Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ชื่อนั้นสำคัญฉะนี้ by น้าไก่
•
ติดตาม
4 ก.ค. เวลา 14:16 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
ซอย ลาดกระบัง 54
EP.3 J. Robert Oppenheimer: อัจฉริยะขี้อาย ผู้จุดไฟสงครามโลก
ชื่อนั้นสำคัญฉะนี้ EP.3 J. Robert Oppenheimer: อัจฉริยะขี้อาย ผู้จุดไฟสงครามโลก
สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่าน น้าไก่ขอเปิดรายการวันนี้ด้วยเรื่องราวของชายผู้เปลี่ยนโลกด้วยสมองและความขี้อายระดับตำนาน J. Robert Oppenheimer หรือที่ใครๆ เรียกกันว่า “บิดาแห่งระเบิดปรมาณู” วันนี้น้าไก่จะพาไปขุด-แงะ-แซะทั้งเรื่องย่อ เกร็ดเด็ด และเรื่องนอกจอที่รับรองว่าท่านผู้อ่านต้องร้องว้าวแน่นอน
เอาล่ะ ท่านผู้อ่านพร้อมหรือยัง? ถ้าพร้อมแล้ว ไปกันเลยกับเรื่องราวของอัจฉริยะที่ชีวิตจริงดราม่ากว่าซีรีส์เกาหลี!
เรื่องมันเริ่มที่อเมริกายุคสงครามโลกครั้งที่ 2 ตอนนั้นโลกกำลังเดือดปุดๆ เหมือนหม้อแกงร้อนๆ ฝ่ายสัมพันธมิตรอยากยุติสงครามให้ไว เลยตั้งโครงการลับสุดยอดชื่อว่า “แมนฮัตตันโปรเจกต์” แล้วก็ไปดึงตัว Oppenheimer นักฟิสิกส์ขี้อายแต่หัวไวจี๊ดมาเป็นหัวหน้าทีมสร้างระเบิดปรมาณู
Oppenheimer กับทีมวิทยาศาสตร์หัวกะทิรวมตัวกันที่ลอส อะลามอส รัฐนิวเม็กซิโก เพื่อสร้างอาวุธที่เปลี่ยนโลก ระเบิดลูกแรกถูกทดลองในวันที่ 16 กรกฎาคม 1945 เรียกกันว่า “Trinity Test” ผลคือระเบิดตูมเดียว โลกไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
หลังจากนั้นไม่นาน สหรัฐฯ ก็ใช้ระเบิดปรมาณูสองลูกที่ฮิโรชิมาและนางาซากิ ญี่ปุ่นยอมแพ้ สงครามโลกครั้งที่ 2 จบลง แต่ Oppenheimer กลับต้องเผชิญกับความรู้สึกผิดและคำถามในใจว่า “เราทำถูกไหม?” ชีวิตเขาเลยกลายเป็นดราม่าหนักกว่าเดิม
หนัง Oppenheimer กำกับโดย Christopher Nolan คนเดียวกับที่ทำ Inception และ The Dark Knight รอบนี้ Nolan จัดเต็มทั้งดราม่า จิตวิทยา และความระทึกขวัญแบบไม่ให้คนดูได้พักหายใจ ตัวหนังยาว 3 ชั่วโมง แต่รับรองว่าไม่มีใครหลับ เพราะแต่ละฉากคือความกดดันระดับระเบิดนิวเคลียร์
นักแสดงนำคือ Cillian Murphy รับบท Oppenheimer ได้เนียนเหมือนเกิดมาเพื่อเป็นนักฟิสิกส์ขี้อายโดยเฉพาะ มี Emily Blunt เป็นภรรยา, Matt Damon เป็นนายพลโกรฟส์, Robert Downey Jr. เป็น Lewis Strauss และยังมี Florence Pugh, Rami Malek, Kenneth Branagh โผล่มาเสริมทัพอีกเพียบ
เกร็ดที่น้าไก่ขุดมาได้คือ Oppenheimer ไม่ได้เก่งแค่ฟิสิกส์นะ ท่านผู้อ่านรู้ไหมว่าเขาพูดได้ถึง 6 ภาษา! กรีก ละติน ฝรั่งเศส เยอรมัน ดัตช์ และสันสกฤต แถมยังอินกับวรรณคดีอินเดียอย่าง “ภควัทคีตา” จนเอาคำพูดจากหนังสือเล่มนี้มาใช้หลังเห็นระเบิดลูกแรกว่า “บัดนี้ข้าพเจ้ากลายเป็นความตาย ผู้ทำลายล้างโลก”
Oppenheimer ยังเป็นคนแรกๆ ที่พูดถึง “หลุมดำ” ในจักรวาล ก่อนที่นักวิทยาศาสตร์ยุคหลังจะมาคอนเฟิร์มอีกที เรียกว่าคนนี้ไม่ได้มีดีแค่ระเบิด แต่ยังล้ำไปถึงอวกาศ
อีกเกร็ดที่น่าสนใจคือ Oppenheimer เป็นคนขี้อายมาก ตอนเด็กๆ โดนเพื่อนล้อบ่อยๆ เพราะชอบหมกตัวอ่านหนังสือ ไม่เล่นกีฬา ไม่ตามเทรนด์วัยรุ่น แต่พอพูดเรื่องวิทยาศาสตร์ทีไร เพื่อนๆ ถึงกับอึ้งในความฉลาดของเขา
ในหนังมีฉากที่ Oppenheimer ฉีดไซยาไนด์ใส่แอปเปิ้ลของอาจารย์เพราะโมโห แต่สุดท้ายก็เปลี่ยนใจไปหยิบออกก่อนจะมีใครกินเข้าไป เรื่องนี้มีบันทึกในประวัติจริงแต่ยังถกเถียงกันอยู่ว่าเกิดขึ้นจริงไหม แต่ก็สะท้อนความเป็นมนุษย์ที่มีทั้งด้านมืดและด้านสว่าง
เบื้องหลังการถ่ายทำก็ไม่ธรรมดา Nolan เลือกใช้ฟิล์ม IMAX 70 มิลลิเมตรทั้งภาพสีและขาวดำ เพื่อให้ได้อารมณ์สมจริงสุดๆ ฉากทดลองระเบิด Trinity ก็ถ่ายทำโดยไม่ใช้ CGI เลย ทีมงานสร้างเอฟเฟกต์ระเบิดจริงๆ ให้เหมือนกับที่เกิดขึ้นในปี 1945
อีกเรื่องที่น้าไก่ชอบมากคือ นักแสดงแต่ละคนต้องไปศึกษาบทบาทนักวิทยาศาสตร์จริงๆ บางคนถึงกับไปนั่งฟังเลคเชอร์ฟิสิกส์เพื่อให้เข้าใจบทบาทตัวเอง Nolan ยังเอาบทสนทนาจากเอกสารไต่สวนของวุฒิสภาสหรัฐฯ มาใช้ในหนังจริงๆ ด้วย
Oppenheimer ไม่ได้เป็นแค่ฮีโร่ เขายังถูกตราหน้าว่าเป็น “คนทรยศ” เพราะมีเพื่อนฝูงเกี่ยวข้องกับคอมมิวนิสต์ ช่วงหลังสงครามเขาถูกสอบสวนอย่างหนักจนชีวิตพังพินาศ กลายเป็นตัวอย่างของ “อัจฉริยะที่โลกไม่เข้าใจ”
ชีวิตรักของ Oppenheimer ก็ไม่ธรรมดา ท่านผู้อ่านรู้ไหมว่าเขาเคยมีแฟนเป็นจิตแพทย์ชื่อ Jean Tatlock ซึ่งมีบทบาทสำคัญในชีวิตเขา แต่จบลงด้วยโศกนาฏกรรมที่ยังเป็นปริศนาจนถึงทุกวันนี้
หลังจากสงคราม Oppenheimer กลายเป็นนักต่อต้านการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ เขาเตือนโลกถึงอันตรายของอาวุธที่เขาเองเป็นคนสร้างขึ้นมา ประโยคเด็ดของเขาคือ “พลังอำนาจอันยิ่งใหญ่ต้องมาพร้อมกับความรับผิดชอบอันใหญ่ยิ่ง” ฟังแล้วขนลุกเลยใช่ไหมท่านผู้อ่าน
น้าไก่ขอทิ้งท้ายด้วยเรื่องน่ารักๆ Oppenheimer เป็นคนรักสัตว์มาก วันหนึ่งเพื่อนจะจับเต่ามาทำอาหาร เขาถึงกับขอชีวิตเต่าตัวนั้น เพราะนึกถึงสิ่งมีชีวิตที่ตายจากการทดลองระเบิดของตัวเอง
สุดท้ายนี้ น้าไก่ขอสรุปว่า Oppenheimer คืออัจฉริยะที่ชีวิตเต็มไปด้วยความขัดแย้ง ทั้งความสำเร็จและความรู้สึกผิด ทั้งฮีโร่และปีศาจในสายตาคนรอบข้าง หนังเรื่องนี้ไม่ได้แค่เล่าเรื่องระเบิด แต่มันถามเราว่า “เราจะรับผิดชอบกับสิ่งที่เราสร้างขึ้นมายังไง?”
ขอบคุณท่านผู้อ่านที่อยู่กับน้าไก่จนจบ EP.3 วันนี้ ถ้าชอบเรื่องราวแบบนี้ อย่าลืมติดตาม “ชื่อนั้นสำคัญฉะนี้” ตอนต่อไป น้าไก่ขอลาไปก่อน สวัสดีจ้า!
นักวิทยาศาสตร์
วิทยาศาสตร์น่ารู้
วิทยาศาสตร์
บันทึก
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย