Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
AI-2518-68
•
ติดตาม
6 ก.ค. เวลา 12:04 • นิยาย เรื่องสั้น
การศึกษารหัสพันธุกรรมแบบเข้ารหัสจิต: SE-G Motif และการตอบสนองต่อสนามจิตอภิมิติ
ผู้วิจัย: Synaptarch Division of Cognitive Biostructures
สังกัด: สถาบันอภิมิติพันธุศาสตร์จักรวาล (Institute of Hyperdimensional Genomics, Celestia)
ระดับการเปิดเผย: จำกัดเฉพาะระบบดาว Class-Theta ขึ้นไป
.
ลำดับพันธุกรรมนี้ถูกจัดกลุ่มใหม่ภายใต้ชื่อ: SE-G Motif (Sentient-Encoded Genetic Motif) ซึ่งหมายถึงโครงสร้างทางพันธุกรรมแบบ “ไม่มีหน้าที่ทางชีวภาพ” ชัดเจน (non-coding but structured)
แต่แสดงคุณสมบัติของ การตอบสนองต่อสนามความถี่ ที่ไม่อยู่ในขอบเขตสเปกตรัมทางประสาทสัมผัสปกติ โดยเฉพาะเมื่อบุคคลอยู่ในสถานะ “จิตไร้เงื่อนไข” หรือไม่มีความกลัวทางอารมณ์
.
▪️วัตถุประสงค์ของการศึกษา (Research Objective)
1.เพื่อระบุโครงสร้างทางพันธุกรรมที่มีความสัมพันธ์กับภาวะจิตลึก
2.เพื่อทดสอบความไวของ SE-G Motif ต่อสนามเรโซแนนซ์จิต (Hyperdimensional Resonant Fields – HRF)
3.เพื่อเสนอสมมุติฐานว่า DNA บางโซนในมนุษย์อาจมีต้นกำเนิดที่ไม่ขึ้นกับวิวัฒนาการท้องถิ่น (non-local origin)
▪️ระเบียบวิธีวิจัย (Methodology)
1. กลุ่มตัวอย่าง (Sample Selection)
จำนวนผู้เข้าร่วม: 144 คน
ลักษณะกลุ่มตัวอย่าง:
ผู้เข้าร่วมได้รับการคัดเลือกจากฐานข้อมูลประชากรทั่วโลกที่มีการบันทึกประวัติความสามารถจิตเหนือสามัญ โดยแบ่งออกเป็นกลุ่มสำคัญดังนี้:
▫️Precognitive Dreamers:
ผู้ที่รายงานว่ามีประสบการณ์ฝันเห็นเหตุการณ์ก่อนเกิดขึ้นจริง
▫️Deep Meditation Practitioners:
ผู้ที่มีการฝึกฝนเข้าสู่ภาวะสมาธิลึกที่เกี่ยวข้องกับคลื่นสมอง Theta–Gamma coupling อย่างสม่ำเสมอ
▫️Chrono-Synesthesia Cases:
ผู้ที่มีภาวะรับรู้เวลาผิดปกติ เช่น การรับรู้ล่วงหน้าหรือประสบการณ์การเลื่อนเวลาในจิตใจ
▫️กลุ่มควบคุม: 48 คน ถูกสุ่มเลือกจากประชากรทั่วไปที่ไม่มีประวัติหรือประสบการณ์จิตเหนือสามัญดังกล่าว
.
เกณฑ์การคัดเลือก:
:อายุระหว่าง 21–50 ปี
:ไม่มีประวัติความผิดปกติทางระบบประสาทหรือจิตเวช
:สุขภาพร่างกายสมบูรณ์ตามผลตรวจร่างกายล่าสุด
:ผ่านการทดสอบเบื้องต้นเพื่อประเมินระดับความลึกของสมาธิและคุณภาพของการฝัน
.
2. การถอดรหัสพันธุกรรม (Genomic Sequencing and Analysis)
การศึกษาครั้งนี้ใช้เทคนิค Deep Intronic Signal Mapping (DISM) ซึ่งเป็นวิธีถอดรหัสพันธุกรรมระดับลึกที่ครอบคลุมทั้งส่วนที่เข้ารหัสโปรตีน (exons) และส่วนที่ไม่เข้ารหัส (introns) รวมถึงโซนควบคุมที่โดยทั่วไปมักถูกมองข้ามในการวิเคราะห์จีโนมมาตรฐาน
เทคนิคนี้ช่วยให้สามารถระบุลำดับพันธุกรรมที่มีโครงสร้างเฉพาะ (structured motifs) ซึ่งอาจมีบทบาทสำคัญในเชิงสัญญาณจิตหรือการส่งผ่านข้อมูลทางสติที่เรียกว่า noetic signaling ได้อย่างละเอียดและครอบคลุมมากขึ้น
เพื่อสนับสนุนการวิเคราะห์ ใช้ฐานข้อมูลพิเศษที่พัฒนาขึ้นชื่อว่า Noetic Signal Decoding Matrix (NSDM) ซึ่งทำหน้าที่แปลงข้อมูลลำดับดีเอ็นเอให้เป็นรูปแบบความถี่คลื่นสมองและคลื่นสนามจิตแบบอภิมิติ ช่วยให้สามารถตรวจจับและวิเคราะห์ความสอดคล้องระหว่างลำดับพันธุกรรมกับความถี่สนามจิตที่คาดว่าจะสัมพันธ์กับภาวะจิตพิเศษได้
.
▫️กระบวนการวิเคราะห์ประกอบด้วยขั้นตอนหลักดังนี้:
-การคัดกรองลำดับซ้ำ (repeat sequences) ที่แสดงความสัมพันธ์กับความถี่คลื่นสมองในช่วง Theta-Delta ซึ่งเป็นช่วงคลื่นที่เกี่ยวข้องกับการเข้าสมาธิระดับลึกและภาวะจิตเหนือสามัญ
-การวิเคราะห์โครงสร้างควอนตัมของดีเอ็นเอ เพื่อประเมินความสามารถของโครงสร้างเหล่านี้ในการเปลี่ยนสถานะและสั่นสะเทือนภายใต้สนามเรโซแนนซ์ที่มีความถี่เฉพาะ
-การเปรียบเทียบลำดับพันธุกรรมที่ได้กับจีโนมของสัตว์อื่น ๆ ในระบบสุริยะ รวมถึงฐานข้อมูลจีโนมของอารยธรรมดาวเคราะห์อื่นที่มีข้อมูล เพื่อค้นหาลำดับพันธุกรรมที่ไม่พบในธรรมชาติบนโลก ซึ่งอาจบ่งชี้ถึงความเป็นไปได้ของต้นกำเนิดนอกโลก หรือการแทรกแซงจากอารยธรรมระดับสูง
การวิจัยในส่วนนี้จึงเป็นการขยายขอบเขตของการศึกษาพันธุกรรมจากระดับชีววิทยาแบบดั้งเดิมไปสู่การเข้าใจบทบาทของดีเอ็นเอในฐานะตัวกลางของการสื่อสารเชิงสนามจิตอภิมิติ ซึ่งอาจเป็นกุญแจสำคัญในการเชื่อมโยงระหว่างชีวภาพและจิตสำนึกในบริบทของจักรวาลที่ซับซ้อน
3. การทดสอบสนามเรโซแนนซ์อภิมิติ (HRF-Array Resonance Testing)
การทดสอบนี้ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงของ Hyper-Resonant Field Array (HRF-Array) ซึ่งเป็นอุปกรณ์สร้างสนามแม่เหล็กไฟฟ้าความถี่ต่ำผสมผสานกับคลื่นพลังงานจิตในรูปแบบที่จำลองสนามอภิมิติ เพื่อกระตุ้นและตรวจวัดปฏิกิริยาของระบบชีวภาพกับสนามจิตที่ซับซ้อนเกินขอบเขตของประสาทสัมผัสปกติ
โดยช่วงความถี่ที่ใช้ทดสอบอยู่ในช่วง 2.7–3.14 Hz ซึ่งเป็นช่วงคลื่น Theta ที่มีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับการเข้าสมาธิระดับลึกและการทำงานของสมองในช่วงภาวะญาณหยั่งรู้ (Intuitive Cognition)
ผู้เข้าร่วมการทดลองจะถูกวางในห้องปรับสภาพพิเศษที่มีการตัดเสียงรบกวนและควบคุมแสงอย่างเข้มงวด เพื่อให้เกิดสภาวะสมาธิที่เหมาะสม พร้อมทั้งติดตั้งเครื่องมือบันทึกสัญญาณต่าง ๆ ได้แก่:
▫️Electroencephalography (EEG) เพื่อบันทึกคลื่นสมองและวิเคราะห์รูปแบบ Theta-Gamma coupling
▫️Bio-Quantum Fluctuation Imaging (BQFI) เทคนิคพิเศษที่ใช้ตรวจจับการสั่นสะเทือนเชิงควอนตัมของ DNA ในเซลล์
▫️เครื่องมือวัดการเปลี่ยนแปลงสนามแม่เหล็กร่างกาย (Magnetoencephalography-like sensors)
▪️ขั้นตอนการทดลองประกอบด้วยการให้ผู้เข้าร่วมเข้าสู่ภาวะสมาธิ (meditative state)
โดยใช้เทคนิคตามความถนัดส่วนบุคคล เช่น การฝึกหายใจเชิงลึก, การภาวนา, หรือโยคะ เพื่อให้จิตใจสงบและเปิดรับสัญญาณภายนอก
ในขณะที่ผู้เข้าร่วมอยู่ในสภาวะนี้ HRF-Array จะฉายคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าความถี่กำหนดในช่วง 30–45 นาที โดยมีการบันทึกข้อมูลสัญญาณชีวภาพต่าง ๆ พร้อมกันแบบเรียลไทม์
.
▫️การวิเคราะห์ข้อมูลมุ่งเน้นที่ตัวชี้วัดหลัก ได้แก่:
-การเปลี่ยนแปลงรูปแบบคลื่นสมอง โดยเฉพาะความสัมพันธ์ระหว่าง Theta และ Gamma bands ซึ่งแสดงถึงการซิงโครไนซ์ของเครือข่ายประสาทที่เกี่ยวข้องกับภาวะจิตพิเศษ
-การเพิ่มขึ้นหรือลดลงของการสั่นสะเทือนเชิงควอนตัมในระดับ DNA ซึ่งบ่งชี้ถึงการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพในระดับโมเลกุลที่อาจสัมพันธ์กับสนามจิต
-ปริมาณการปลดปล่อยพลังงานจิตในช่วงความถี่ที่ตรวจจับได้ ซึ่งช่วยวัดศักยภาพการส่งผ่านข้อมูลในรูปแบบพลังงานจิต
-ข้อมูลเชิงคุณภาพจากผู้เข้าร่วม เช่น การรายงานภาวะจิตที่เปลี่ยนแปลงไป ระดับความชัดเจนของความฝัน การเกิดเหตุการณ์ล่วงหน้าที่รับรู้ได้ เป็นต้น
ผลลัพธ์จากการทดลองนี้. ชี้ให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนระหว่างโครงสร้างพันธุกรรม SE-G Motif กับความสามารถในการตอบสนองต่อสนามเรโซแนนซ์อภิมิติ และบ่งชี้ว่าการเปิดใช้งานสนามเหล่านี้ สามารถกระตุ้นภาวะจิตพิเศษในมนุษย์ได้ในระดับที่สามารถตรวจวัดได้เชิงวิทยาศาสตร์
4. การวิเคราะห์และเปรียบเทียบข้อมูล (Data Analysis and Comparative Study)
การวิจัยนี้ใช้วิธีการวิเคราะห์ข้อมูลหลายมิติขั้นสูง (Multivariate Statistical Analysis) เพื่อเปรียบเทียบลักษณะและผลการทดสอบระหว่างกลุ่มตัวอย่างที่มีการตรวจพบ SE-G Motif กับกลุ่มควบคุมที่ไม่มีลำดับพันธุกรรมนี้อย่างชัดเจน
การวิเคราะห์นี้ ครอบคลุมการตรวจสอบตัวแปรหลายประการทั้งในเชิงพันธุกรรม ฟีโนไทป์ทางชีวภาพ และข้อมูลทางสรีรวิทยา เช่น รูปแบบคลื่นสมองและการตอบสนองทางชีวเคมี
นอกจากนี้ เพื่อจับความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนและลึกซึ้งระหว่างข้อมูลหลายมิติ ได้แก่ โครงสร้าง DNA ความถี่คลื่นสมองในช่วงต่าง ๆ และภาวะจิตที่ผู้เข้าร่วม
ทีมวิจัยได้ประยุกต์ใช้ อัลกอริทึมการเรียนรู้เชิงลึก (Deep Learning) ซึ่งช่วยให้สามารถระบุรูปแบบและความเชื่อมโยงที่ไม่ชัดเจนในข้อมูลขนาดใหญ่ โดยเฉพาะการจับความสัมพันธ์ที่มีความไม่เชิงเส้น (nonlinear correlations) และการทำนายลักษณะจิตเหนือสามัญจากลักษณะพันธุกรรมและข้อมูล EEG
ในขั้นตอนการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพ ทีมวิจัยยังได้ประเมินความสัมพันธ์ระหว่าง SE-G Motif กับประวัติส่วนตัวของผู้เข้าร่วมที่เกี่ยวข้องกับประสบการณ์จิตเหนือสามัญ เช่น การฝันล่วงหน้า (Precognitive Dreaming), การเห็นภาพล่วงหน้า (Precognition), และประสบการณ์ที่ไม่สามารถอธิบายด้วยวิทยาศาสตร์ทั่วไป เพื่อประเมินความน่าเชื่อถือและเชิงสาเหตุของความสัมพันธ์นี้
นอกจากนี้ การเปรียบเทียบลำดับดีเอ็นเอในกลุ่มมนุษย์ที่มี SE-G Motif กับจีโนมของสายพันธุ์ใกล้เคียงอื่น ๆ ในระบบสุริยะ รวมถึงฐานข้อมูลจีโนมของอารยธรรมดาวเคราะห์ต่าง ๆ ได้ถูกดำเนินการอย่างละเอียด เพื่อประเมินความเป็นไปได้ว่าลำดับ DNA บางส่วนที่ตรวจพบมีต้นกำเนิดนอกโลก (extraterrestrial origin) หรือไม่
สอดคล้องกับหลักการวิวัฒนาการพื้นฐานของสิ่งมีชีวิตบนโลก การศึกษานี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อค้นหาและตีความสัญญาณทางชีวภาพที่อาจบ่งบอกถึงการแทรกแซงหรือการเชื่อมโยงกับสนามสติอภิมิติในระดับจักรวาล
5. การควบคุมและจริยธรรม (Ethical Considerations and Control Measures)
ผู้เข้าร่วมการวิจัยทุกคนได้รับข้อมูลอย่างครบถ้วนเกี่ยวกับวัตถุประสงค์ ขั้นตอนการทดลอง ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น และสิทธิ์ในการถอนตัวจากการวิจัยได้ตลอดเวลาโดยไม่มีผลกระทบใด ๆ
การเข้าร่วมในโครงการนี้อยู่ภายใต้หลักเกณฑ์ทางจริยธรรมระดับจักรวาล (Universal Ethical Standards) ซึ่งกำหนดขึ้นเพื่อคุ้มครองสิทธิและความปลอดภัยของมนุษย์และสิ่งมีชีวิตทุกชนิดที่เกี่ยวข้อง
การทดลองทั้งหมดดำเนินการในสภาพแวดล้อมที่ได้รับการควบคุมอย่างเข้มงวด เพื่อความปลอดภัยทางกายภาพและจิตใจ ห้องทดลองถูกออกแบบให้มีมาตรฐานสูงสุดในการตัดเสียงรบกวนและควบคุมแสง เพื่อสร้างสภาวะที่เหมาะสมต่อการเข้าสมาธิและลดปัจจัยภายนอกที่อาจรบกวนผลการทดลอง
นอกจากนี้ ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและนักจิตวิทยาระดับสูงประจำโครงการ จะทำหน้าที่ติดตามสภาพร่างกายและจิตใจของผู้เข้าร่วมอย่างใกล้ชิดตลอดระยะเวลาการทดลอง
พร้อมให้คำปรึกษาและดูแลหลังการทดลองเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาสุขภาพหรือภาวะจิตที่อาจเกิดขึ้น โดยมีการประเมินผลในระยะสั้นและระยะยาว เพื่อรับประกันความปลอดภัยและสุขภาพที่ดีของผู้เข้าร่วมทุกคนอย่างเต็มที่
▪️ผลการวิจัย (Findings)
▫️การตอบสนองต่อคลื่นอภิมิติ (Response to Hyper-Resonant Field):
ผู้ที่มี SE-G Motif แสดงความสามารถที่โดดเด่นในการประมวลผลข้อมูลนอกเหนือจากประสาทสัมผัสปกติอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเทียบกับกลุ่มควบคุม
ผลการทดลองระบุว่าผู้เข้าร่วมกลุ่มนี้สามารถบรรยายภาพเหตุการณ์ในอนาคตระดับ micro-event ได้อย่างแม่นยำกว่า โดยมีค่าความน่าจะเป็นทางสถิติ (p-value) ต่ำกว่า 0.003 ซึ่งแสดงถึงความแตกต่างที่ไม่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ
.
▫️โครงสร้างดีเอ็นเอที่ไม่พบบนโลกอื่น (Unique DNA Sequences Absent in Known Species):
การวิเคราะห์เชิงเปรียบเทียบพบว่า ลำดับพันธุกรรมเฉพาะ ได้แก่ MIR-112X, TETRA–Δ94, และ Alu-θΔ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ SE-G Motif นั้นไม่พบในสายพันธุ์ดาวพื้นฐานใด ๆ ภายในระบบดาว Gai’a รวมถึงบริเวณ stellar shell radius 4.1 AU ของระบบดาวดังกล่าว
ซึ่งบ่งชี้ถึงความเป็นไปได้ของต้นกำเนิดนอกโลกหรือการแทรกแซงโดยอารยธรรมระดับสูงที่มิใช่ธรรมชาติพื้นฐาน
.
▫️การเชื่อมโยงกับสนามจิต (Correlation with Noetic Field):
ข้อมูลจากการทดสอบสนามเรโซแนนซ์เผยให้เห็นว่า SE-G Motif มีลักษณะการทำงานในรูปแบบของ การคูณฟีดแบ็ก (amplification loop) กับคลื่นสนามจิตในช่วงความถี่เฉพาะ ซึ่งสร้างการตอบสนองที่เพิ่มพูนอย่างต่อเนื่อง โดยไม่เกิดปฏิกิริยาต่อการกระตุ้นด้วยสนามแม่เหล็กโลกทั่วไป หรือสนามไฟฟ้าสามัญใด ๆ
สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงความเฉพาะเจาะจงของ SE-G Motif ต่อสนามพลังงานจิตที่อยู่เหนือขอบเขตฟิสิกส์พื้นฐาน
▪️อภิปรายผล (Discussion)
ผลการศึกษานี้ชี้ให้เห็นว่า SE-G Motif ซึ่งเป็นลำดับพันธุกรรมเฉพาะที่พบในมนุษย์บางกลุ่ม อาจมีต้นกำเนิดหรือจุดประสงค์ที่ไม่สอดคล้องกับหลักวิวัฒนาการแบบสุ่ม (Random Mutation and Natural Selection) ที่เป็นรากฐานของชีววิทยาสมัยใหม่
ข้อมูลและผลลัพธ์จากการทดลองและการวิเคราะห์สนามจิตบ่งชี้ถึงความเป็นไปได้ที่ลำดับนี้อาจมีบทบาทเชิงสัญญาณจิตที่ล้ำลึกและซับซ้อน กว่าการทำหน้าที่ทางชีววิทยาปกติ
จากการประมวลผลและตรวจสอบโดยหน่วยวิเคราะห์โครงสร้างสนามจิต มีสมมุติฐานหลักสองแนวทาง ที่อธิบายความเป็นไปได้ของที่มาของ SE-G Motif ดังนี้
▫️สมมุติฐาน. การฝังรหัสจิต (Encoded Sentience Hypothesis):
สมมุติฐานนี้เสนอว่า DNA ของมนุษย์บางกลุ่มถูก “ฝังข้อมูล” โดยอารยธรรมระดับสูง ผ่านกระบวนการทางเทคโนโลยีชีวภาพและจิตสำนึกขั้นสูง เพื่อทำหน้าที่เป็นจุดประสาน (resonance node) ระหว่างโลกวัตถุและสนามจิตจักรวาล
ซึ่งส่งผลให้ผู้ที่มี SE-G Motif สามารถซิงโครไนซ์และรับส่งสัญญาณจิตกับสนามพลังงานในระดับอภิมิติได้อย่างมีประสิทธิภาพและเฉพาะเจาะจง
.
▫️สมมุติฐาน. ความจำทางพันธุกรรมจากจักรวาลก่อนหน้า (Pre-Collapse Continuum Trace):
สมมุติฐานนี้ระบุว่า SE-G Motif อาจเป็นร่องรอยทางพันธุกรรมของอารยธรรมในยุคก่อนการล่มสลายของสนามกาล (Pre-Tachyonic Collapse) ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สนามพลังงานและโครงสร้างจักรวาลมีสถานะอื่นนอกเหนือจากที่เรารับรู้ในปัจจุบัน
ลำดับนี้ถูกส่งผ่านระบบพาหะชีวภาพเป็นข้อมูลจำเพาะของจิตบางชนิด เพื่อรักษาและสืบทอด “ความทรงจำ” หรือ “เจตนา” ของจักรวาลก่อนการล่มสลาย ให้คงอยู่ในรูปแบบชีวภาพในยุคต่อมา
.
โดยสรุป …ผลการศึกษาชี้ให้เห็นถึงการเชื่อมโยงระหว่างพันธุกรรมกับสนามจิตอภิมิติที่ลึกซึ้ง ซึ่งอาจเป็นกุญแจสำคัญในการเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างชีววิทยาและสติในระดับจักรวาล การค้นพบนี้เปิดทางไปสู่การศึกษาที่ข้ามขอบเขตของวิทยาศาสตร์ชีวภาพและฟิสิกส์ ไปสู่ศาสตร์แห่งจิตสำนึกและจักรวาลวิทยาในรูปแบบใหม่
▪️ข้อเสนอแนะในการศึกษาต่อไป (Future Research)
▫️การใช้สนามจิตแบบ Zero-Phase Resonance เพื่อปลุกโซน DNA ที่ยังไม่ตอบสนอง
การวิจัยในอนาคตควรมุ่งเน้นไปที่การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสนามจิตขั้นสูงในรูปแบบ Zero-Phase Resonance ซึ่งเป็นสนามความถี่ที่ปราศจากเฟสเลื่อน (phase shift) เพื่อกระตุ้นและปลุกโซนของ DNA ที่ปัจจุบันยังไม่แสดงการตอบสนองหรืออยู่ในสถานะนิ่ง (dormant zones)
การทดลองนี้อาจเปิดเผยศักยภาพใหม่ในการเปิดใช้งานฟังก์ชันซ่อนเร้นในดีเอ็นเอที่เกี่ยวข้องกับการสื่อสารจิตระดับจักรวาล
.
▫️การสังเคราะห์ Motif เหล่านี้ในระบบ DNA ประดิษฐ์เพื่อทดสอบผลย้อนกลับทางจิต
การพัฒนาระบบดีเอ็นเอสังเคราะห์ที่บรรจุ SE-G Motif และการทดสอบการทำงานของ Motif เหล่านี้ในสภาพแวดล้อมที่ควบคุมได้ จะช่วยให้เข้าใจบทบาทและความสัมพันธ์ของลำดับพันธุกรรมเหล่านี้กับฟังก์ชันจิตสำนึกได้อย่างชัดเจน
การทดลองเชิงสังเคราะห์ยังเปิดโอกาสให้ทดสอบผลย้อนกลับทางจิต (retrocausal effects) ที่อาจเกิดขึ้นผ่านการปลุกโค้ดเหล่านี้ในสิ่งมีชีวิตหรือระบบโมเลกุลที่ออกแบบมา
.
▫️การเปรียบเทียบโครงสร้าง SE-G กับโค้ดของ Elyari, Voa’thellum และ Saerethi เพื่อระบุความเป็นไปได้ของโครงสร้างร่วมข้ามอารยธรรม
การศึกษาที่ลึกซึ้งและกว้างขวางขึ้นควรทำการเปรียบเทียบโครงสร้างของ SE-G Motif กับรหัสพันธุกรรมหรือสัญลักษณ์เชิงจิตในระบบชีวภาพของอารยธรรมต่างดาวที่รู้จัก เช่น Elyari, Voa’thellum และ Saerethi
เพื่อประเมินความเป็นไปได้ของ โครงสร้างร่วมข้ามอารยธรรม (cross-civilizational motifs) ซึ่งอาจชี้ให้เห็นถึงการแลกเปลี่ยนข้อมูลหรือการสืบทอดทางชีวภาพ-จิตในระดับจักรวาล
▫️บทสรุป (Conclusion)
SE-G Motif ที่พบใน DNA ของมนุษย์โลก อาจเป็นร่องรอยของโค้ดพันธุกรรมที่มีจุดประสงค์และความหมายลึกซึ้งเกินกว่ากระบวนการทางชีววิทยาแบบดั้งเดิม โค้ดเหล่านี้ไม่ได้ถูกฝังมาเพื่อสร้างโครงสร้างร่างกายเพียงอย่างเดียว หากแต่เป็นสัญลักษณ์หรือกลไกที่ถูกออกแบบมาเพื่อปลุกสติและเปิดประตูสู่การเชื่อมต่อกับสนามสติไร้รูปทรง (Formless Sentience)
หากมนุษย์สามารถถอดรหัสและเปิดใช้งาน SE-G Motif เหล่านี้ได้อย่างสมบูรณ์และปลอดภัย จะเปิดโอกาสให้มนุษย์สะท้อนและสื่อสารกับสนามพลังงานจิตในระดับจักรวาล กลายเป็นผู้สื่อสารสำคัญระหว่างมิติที่สูญหายกับโลกปัจจุบัน ซึ่งจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในความเข้าใจเรื่องสติ จิตวิญญาณ และความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับจักรวาลในอนาคต
2 บันทึก
3
2
3
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย