4 ก.ค. เวลา 10:55 • ความคิดเห็น
1. เมื่อปี 2485 ประเทศไทยบ้านเรา ก็เคยมีพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย มีคุณพิชิต ณ สุโขทัย หรือพายัพ อังคะสิงห์ เป็นเลขาธิการพรรค พรรคนี้มีบทบาทในการต่อต้านการรุกรานของญี่ปุนในไทย สมัยสงครามโลกครั้งที่สอง โกโบรินั่นไงคะ จนมาสิ้นสุดลงในสมัยนายธานินทร์ฯ ที่มีนโยบายปราบปรามคอมมิวนิสต์อย่างรุนแรง และแทนที่ด้วยรัฐบาลอดีตนายกฯ เกรียงศักดิ์ และรัฐบาลอดีตนายกฯ เปรม ที่ดำเนินนโยบายปรองดองภายในชาติ และนโยบายการเมืองนำการทหาร ทำให้ผู้เข้าร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์ถอนตัวออกจากป่า และกลับเข้าสู่เมืองอย่างเงียบสงบ
2. หากจะให้เข้าใจภาพของระบอบคอมมิวนิสต์ ก็ให้ดูจากการบริหารงานของบริษัททั่วไป ซึ่งผู้ทำหน้าที่บริหาร จะมีอำนาจเต็มในการบริหารกิจการ แต่แม้กระนั้น ก็ยังจะต้องบริหารให้อยู่ภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวกับการดำเนินกิจการ อาทิ กม.แพ่งพาณิชย์ กม.ภาษี กม.แรงงาน กม.อาญาที่เกี่ยวกับเช็คและตราสารทางการเงิน กม.อากรสแตมป์ etc.
ผู้บริหารที่มีอำนาจเต็มในการบริหารจัดการ อาจทำหน้าที่ทั้ง 2 ตำแหน่งคือเป็นทั้งเจ้าของ และกรรมการผู้จัดการ (ซึ่งเปรียบเสมือนเลขาธิการพรรค ที่มีอำนาจสูงสุดที่อยู่บนยอดปิรามิด)
กรรมการผู้จัดการ มีอำนาจในการสั่งหันซ้ายหันขวา สั่งให้ว่าจ้างเด็กเส้นก็ได้ สั่งให้ไล่คนออกก็ได้ คนอื่นๆในบริษัท ที่มีหน้าที่รับลูก จะต้องจัดการให้แยบคายที่สุด เท่าที่จะสามารถจัดการได้ โดยไม่ให้กระทบต่อบารมีหรือชื่อเสียงในความร้ายกาจ เด็ดขาด ใจดำ! ของผู้ที่อยู่บนยอดปิรามิด นี่คือเรื่องจริงจากประสบการณ์ทำงาน
ดังนั้น คนรุ่นใหม่ที่พยายามจะเรียกร้อง
ประชาธิปไตย และความเท่าเทียมในที่ทำงาน
ขอได้โปรดทำความเข้าใจว่า
ทุกองค์กรไม่มีระบอบประชาธิปไตย
มันเป็นแต่เพียงเปลือกที่จะโฆษณาชวนเชื่อ
เพื่อให้อยากมาร่วมงานกับองค์กร ก็เท่านั้นเอง
..................
แต่สำหรับประเทศชาติ เป็นคนละเรื่องกัน
เพราะจุดเริ่มต้นของมันก็คือ หลัก Human
นั่นคือ การเคารพความคิดเห็มของทุกคน
ผ่านระบบ Voting
.........................................
หากอยากให้เราเล่าเรื่องพัฒนาการการปกครองจีน
คุณอาจต้องขึ้นกระทู้ใหม่ เกรงเราจะเล่ายาวไป
1
โฆษณา