ำไปตามจับฟางล่ามาเป็นผลงาน
ซ่งเจียงนำเหล่าขุนพลมาถึงหน้าถ้ำ ให้ทหารแปรกระบวน แล้วมองไปเห็นเคอหยิ่นยืนม้าอยู่ใต้ธงอิสริยยศพร้อมออกรบ
ราชนัดดาฟางเจี๋ยว่า “ท่านตูเว่ยโปรดรอก่อน ขอให้ผู้แซ่ฟางได้สังหารขุนพลซ่งเป็นประเดิมสักคนก่อน แล้วท่านตูเว่ยค่อยออกศึก”
ทหารซ่งแลเห็นเอี้ยนชิงยืนอยู่ด้านหลังไฉจิ้น ต่างนึกยินดีว่า
“วันนี้คือวันที่แผนสัมฤทธิ์ผล”
หลานหลวงฟางเจี๋ยชิงออกหน้ามาท้ารบ กวนเสิ้งรำง้าวมังกรเขียวเข้าสู้ด้วย ไม่ถึงสิบเพลง ซ่งเจียงให้ฮวาหยงออกรุมรบ ฟางเจี๋ยไม่สะทกสะท้าน รบหนึ่งต่อสองไปอีกหลายเพลง แต่ตกเป็นฝ่ายรับได้แต่ปัดป้อง ซ่งเจียงส่งหลี่อิ้ง จูถงมาอีกสองคน ฟางเจี๋ยถูกรุมสี่ จึงชักม้าหนีกลับกระบวน
เคอหยิ่นยืนม้าอยู่ใต้ธงอิสริยยศ ยกมือกวักเรียก กวนเสิ้ง ฮวาหยง จูถง หลี่อิ้ง สี่ขุนพลรีบควบม้าข้ามมา ราชบุตรเขยเคอชูทวนเหล็กควบม้าเข้าหาฟางเจี๋ย ฟางเจี๋ยเห็นท่าไม่ดี ทิ้งม้าลงวิ่งหนีแต่ไม่ทัน เคอหยิ่นไฉจิ้นมาถึงแทงทวนใส่ หยุนเฟิ่งเว่ยเอี้ยนชิง 云奉尉燕青 วิ่งมาถึง ฟันซ้ำด้วยดาบจบชีวิตฟางเจี๋ย ทหารฝ่ายใต้ตกตะลึง แล้วพากันวิ่งหนี
ราชบุตรเขยเคอตะโกนลั่นว่า “ข้าไม่ใช่เคอหยิ่น ข้าคือไฉจิ้น พายุหมุนน้อยขุนพลเอกของท่านแม่ทัพซ่ง หยุนเฟิ่งเว่ยผู้ติดตามคือ คนเสเพลเอี้ยนชิง ข้าล่วงรู้ตื้นลึกหนาบางของถ้ำสิ้นแล้ว หากใครจับตัวฟางล่าได้ จะได้รับพระราชทานยศถาบรรดาศักดิ์ เหล่าทหารที่ยอมจำนนโดยดี จะได้รับยกเว้นโทษประหาร ผู้ใดขัดขืนประหารสิ้นทั้งครอบครัว”
กล่าวจบนำสี่ขุนพลและทัพใหญ่บุกเข้าในถ้ำ
ฟางล่าพร้อมมหาดเล็กและขุนนางใกล้ชิดอยู่บนยอดเขา เห็นฟางเจี๋ยถูกสังหาร เหล่าทัพเกิดโกลาหล รู้ว่าเสียรู้แล้ว เตะเก้าอี้นั่งทิ้งแล้วรีบหนีเข้าไปในเขาลึก
ซ่งเจียงแบ่งทัพเป็นห้าสายเข้าค้นในถ้ำล่าตัวฟางล่า ไม่รู้ว่าฟางล่าหนีเข้าเขาลึกไปแล้ว เอี้ยนชิงพาคนสนิทเข้าไปขนสมบัติในคลังได้สองหาบ แล้วจัดการเผาวังชั้นในทิ้ง ไฉจิ้นเข้าไปยังวังบูรพา เห็นองค์หญิงจินจือผูกคอตายไปแล้วจึงสั่งเผาไปพร้อมกับวัง เหล่าขุนพลเข้าค้นในวังหลวง สังหารนางสนมกำนัล มหาดเล็กองครักษ์ พระญาติทุกสาแหรก ยึดทรัพย์ที่ค้นได้ทั้งหมด
หยวนเสี่ยวชีเข้าค้นในวังพบหีบใส่เครื่องทรงจักรพรรดิที่ฟางล่าทำเลียนแบบขึ้นครบชุดทั้งมงกุฎยอดราบมีพู่หน้าหลัง ชุดมังกร เข็มขัดหยก หยวนเสี่ยวชีเห็นเครื่องทรงประดับอัญมณีมากมายทั้งมีลายหงส์มังกร นึกสนุกจึงนำมาสวมเต็มยศ โดดขึ้นม้าถือแส้ควบไปทั่ว เหล่าทหารคิดว่าฟางล่า ไล่ตามจับพอเห็นว่าเป็นหยวนเสี่ยวชีก็พากันหัวเราะขำ
แต่มีคนไม่ขำด้วย ขุนพลใหญ่หวางปิ่ง 王禀 เจ้าถาน 赵谭 ที่มาจากเมืองหลวงพร้อมกับถงซูมี่ เข้าถ้ำมาล่าตัวฟางล่าด้วย ได้ยินเอะอะกันว่าจับฟางล่าได้ จึงพากันมาดู พอเห็นว่าเป็นหยวนเสี่ยวชีทรงเครื่องพร้อมมงกุฎผิงเทียนก้วน 平天冠 (มงกุฎฮ่องเต้) เล่นสนุกอยู่ก็ด่าว่า
“เจ้าหมอนี่คงคิดจะเลียนแบบฟางล่า ถึงแต่งตัวแบบนี้”
หยวนเสี่ยวชีโกรธจัด ชี้หน้าหวางปิ่ง เจ้าถานแล้วว่า
“แกสองคน มีนกเขาไร ถ้าไม่ใช่เพราะซ่งกงหมิงพี่ข้า เจ้าลาโง่สองตัวคงถูกฟางล่าสับไปแล้ว วันนี้พวกพี่น้องของข้าสร้างผลงานใหญ่ กลับคิดมาข่มเหงกัน ราชสำนักไม่รู้ อาจคิดว่าเป็นผลงานของสองขุนพลใหญ่”
หวางปิ่ง เจ้าถานโมโหจะเข้ามาเล่นงานหยวนเสี่ยวชี หยวนเสี่ยวชีชิงทวนจากทหารแล้วควบเข้ามาแทงหวางปิ่ง ฮูหยันจว๋อรีบควบม้ามาขวาง ทหารรายงานไปยังซ่งเจียง ซ่งเจียงรีบมาถึง เห็นหยวนเสี่ยวชีแต่งชุดจักรพรรดิ จึงตวาดสั่งให้ลงจากม้าถอดชุดทิ้ง แล้วกล่าวขอโทษขอโพยหวางปิ่ง เจ้าถาน แม้กระนั้นทั้งสองก็ยังคุมแค้น จดจำเอาไว้ในใจ
ซ่งเจียงบุกถ้ำปังหยวนในวันนั้น สังหารทหารฟางล่าไปสองหมื่นกว่าคนจนเลือดนองเป็นท้องธาร ทั้งยังสั่งเผาหอวังตำหนักสวนที่ฟางล่าสร้างไว้จนหมดสิ้น
黄屋朱轩半入云,涂膏衅血自欣欣。
若还天意容奢侈,琼室阿房可不焚。
อาคารเหลืองศาลาแดงแทงเสียดเมฆ
สร้างสรรเสกจากเลือดเนื้องามโอ่อ่า
ความฟุ้งเฟ้อหากสวรรค์ทรงฉันทา
เพลิงคงหาเผาผลาญเออผางกง
(เออผางกง 阿房宫 พระราชวังของจักรพรรดิจิ๋นซี 秦始皇帝)
ซ่งเจียงกลับออกมาตั้งค่ายที่ปากถ้ำ ตรวจรายชื่อเชลยที่จับไว้ได้ มีเพียงฟางล่าที่ยังจับตัวไม่ได้ จึงออกประกาศยังราษฎรโดยทั่วไป หากผู้ใดจับฟางล่าได้ จะทูลราชสำนักให้อวยยศถาบรรดาศักดิ์ หากผู้ใดให้เบาะแสจับกุมเป็นคนแรก จะได้รับรางวัลอย่างงาม
กล่าวฝ่ายฟางล่าหนีจากยอดเขาเข้าไปในดงดอย ถอดเครื่องทรงทิ้งแต่งตัวเป็นสามัญชน หนีตลอดคืนข้ามเขามาห้าลูก จนมาถึงอารามมุงหญ้าในหลืบเขาแห่งหนึ่ง จึงจะเข้าไปขอข้าวกิน พลันมีสงฆ์ร่างอ้วนใหญ่ออกมาจากหลังดงสน ใช้ไม้เท้าหวดใส่จนล้มแล้วจับมัดเชือก สงฆ์นั้นคือหลู่จื้อเซิน พาเข้าอารามไปหากินจนอิ่มแล้วออกจากดอย พบทหารที่มาตระเวนหา จึงพากันกุมตัวมาพบซ่งเจียง
ซ่งเจียงเห็นว่าจับฟางล่าได้ชอบใจยิ่ง ถามว่า
“อาจารย์เรา ไปมาอย่างไรจึงได้ตัวฟางล่า”
หลู่จื้อเซินว่า “ส่าเจียไล่ตามเซี่ยโหวเฉิงจากดงหมื่นสน สันมังกรดำเข้าไปในป่าลึก ฆ่าพวกโจรได้หมดแต่หลงทางอยู่กลางป่า ลัดเลาะไปมาจนถึงทุ่งกว้างงดงามแห่งหนึ่งพบภิกษุชรารูปหนึ่ง นำทางส่าเจียมายังอารามมุงหญ้าแล้วบอกว่า
“ฟืนผักข้าวสารมีครบ รออยู่ที่นี่ จะมีชายร่างใหญ่ออกมาจากดงสนลึก ให้จับตัวไว้”
เมื่อคืนเห็นแสงไฟไหม้จับขอบฟ้าอยู่ตลอดคืน แต่ไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหนในป่า พอถึงเช้า ก็เห็นโจรผู้นี้ปีนเขามา จึงใช้ไม้เท้าฟาดล้มแล้วจับมัดไว้ ไม่คิดว่าจะเป็นฟางล่า”
ซ่งเจียงถามว่า “ภิกษุชรารูปนั้น ตอนนี้อยู่ที่ใด”
หลู่จื้อเซินว่า “ภิกษุชรารูปนั้นพาสงฆ์ผู้น้อยมาถึงอารามบอกเรื่องเสบียงมีพร้อม แล้วไม่รู้หายไปไหน”
ซ่งเจียงว่า “ดูท่าจะเป็นพระอรหันต์มาสำแดงตนให้อาจารย์เราได้สร้างผลงานใหญ่ กลับไปถึงกรุงสึกเป็นฆราวาส อวยยศศักดิ์รับเมียพระราชทาน เชิดชูเป็นศรีแก่วงศ์ตระกูล”
หลู่จื้อเซินว่า “ส่าเจียเฉยชาต่อลาภยศเสียแล้ว ไม่หวังรับราชการเป็นขุนนาง ขอเพียงสถานที่สุขสงบ อยู่อย่างพอเพียงกว่าสิ้นอายุขัย”
ซ่งเจียงว่า “อาจารย์เราไม่ยอมสึกเป็นฆราวาส กลับถึงกรุงก็ยังไปเป็นเจ้าอาวาสพระอารามหลวง เป็นเกียรติแก่วงศ์ตระกูลได้เช่นกัน”
หลู่จื้อเซินสั่นศีรษะตะโกนว่า “ไม่เอาทั้งนั้น มีไปก็ไร้ค่า ขอเพียงร่างมีสังขารครบ ก็ประเสริฐแล้ว”
ซ่งเจียงได้ฟังก็เงียบงันไป แต่ไม่ค่อยชอบใจนัก สั่งให้จับตัวฟางล่าใส่รถนักโทษเพื่อนำส่งกรุงถวายโอรสสวรรค์ แล้วให้เลิกค่ายจากหน้าถ้ำปังหยวน กลับมายังเมืองมู่โจว
จางเจาเถ่า หลิวตูตู ถงซูมี่ ฉงชานโหมว เกิ่งชานโหมว ขุนนางใหญ่จากเมืองกรุงที่มากำกับราชการศึกฟางล่าครั้งนี้ มารวมตัวกันที่มู่โจวทั้งสิ้น พอซ่งเจียงจับตัวฟางล่าได้พามาถึงมู่โจว ต่างก็มาแสดงความยินดีที่ได้สร้างผลงานใหญ่
จางเจาเถ่าว่า “ท่านขุนพลต้องลำบากตรากตรำอยู่ชายแดน สูญเสียพี่น้องไปหลายคน แต่ในที่สุดก็ประสบความสำเร็จ เป็นโชคอันยิ่งใหญ่”
ซ่งเจียงคารวะแล้วร่ำไห้ว่า “แต่แรกเริ่มมีอยู่ด้วยกันหนึ่งร้อยแปดคน ปราบเหลียวคืนกรุง ไม่มีพี่น้องหายหน้าแม้สักคน แรกสุดกงซุนเสิ้งมาขอลา ทางเมืองหลวงขอตัวไว้ใช้งานอยู่หลายคน พอข้ามน้ำมาปราบหยางโจว ต้องเสียพี่น้องไปถึงเจ็ดในสิบส่วน ถึงแม้ซ่งเจียงจะอยู่รอด แต่ไม่มีหน้าไปพบพ่อเฒ่าที่ซานตง ทั้งเครือญาติที่บ้านเกิด”
จางเจาเถ่าว่า “ท่านขุนพลอย่าได้กล่าวเช่นนั้น โบราณว่า อันโชคลาภวาสนา เป็นผลกรรมแต่ปางก่อน อายุขัยสั้นหรือยาว เป็นชะตาลิขิตไว้
贫富贵贱,宿生所载;寿夭短长,人生分定。
กล่าวกันว่า ผู้มีวาสนาส่งผู้ไร้วาสนา ไยต้องละอายที่สูญเสียแม่ทัพนายกองไป ความสำเร็จอันสำคัญนี้ ล่วงรู้ถึงราชสำนัก จักต้องมอบหมายหน้าที่สำคัญ
封官赐爵,光显门闾,衣锦还乡,谁不称羡!
อวยยศศักดิ์สูงเป็นขุนนาง
สร้างซุ้มประตูเชิดชูวงศ์
ฐานะสูงส่งคืนบ้านเกิด
ผู้คนต่างเทิดทูนสรรเสริญ
อย่าได้วิตกกังวล พึงนำทัพกลับเถิด”
จางเจาเถ่าให้นำบรรดาเชลยขุนนางไปประหารกลางตลาด เว้นแต่ฟางล่าให้นำตัวส่งเมืองหลวง บรรดาหัวเมืองที่เหลือของฟางล่า ส่วนหนึ่งสวามิภักดิ์ ส่วนหนึ่งผู้ปกครองหลบหนี ล้วนได้กลับคืนสู่ขอบขัณฑสีมาสิ้น
ตอนก่อนหน้า : หลี่จวิ้นสวามิภักดิ์
https://www.blockdit.com/posts/685e68f59559cc886ccdc435
ตอนถัดไป : พบนทีแล้วร้าง
1 บันทึก
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ขุนโจรเหลียงซาน ภาคจบ (ซ้องกั๋ง 20 ตอนสุดท้าย)
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย