5 ก.ค. เวลา 09:12 • การเมือง

เขมรหวั่น F-16 ไทยพร้อมลุย

สวัสดีครับท่านผู้อ่านทุกท่าน ก่อนที่จะไปอ่านบทความนี้ ผู้เขียนขอให้ทุกท่านโปรดช่วยกดไลก์ กดติดตาม และกดแชร์ เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้เขียนในการทำบทความต่อๆไป
สำหรับท่านใดที่มีเรื่องใดน่าสนใจ ท่านสามารถส่ง inbox ข้อความมาได้ที่ Facebook Supakrit Falcon หากเรื่องใดโดนใจผู้เขียนจะนำเรื่องราวไปศึกษาค้นคว้าหาข้อมูลเพื่อเตรียมการเสนอครั้งต่อไป
เข้าเดือนกรกฎาฯมาได้ไม่กี่วันก็มีกระแส F-16 ปรากฏให้เห็นทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นการฝึกผสม Air Thamal ครั้งที่ 33 ในช่วงนี้ที่ F-16 และ Gripen ไทยฝึกร่วมกับมาเลเซีย หรือแม้ประเด็นไทย-กัมพูชา F-16 ถูกพูดถึงเช่นกันในกรณีที่ไทยจะนำไปทิ้งบอมบ์ เรื่องนี้ไม่ได้ถูกพูดถึงในไทยที่เดียวขนาดกัมพูชายังนำไปตีข่าวว่าอาจมีการใช้ F-16 ก็เป็นได้ เรื่องนี้จะจริงเท็จประการใดไปติดตามกันครับ
ปัจจุบันสถานการณ์บริเวณชายแดนไทยและกัมพูชายังมีประเด็นที่เราควรติดตาม โดยเฉพาะกรณีที่สื่อกัมพูชาได้มีการเผยแพร่ความ เคลื่อนไหวจากกองทัพไทย
สื่อกัมพูชาได้ศึกษาและแปลข่าวจากสื่อไทย ทั้งช่องโทรทัศน์หลักและสื่อเอกชน เพื่อรายงานให้ประชาชนกัมพูชาทราบ ถึงการเตรียมการของฝ่ายไทย ในกรณีที่กัมพูชาอ้างสิทธิ์ใน 4 พื้นที่ดินแดน หรือออกมาตรการควบคุมพื้นที่ด่านชายแดนที่เราได้ยินกันล่าสุด
สำหรับความเคลื่อนไหวทางทหารแน่นอนว่าการแสดงศักยภาพของกองทัพบก กองทัพเรือ และ กองทัพอากาศในประเทศไทยผ่านสื่อทุกช่องทางกลายเป็นประเด็นที่สื่อกัมพูชาให้ความสนใจอย่างมาก
ตัดภาพมาที่กองทัพอากาศไทย พลอากาศเอก พันภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ ได้กล่าวถึง การอนุมัติแผนการเผชิญเหตุใน สถานการณ์ระหว่างไทยและกัมพูชา โดยระบุว่า หากเกิดการปะทะ กองทัพอากาศสามารถนำเครื่องบินขึ้นปฏิบัติการได้ภายใน 5 นาที
จากคำพูดของท่านผบ.ทอ.ทำให้สำนักข่าวในกัมพูชาได้นำข่าวนี้ไปตีแผ่ โดยเน้นย้ำถึงความพร้อมของเครื่องบินรบกองทัพอากาศไทยที่สามารถบินเข้าถึงเป้าหมายได้ภายใน 5 นาที ซึ่งแตกต่างจากสถานการณ์ปี 2554 ที่เน้นการปะทะกันของกองทัพบกบริเวณชายแดน
เมื่อดูจากการใช้ถ้อยคำหรือวาทกรรมจากผู้ บัญชาการเหล่าทัพของไทยถูกมองว่าเป็นหนึ่งในรูปแบบของสงครามจิตวิทยา มีเป้าหมายคือการหลีกเลี่ยงการปะทะโดยตรงด้วยกำลังทหาร แต่ต้องการสื่อสารไปยังฝ่ายกัมพูชาว่าไทยมีความพร้อมและมีความเข้มแข็งในการรักษาอธิปไตย
คำพูดที่ผบ.เหล่าทัพกล่าวมาแสดงถึงความพร้อมรบ ไม่ยอมแพ้ต่ออริราชศัตรูทีาเป็นคุกคามต่อประเทศ ถ้าจะลุยเราไม่สามารถลุยด้วยกองทัพอากาศเพียงเหล่าเดียวเราอาจมีกองทัพบกและกองทัพเรือร่วมรบด้วยการใช้คำพูดของผบ.เหล่าทัพหรือแม้กระทั่ง "แม่ทัพกุ้ง" พลโทบุญสิน พาดกลาง ก็มีจุดประสงค์เพื่อข่มขู่ให้อีกฝ่ายต้องคิดหนัก และไม่คิดว่าการเปิดศึกกับทหารไทยในพ.ศ.นี้จะเป็นเรื่องง่ายเหมือนปี 2554 ที่เราเคยปะทะกันมาแล้ว
ทหารกัมพูชารับรู้ถึงศักยภาพของไทยดีว่าเรามี การมีเครื่องบินขับไล่ F-16 ที่มีสมรรถนะสูงกว่า MIG-21 ของพวกเขาที่บินบ่ได้ มันสามารถทำการติดตั้ง "ไข่ร่อน" หรือระเบิดนำวิถี KGGB ซึ่งเป็นอาวุธนำวิถีที่ร่อนได้ไกลที่สุดที่กองทัพอากาศไทยเคยมีมา
แม้ประชาชนและทหารระดับล่างของกัมพูชาบางคนอาจจะรู้สึกฮึกเหิมกับอาวุธที่พวกเขามี เช่น เครื่องยิงลูกจรวดขนาดลำกล้อง 300 มม. แต่นายทหารระดับสูงของกัมพูชาก็รับรู้ถึงขีดความสามารถที่แท้จริงในการรบกับกองทัพไทย
ถึงจะมีกระแสเรียกร้องจากประชาชนบางกลุ่มให้จับอาวุธล้มกองทัพไทย อย่างไรก็ตามข้อจำกัดหลักของกองทัพกัมพูชาคือเรื่องของ "งบประมาณ" โดยเฉพาะงบประมาณในการซ่อมบำรุงรักษาอาวุธ ซึ่งแตกต่างจากไทยที่มีงบประมาณสนับสนุนที่เพียงพอ จึงสามารถซ่อมพวกรถถัง เรือรบ หรือแม้กระทั่งเครื่องบินรบให้ใช้งานได้
จากการแสดงแสนยานุภาพที่กองทัพอากาศไทยเปิดเผยผ่านสื่อโซเชียลมีเดียทุกแพลฟอร์มทำให้สื่อกัมพูชานำไปขยายผลแล้วนำเสนอ จนขณะนี้ทหารกัมพูชารู้แล้วว่าทหารอากาศไทยไม่ได้อ่อนแอรวมไปถึงถาพความน่าเกรงขามของอาวุธใต้ปีกที่ติดตั้งกับ F-16 ไทย
นอกจาก "ไข่เหล็ก" หรือระเบิดแล้ว ถ้าท่านผู้อ่านจำได้วันที่ท่านผบ.ทอ.ไทยลงพื้นที่ยังมีการแสดงอาวุธแบบอื่นๆ เช่น ขีปนาวุธอากาศสู่พื้น AGM-65 หรือแม้แต่จรวดอากาศสู่อากาศ AIM-9 ที่ติดกับปลายปีกของ F-16 โคราช
ท่านผู้อ่านเชื่อหรือไม่หากอาวุธใดก็ตามที่ทหารและประชาชนกัมพูชาให้ความสำคัญมาก ถูกทำลายด้วยเครื่องบินขับไล่ F-16 ที่บินไปหย่อนระเบิดร่อน KGGB เข้าใส่จะส่งผลทำให้พวกเขาเสียขวัญกำลังใจอย่างรุนแรง เปรียบเสมือนการทุบกล่องดวงใจของพวกเขานั่นเอง
ปัจจุบันทั้งกองทัพอากาศ กองทัพบก และกองทัพเรือของไทย ต่างก็เฝ้าระวัง ในพื้นที่ชายแดนรวมถึงอาณาเขตทางทะเลอย่างใกล้ชิด เพื่อรับมือภัยคุกคามจากเพื่อนบ้านฝั่งตะวันออก
สำหรับผู้เขียนมองว่ากองทัพอากาศไทยสามารถใช้เครื่องบิน F-16 รับมือกับภัยคุกคามดังกล่าวได้ แม้จะไม่มีข่าวปรากฏว่ากองทัพอากาศกัมพูชามีเครื่องบินขับไล่ในขณะนี้ กองทัพอากาศไทยอาจเน้นการฝึกนักบินและเจ้าหน้าที่ภาคพื้นให้มีความชำนาญเพื่อตอนรบจริงจะได้ไม่พลาดท่า
เมื่อไม่กี่วันมานี้ผู้เขียนรับชมการถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬาเหล่าครั้งที่ 58 ที่โรงเรียนนายเรืออากาศมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี ในพิธีเปิดมีเครื่องบินขับไล่ F-16 บินแสดงศักยภาพ แม้จะใช้เวลาไม่นาน แต่มันก็ทำให้ชาวไทยทุกท่านเห็นแล้วว่ากองทัพอากาศไทยจะปกป้องน่านฟ้าอย่างเต็มที่
แถมยังเป็นการสะท้อนให้เห็นเครื่องบินขับไล่ยุคที่ 4 ของกองทัพอากาศไทยอย่าง F-16 ว่ายังมีน้ำยาและไม่ได้ใช้บินโชว์อย่างที่คุ้นเคย มันเป็นเครื่องบินขับไล่ที่สามารถติดอาวุธออกรบได้จริง หากวันหนึ่งเครื่องบินขับไล่แบบนี้ปลดประจำการด้วย Gripen E ก็น่าเสียดายจริงไหมครับ
จริงๆ Gripen E ก็สามารถทำหน้าที่แทน F-16 โคราชได้ อะไรๆที่ F-16 เคยทำอย่างเช่นบินขับไล่ บินสกัดกั้น หรือทิ้งระเบิดนี่คืองานถนัด เมื่อ Gripen E รับจ๊อบตรงนี้กองทัพอากาศไทยจะยังคงเป็นกองทัพอากาศที่แข็งแรงและยืนยาวต่อไปในอนาคต
กองทัพอากาศไทยจะพิทักษ์รักษาชาตินี้ไว้ด้วยฝูงบินเอฟ-16 แม้จะยังไม่มีสงครามหรือความขัดแย้งตามชายแดน เครื่องบินแบบนี้ยังคงขึ้นบินเพื่อสร้างความอุ่นใจและความเชื่อมั่นต่อประชาชน ไม่ว่าจะมีเหตุการณ์ใดๆที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศไทยผู้เขียนเชื่อว่า "เอฟ-16" จะเป็นอาวุธที่ร้ายกาจต่อข้าศึก เป็นเครื่องบินไล่ตัวท็อป และเป็นไอคอนของกองทัพอากาศไทยที่จะคงอยู่ตลอดไป จนกว่าจะวาระสุดท้ายที่มันได้ทำหน้าที่บนฟ้า สำหรับวันนี้ขอลาไปก่อน สวัสดีครับ
Credit บทความและภาพประกอบ
Tharit Lohapiyaphan
CONTHRUST
SPINNER TEAM TH
MACX AVIATION
Nit Wittaya
Sniper News
เรียบเรียงบทความ : นายพลห้าดาว
โฆษณา