4 ก.ค. เวลา 15:10 • สุขภาพ

"รักแรกพบ" หรือแค่ "เขาตรงสเปก"

เมื่ออาการใจเต้นแต่แรกเห็น เป็นเรื่องการหลั่งของฮอร์โมนมากกว่าความรัก
เมื่อใครบางคนเดินผ่านแล้วหัวใจของคุณเต้นแรง มือเย็น เหงื่อซึม รู้สึกราวกับโลกหยุดหมุน หลายคนเรียกอาการนี้ว่า “รักแรกพบ” หรือ love at first sight แต่แท้จริงแล้ว นี่คือ “ความรัก” จริงหรือ? หรือเป็นเพียงกลไกทางร่างกายและจิตใจที่แปรปรวนชั่วขณะ?
“รักแรกพบ” คืออะไร มีอยู่จริงไหมในทางวิทยาศาสตร์เหตุการณ์แสนโรแมนติกที่คนสองคนมาประสบพบเจอกันโดยบังเอิญ แล้วต่างก็ตกหลุมรักอีกฝ่ายเพียงในชั่ววินาทีที่ได้มองตากัน อาจฟังดูเหมือนนิยายชวนฝัน แต่ก็มีหนุ่มสาวหลายคู่ที่ออกมายืนยันว่า เคยมีประสบการณ์รักแรกพบที่เกิดขึ้นกับตัวเองมาแล้ว
เรื่องราวของความรักที่ไม่น่าจะเป็นไปได้เช่นนี้ ชวนให้สงสัยว่าอารมณ์ความรู้สึกที่ลึกซึ้งจะเกิดขึ้นอย่างฉับพลันกับคนเราได้หรือไม่ หลักการทางวิทยาศาสตร์อธิบายอย่างไร เพื่อพิสูจน์ว่ารักแรกพบนั้นเป็นของจริงแท้หรือเพียงภาพลวงตา
รักหรือใคร่ ?
นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยรัตเจอร์สของสหรัฐฯ ชี้ว่าความรักสามารถแบ่งย่อยออกได้เป็นอารมณ์ความรู้สึกสามประเภทในสามช่วงเวลา ได้แก่ราคะ (lust) หรือความต้องการทางเพศ, ความรู้สึกดึงดูดใจ (attraction), และความผูกพันยึดติด (attachment)
อารมณ์ทั้งสามประเภทนี้ผสมปนเปในสัดส่วนที่แตกต่างกัน แต่ก็มีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงและส่งเสริมกันและกัน โดยจะค่อย ๆ มีพัฒนาการจากราคะไปสู่ความผูกพัน จนสามารถประกอบสร้างขึ้นมาเป็นรักแท้ได้ในที่สุด
ฮอร์โมนเพศ เอสโตรเจนและเทสโทสเตอโรน ซึ่งควบคุมโดยสมองส่วนอะมิกดาลาที่เป็นศูนย์ควบคุมอารมณ์ความรู้สึก ทำให้คนเราเกิดความใคร่หรือความต้องการทางเพศขึ้นได้ ส่วนความรู้สึกดึงดูดใจที่มีต่อเพศตรงข้าม ถูกควบคุมโดยศูนย์การให้รางวัลและความเครียดในสมอง โดยมีสารสร้างความสุขโดพามีน, ฮอร์โมนนอร์อะดรีนาลีน, และฮอร์โมนความเครียดคอร์ติซอลเป็นสารสื่อประสาท สำหรับความรู้สึกผูกพันยึดติดนั้น ฮอร์โมนออกซิโทซินและวาโซเพรสซินจะเข้ามามีบทบาทอย่างมาก
การเห็นใครบางคนที่ “ตรงสเปก” จึงเป็นเหมือนการกระตุ้นให้สมองปล่อยฮอร์โมนเหล่านี้ออกมาในทันที ร่างกายตอบสนองด้วยอาการใจเต้นแรง จนเราหลงคิดว่าเป็น “ความรัก” ทั้งที่จริง อาจยังไม่รู้จักเขาดีพอด้วยซ้ำ
ด้วยเหตุนี้ นักวิทยาศาสตร์จึงมองว่ารักแรกพบนั้นยังไม่ใช่อารมณ์ความรู้สึกของรักแท้ แต่เป็นเพียงการถูกดึงดูดใจโดยฝ่ายตรงข้ามในระยะแรก ซึ่งยังไม่ครบองค์ประกอบของกระบวนการทางสมองที่จะก่อให้เกิดความรักโดยสมบูรณ์
ดร. เดบอราห์ ลี ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพการเจริญพันธุ์ชาวอังกฤษ กล่าวอธิบายในประเด็นนี้กับเว็บไซต์ Live Science ว่า “ความรักต้องใช้เวลาในการก่อกำเนิดและพัฒนาไปสู่ความรู้สึกที่มั่นคงลึกซึ้ง นักจิตวิทยาส่วนใหญ่จึงมองว่า รักแรกพบที่เกิดขึ้นเมื่อเพียงแรกสบตากันนั้นเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน คุณอาจหลงใหลในรูปลักษณ์และรู้สึกถึงแรงดึงดูดทางเพศอย่างมากในช่วงแรก แต่เมื่อเวลาผ่านไปคนเราจะตกหลุมรักกับนิสัยใจคอ รวมทั้งคุณค่าที่ยึดถือและทักษะต่าง ๆ ที่คนผู้นั้นมีอยู่แทน”
ด้าน ดร.อีริก ไรเดน นักจิตวิทยาคลินิกชาวอังกฤษฟันธงว่า รักแรกพบนั้นที่แท้เป็นเพียงความใคร่หรือราคะเท่านั้น “ความรู้สึกหลงใหลเหมือนต้องมนต์อยู่ได้เพียงชั่วครั้งชั่วคราว ถ้าหากคุณกำลังมองหาคู่ชีวิตที่จะอยู่กันไปนาน ๆ รักแรกพบไม่ใช่สัญญาณที่บ่งบอกว่าเขาหรือเธอคือคนที่ใช่ มันเป็นเพียงแรงดึงดูดทางกาย มากกว่าจะเป็นความรักโรแมนติกที่ยั่งยืน”
รักหรือเสพติด
“ความรักส่งผลกระทบต่อร่างกายและจิตใจอย่างมาก ในขณะที่เกิดความรู้สึกเคลิบเคลิ้มผสมกับความคิดหมกมุ่น ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนแห่งความสุขหรือโดพามีนเพิ่มมากขึ้น ส่วนฮอร์โมนออกซิโทซินนั้นได้ชื่อว่าเป็นฮอร์โมนแห่งความรัก เพราะเกี่ยวข้องกับความรู้สึกอบอุ่น ผูกพัน และไว้เนื้อเชื่อใจกัน”
“สารเคมีเหล่านี้มักจะเพิ่มสูงขึ้น ในช่วงเวลาที่คนสองคนเกิดความรู้สึกผูกพันระหว่างกันขึ้นมาแล้ว มากกว่าจะเพิ่มขึ้นในระยะต้นที่มีแต่ความต้องการและแรงดึงดูดทางเพศ”
“เมื่อคนที่เริ่มมีความรักใส่ใจหมกมุ่นอยู่แต่เรื่องของคนที่ใฝ่ฝันหา อารมณ์จะเหวี่ยงสลับขั้วไปมา รู้สึกคลั่งไคล้คล้ายจะเป็นบ้า กระทำสิ่งต่าง ๆ อย่างหุนหันพลันแล่น ใช้ชีวิตอยู่ในโลกของความฝันมากกว่าความเป็นจริง บางคนอาจถึงกับมีพฤติกรรมต้องพึ่งพาอาศัยคนรักอย่างมาก ไม่ต่างจากคนติดยาเสพติด”
มุมมองแพทย์: หัวใจเต้นแรง กับอาการผิดปกติ
หากพิจารณาจากมุมมองของแพทย์เฉพาะทางโรคหัวใจ อาการใจเต้นแรง มือสั่น หรือหน้ามืดเฉียบพลัน อาจไม่ใช่แค่เรื่องของ “ความรัก” แต่อาจแฝงด้วยสัญญาณของภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ (arrhythmia) หรือแม้กระทั่งความผิดปกติของระบบประสาทอัตโนมัติ
สิ่งที่น่าสนใจคือ อาการหลายอย่างที่มักถูกเข้าใจว่าเป็น “รักแรกพบ” เช่น
ใจเต้นแรงผิดปกติ วิงเวียนหรือหน้ามืด เหงื่อออก มือสั่น หายใจถี่หรือรู้สึกเหมือนหายใจไม่ทัน ล้วนคล้ายกับอาการของโรคหัวใจบางประเภท เช่น
🔸 หัวใจเต้นผิดจังหวะ (Arrhythmia)
เกิดจากระบบการนำไฟฟ้าหัวใจผิดปกติ ทำให้หัวใจเต้นเร็วเกินไป หรือไม่เป็นจังหวะ
🔸 ภาวะหัวใจเต้นเร็วเฉียบพลัน (Supraventricular Tachycardia)
ผู้ป่วยจะรู้สึกใจสั่น เหมือนหัวใจจะหลุดออกมา ซึ่งอาจเกิดขึ้นตอนร่างกายตื่นเต้นมาก
🔸 ความดันโลหิตต่ำชั่วขณะ
ทำให้เวียนหัว หน้ามืด แม้จะเกิดขึ้นเพียงไม่กี่วินาที แต่หากเป็นบ่อย ๆ อาจบ่งบอกถึงปัญหาเกี่ยวกับระบบไหลเวียนโลหิต
หากคุณรู้สึกอาการเหล่านี้ “บ่อย” หรือ “รุนแรงผิดปกติ” ทุกครั้งที่เห็นใครบางคนหรือแม้กระทั่งไม่มีสิ่งเร้าใด ๆ เลย นั่นอาจไม่ใช่ความรัก แต่เป็น สัญญาณเตือนจากร่างกาย
แพทย์โรคหัวใจบางท่านถึงกับแนะนำว่า ถ้าหากรู้สึกว่าใจเต้นเร็วมาก หายใจไม่ทัน หรือรู้สึกเหมือนจะเป็นลม ควรสังเกตตัวเองว่ามีปัญหาโรคหัวใจแฝงอยู่หรือไม่ อย่าเพิ่งด่วนสรุปว่า “เขาคือรักแท้”
ความรู้สึก หรือการปรุงแต่งของจิตใจ?
“รักแรกพบ” มันคือปรากฏการณ์ทางอารมณ์ที่เกิดขึ้นเร็วและรุนแรง จนจิตใจมโนความสัมพันธ์ที่ยังไม่เกิดขึ้นว่าเป็น “รัก” ซึ่งในความเป็นจริง อาจเป็นเพียง “การดึงดูด” (infatuation) ชั่วคราว ไม่ได้มีรากฐานจากความเข้าใจ ความผูกพัน หรือคุณค่าร่วมกันในระยะยาว
ความรักเป็นเรื่องของเวลา ไม่ใช่แค่ปฏิกิริยา
“รักแรกพบ” จึงอาจไม่ใช่ “ความรัก” อย่างแท้จริง แต่อาจเป็น “ปฏิกิริยาเคมีในสมองและร่างกาย” ที่ตอบสนองต่อคนที่เรารู้สึกดึงดูดใจอย่างฉับพลัน
หากรู้สึกใจเต้นแรงเมื่อเจอใครบางคน ลองให้เวลาทำหน้าที่พิสูจน์ว่าความรู้สึกนั้นคือ “รัก” หรือแค่ “ความหลงใหล” เพราะสุดท้ายแล้ว ความรักที่แท้จริงไม่ได้วัดจากอัตราการเต้นของหัวใจตอนเจอกันครั้งแรก แต่เกิดจากความเข้าใจ ความผูกพัน และการดูแลกันในระยะยาว
บางครั้งคนที่ทำให้ใจคุณเต้นแรงที่สุด
อาจไม่ใช่ “เนื้อคู่” …แต่เป็น “จุดเริ่มต้นของการหาหมอหัวใจ”
อ่านเพิ่มเติม : “รักแรกพบ” คืออะไร มีอยู่จริงไหมในทางวิทยาศาสตร์ - BBC News ไทย https://www.bbc.com/thai/articles/cgrnez3e388o
‘รักแรกพบ’ หรือแค่เขาตรงสเปก เมื่ออาการใจเต้นแต่แรกเห็น เป็นเรื่องการหลั่งของฮอร์โมนมากกว่าความรัก
โฆษณา