6 ก.ค. เวลา 16:54 • ท่องเที่ยว
จังหวัดคย็องซังใต้

เที่ยวจังหวัดคย็องซังนัมฟรีทุกอย่าง 6 วันจุก ๆ ทำได้ยังไงและเป็นยังไงไปดูกัน !

ทุกคนรู้จักจังหวัดคย็องซังนัม (Gyeongsangnam) กันไหมคะ ? กวาดสายตาอ่านถึงบรรทัดนี้อาจมีบางคนอ๋อ แต่เราก็มั่นใจว่ามีอีกหลายคนแน่นอนที่จะเอ๊ะ ว่าสถานที่ที่ว่ามานั่นคือที่ไหน ตั้งอยู่ที่ส่วนไหนของประเทศเกาหลีใต้กันแน่ ไม่ต้องห่วงไปค่ะ สำหรับทุกคนที่คิดอย่างหลัง เพราะรีแอกชันนี้ก็เหมือนกับเราตอนเห็นชื่อจังหวัดนี้ครั้งแรก อยากรู้กันแล้วล่ะสิว่าเอ๊ะแล้วยังไงต่อ แล้วได้ไปฟรีได้ยังไง ไม่ได้คลิกเบตแต่อย่างใดนะคะ ฟรีจริง ๆ มาเลยค่ะ มาดูกันว่าฟรีทุกอย่าง ได้ยังไง ไปดูกัน !
ประกาศรับสมัครของสำนักงานการต่างประเทศ กรุงเทพมหานคร
และนี่ก็คือสปอนเซอร์หลักของการไปครั้งนี้ค่ะ 'สำนักงานการต่างประเทศ กรุงเทพมหานคร' นั่นเอง โดยปกติแล้วสำนักงานการต่างประเทศก็จะมีทุนโครงการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมให้เด็กนักเรียนระดับชั้นมัธยมปลายที่เรียนอยู่ในโรงเรียนเขตกทม. ทุก ๆ ปี เพื่อไปแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกับบ้านพี่เมืองน้องตามข้อตกลงแต่ละปีอยู่แล้วค่ะ และในปีนี้ก็เป็นปีแรกที่มีทุนให้นักเรียนได้ไปที่จังหวัดคย็องซังนัมเกาหลีใต้ โดยการที่จะผ่านเข้าไปเป็นตัวแทนของกทม.เนี่ยก็ต้องผ่านการคัดเลือกทั้งสองรอบด้วยกัน โดยมีรายละเอียดยิบย่อยพอสมควร
เราจะเล่าให้ฟังคร่าว ๆ พอเป็นแนวทางสำหรับใครที่สนใจในปีถัด ๆ ไปนะคะ การคัดเลือกเนี่ยจะมีทั้งรอบการสอบข้อเขียน เป็นคำถามแบบตัวเลือก โดยคำถามก็จะเป็นความรู้ทั่ว ๆ ไป เกี่ยวกับกทม. (เอาเข้าจริงก็แอบลึก เน้นความรู้รอบตัวและของขึ้นชื่อต่าง ๆ) แล้วก็จะมีข้อเขียนที่ต้องตอบบรรยายเป็นภาษาอังกฤษจำนวนสองข้อ (ส่วนนี้ไม่ยากเท่าไร เป็นคำถามความคิดเห็นของเราเสียส่วนใหญ่) ถ้าเราผ่านรอบนี้เข้าไปได้ ก็จะถูกเรียกผ่านประกาศอีกครั้งเพื่อไปสัมภาษณ์ค่ะ ซึ่งถ้าผ่านก็จะมีรายชื่อประกาศอีกครั้งผ่านเว็บไซต์และเพจค่ะ
เวิ่นเว้อถึงขั้นตอนการได้ไปมาเสียนาน เอาเป็นว่าถ้าเราผ่านเป็นตัวจริง ก็จะได้ไปที่จังหวัดคย็องซังนัมแบบฟรี ๆ ไม่เสียค่าใช้จ่ายสักบาทเดียวกันแล้วค่ะ (ยกเว้นขนมของฝากส่วนตัวน่ะนะ) โดยเราจะไปในนามนักเรียนตัวแทนของกรุงเทพมหานครพร้อมกับเพื่อน ๆ อีก 19 คนที่ได้รับการคัดเลือกมานั่นเองค่ะ ก่อนไปก็จะต้องมีการเตรียมการแสดงเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อแสดงความเป็นไทยแลกเปลี่ยนกับนักเรียนที่โน่นค่ะ ส่วนจะแสดงอะไรนั้น ก็รอติดตามกันได้เลย
อารัมภบทมามากมาย เริ่มเข้าสู่เนื้อหาการไปเกาหลีในครั้งนี้กันดีกว่าค่ะ
เครื่องเทกออฟในช่วงกลางคืนดึก ๆ ของวันที่ 1 มิถุนายนจากสนามบินสุวรรณภูมิ มีการต่อเครื่องเล็กน้อยที่เวียดนาม ก่อนจะแลนด์ที่เกาหลีใต้ในช่วงเช้าวันที่ 2 มิถุนายน ที่สนามบินนานาชาติกิมแฮ เมืองปูซาน
ทันทีที่แลนด์และผ่านตม. เข้ามาได้ พวกเราก็มีรถบัสมารับและนั่งต่อกันไปที่เมืองชางวอนซึ่งเป็นเมืองหลวงของจังหวัดคย็องซังนัมอีกราว 1 ชั่วโมง สถานที่แรกที่เราจะไป ไม่ใช่ที่พักหรือร้านอาหารแต่อย่างใดค่ะ แต่เป็นศาลากลางจังหวัด ซึ่งพวกเราจะทำพิธีเปิดที่นั่น ด้วยความที่พวกเรามาในฐานะตัวแทนกทม. ก็จะต้องเข้าร่วมพิธีเปิดตามธรรมเนียมค่ะ ทางศาลากลางจัดพิธีต้อนรับอบอุ่น แถมยังเตรียมของฝากเล็ก ๆ น้อย ๆ เป็นพวกขนมและสกินแคร์ไว้ให้ ของฝากน่ารักและสมกับความเป็นเกาหลีสุด ๆ ไปเลย
ของฝากที่ทางศาลากลางเตรียมไว้ให้
หลังจากจบพิธีเปิดพวกเราก็มุ่งหน้าต่อไปรับประทานอาหารมื้อแรกในเกาหลี ซึ่งก็ประทับใจแบบที่ว่า อิ่ม อร่อย แน่น จุกสุด ๆ ส่วนภาพอาหารสรุปรวมทั้งทริป เดี๋ยวจะสรุปไว้ในท้ายบล็อกนี้นะคะ รับรองว่าจะทำให้ทุกคนหิวตามแน่นอน เสร็จจากการรับประทานอาหารจุดหมายปลายทางก็คือ Robot Land ซึ่งเป็นสวนสนุกที่ก็ถือว่าใหญ่พอสมควรเลยล่ะค่ะ
สวนสนุก Robot Land
สำหรับการไปสวนสนุกรอบนี้ และด้วยความที่เป็นช่วงเปิดเทอมของเด็กเกาหลี เป็นวันจันทร์ รวมถึงฝนที่ตกปรอย ๆ เป็นช่วง ๆ ทำให้จำนวนคนที่มาเล่นสวนสนุกบางตามากจนแทบจะเรียกได้ว่าพวกเราเกือบจะเหมาสวนสนุกนี้เล่นกันเชียวล่ะค่ะ พวกเราได้เล่นกันไปเต็มอิ่ม 3 ชั่วโมงเต็ม พร้อมมีคูปองซื้อเครื่องดื่มหรืออาหารได้อีก 5000 วอนมาด้วย เป็นประสบการณ์วันแรกที่แม้จะมอม ๆ เหมือนหมาตกน้ำสักหน่อย แต่ก็สนุกคุ้มค่ามาก ๆ และพวกเราก็จบวันกันไปด้วยการไปทานอาหารเย็น ก่อนจะเข้าที่พักไปพักผ่อนค่ะ
ที่พักสองคืนแรกของพวกเราจะนอนกันเป็นคู่ ซึ่งทางพี่ ๆ เจ้าหน้าที่ก็มีการจับคู่เอาไว้ให้แล้ว แต่ถ้าหากใครใคร่จะเปลี่ยนคู่ก็สามารถเปลี่ยนได้ ไม่มีปัญหาอะไรค่ะ ที่พักของเราใกล้ร้านสะดวกซื้อและแหล่งช็อปปิงพอสมควร หลังเข้าที่พักพี่ ๆ เจ้าหน้าที่เลยพาออกมาเดินเล่นจับจ่ายซื้อของเล็กน้อยตามความอยากของทุกคนค่ะ
เช้าวันรุ่งขึ้นก็ได้เวลาไปจุดหมายปลายทางต่อไป ซึ่งก็เป็นเรื่องสนุกอีกแล้ว เพราะพวกเราได้ไปที่ The Kart หรือก็คือสนามเล่นโกคาร์ทนั่นเอง ได้ไปลองขับโกคาร์ทกันคนละรองสองรอบ แข่งกันอย่างเมามัน แถมวิวทิวทัศน์ที่สนามก็สวยเขียวขจีแบบที่ว่าหายใจเข้าได้อย่างรู้สึกสบายปอดเลยทีเดียว
The Kart
หลังเสร็จจากโกคาร์ทก็ได้เวลาอาหารเที่ยงก่อนจะไปเดินที่หมู่บ้านทงพีรัง เมืองทงยองกันต่อ เป็นหมู่บ้านค่อนข้างเก่าแก่ ตั้งอยู่บนเนินเขา จุดนี้เดินกันเหนื่อยหอบอยู่สักหน่อย แต่เป้าหมายปลายทางก็คุ้มค่ามาก ๆ ทัศนียภาพจากบนเขานั้นทำเอาความเหนื่อยหายไปจนหมดเลย อ้อ ๆ ระหว่างทางมีพวกงานอาร์ตสวย ๆ ไว้ได้ถ่ายรูปเต็มไปหมดเลยด้วยนะคะ
บรรยากาศหมู่บ้านทงพีรัง เมืองทงยอง
สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด จุดหมายสุดท้ายของวัน มาถึงเกาหลีใต้ทั้งที จะลืมอีกเรื่องที่มีชื่อเสียงสุด ๆ ของเขาไปได้ยังไงกันใช่ไหมคะ และใช่ค่ะ รายการสุดท้ายของวันนี้ก็คือการเรียนเต้น K-Pop นั่นเอง เรียกได้ว่าทั้งเหนื่อยทั้งหอบแต่ก็สนุกสุด ๆ ครูที่สอนให้พวกเราเลือกเพลงกัน 1 เพลงจากตัวเลือก 3 วง และสุดท้ายพวกเราก็เลือกกกกกก 'whiplash - aespa' กัน ถามว่าสำหรับคนที่ไม่ค่อยเต้นยากไหม ก็ถือว่าเอาเรื่อง แต่ถ้าบอกว่าสนุกไหม ก็ต้องบอกว่าสนุกมากเลยล่ะค่ะ
คลาสเต้น K-Pop
หมดวันไปอีก 1 วัน เวลาทุกอย่างในทริปนี้ผ่านไปเร็วมาก ๆ จนน่าใจหาย ตื่นเช้าอีกทีก็เข้าวันที่ 3 ในเกาหลีและนับเป็นวันที่ 4 ของทริปแล้ว สำหรับในตอนเช้าพวกเราก็ออกเดินทางไปที่หมู่บ้านนัมซาเยดัม ซึ่งเป็นหมู่บ้านโบราณของเกาหลี ในวันนี้พวกเราก็ได้มีโอกาสใส่ชุดฮันบกหล่อ ๆ สวย ๆ กันทุกคน คุณป้าคุณลุงที่ดูแลก็ใจดีเป็นกันเอง ดูแลให้ทุกขั้นตอนการใส่ไม่ให้ผิดพลาด พวกเราได้เดินเที่ยวพร้อมฟังประวัติความเป็นมา ความเชื่อวัฒนธรรมการอยู่อาศัยของเกาหลีไปพร้อมกับถ่ายรูปกันอย่างเต็มอิ่ม
แถมด้วยการได้ลองทำถุงหอมแบบเกาหลี ที่ต้องใส่สมุนไพรนานาชนิดลงไปในถุงผ้าแล้วผูกมัดปมหิ้วกลับบ้านกันคนละถุง
หมู่บ้านนัมซาเยดัม
ในช่วงบ่ายหลังทานข้าวกลางวันเสร็จ พวกเราก็ไปต่อกันที่สวนพฤกษศาสตร์ 'Geochang Changpowon' ซึ่งก็ได้รับความรู้ต่าง ๆ จากคุณน้าเจ้าหน้าที่ประจำสวน ที่พาพวกเราเดินรอบเที่ยวสวนพร้อมอธิบายวัฒนธรรมการนำเอาสิ่งต่าง ๆ ในธรรมชาติมาใช้ในชีวิตประจำวันของคนเกาหลีสมัยก่อน รวมถึงได้ถ่ายรูปสวย ๆ กับดอกไม้นานาชนิดไปด้วย ก่อนกลับจากสวนก็ได้ลองทำพัดแบบฉบับของเกาหลีเป็นของตัวเอง และปิดท้ายด้วยการปั่นจักรยานรอบ ๆ สวนที่เรียกได้ว่าหลงทางกันจนเลยเวลานัด หาทางกลับไม่เจอเพราะสวนเขาใหญ่มากจริง ๆ
สวนพฤกษศาสตร์ 'Geochang Changpowon'
สำหรับวันนี้รายการที่ต้องทำอาจจะเยอะกว่าวันอื่นสักหน่อย เนื่องจากหลังจากทานอาหารเย็น ก็เป็นคืนสำหรับการแสดงแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกับเด็กนักเรียนเกาหลีกันแล้ว โดยที่ก่อนพวกเราแสดงก็มีการเล่นเกมกิจกรรมสร้างความสัมพันธ์กันเล็กน้อย แล้วจากนั้นก็จะเป็นนักเรียนเกาหลีที่ขึ้นแสดงก่อน มีทั้งการแสดงมายากล การแสดงดนตรีและการแสดงเต้น นักเรียนเกาหลีแต่ละคนเก่ง ๆ กันทั้งนั้น ส่วนของพวกเรานั้นก็ได้จัดเตรียมการแสดงวัฒนธรรมสี่ภาคไปแสดงกัน ซึ่งก็เป็นการเต้น เน้นม่วนจอย สนุก ๆ แสดงถึงเสน่ห์ของวัฒนธรรมไทยสี่ภาคของเรา
งานแสดงแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม
หลังจบการแสดงพวกเราก็มีการแลกเปลี่ยนสิ่งของของฝากกัน จากนั้นก็แยกย้าย สำหรับคืนนี้พวกเรานั้นได้มีการย้ายโรงแรม มานอนเป็นแบบห้องสามคน และเป็นการปูผ้านวมนอนกันแทน 1 คืน โรงแรมนี้เป็นโรงแรมที่ค่อนข้างห่างไกลเมือง แต่วิวสวยและอากาศก็ดีมาก ๆ เช่นกัน
บรรยากาศวิวในโรงแรมนอกเมือง
และแล้วก็มาถึงวันสุดท้ายที่จะได้เที่ยวก่อนจะเดินทางกลับในวันรุ่งขึ้น สำหรับวันนี้พวกเราก็ได้ไปยังที่หมู่บ้านทงอึยโบกัม และไปยังศาลาที่เขาเล่าว่าเป็นศาลาเอาไว้สำหรับรักษาคนป่วยในสมัยก่อน เดินเที่ยวชมพร้อมถ่ายภาพกันเพลิน ๆ พักใหญ่ก่อนจะเดินกันไปต่อที่สะพานข้ามไปยังอีกฝั่งเพื่อไปลองสปาเท้าโดยใช้สมุนไพรและความเชื่อทางการแพทย์ของคนเกาหลีโบราณ
ศาลารักษาผู้คนในสมัยก่อน หมู่บ้านทงอึยโบกัมและสะพานข้าม
สุดท้ายสำหรับกิจกรรมตามตารางนั้น พี่ ๆ เจ้าหน้าที่ได้พาพวกเราไปยัง Jinju Sport Value Center ซึ่งเป็นศูนย์กีฬาในร่มที่มีกิจกรรมหลากหลายให้ทำ ทั้งในรูปแบบเครื่องเล่นปีนป่าย รวมถึงเกมโปรแกรมเวอร์ชวลที่จะทำให้เราออกกำลังกายได้สนุกและน่าสนใจมากยิ่งขึ้น จะบอกว่าทั้งสนุก ทั้งเหนื่อย แล้วก็แมสก็อตของเขาน่ารักสุด ๆ ไปเลย
Jinju Sport Value Center
จบกิจกรรมทุกอย่างแล้วก็มีงานเลี้ยงอำลาให้ก่อนที่พวกเราจะเดินทางกลับ ซึ่งก็จะเป็นช่วงเวลาที่เราได้พูดความรู้สึกและประสบการณ์ตลอดทั้งทริปออกมาให้ทั้งเจ้าหน้าที่ทางฝั่งเกาหลี ฝั่งไทย รวมถึงเพื่อน ๆ ฟัง ซึ่งทุกคนก็บอกเป็นเสียงเดียวกันเลยทีเดียวว่า ประทับใจกิจกรรมทุก ๆ อย่างรวมถึงผู้คน การดูแล และเพื่อน ๆ ที่ได้พบเจอ เป็นการปิดจบกิจกรรมที่เต็มอิ่มและอิ่มใจกันมาก ๆ
กิจกรรมตามตารางหมดแล้ว แต่ก็ยังมีแถม เพราะเสียงเรียกร้องของพวกเราที่อยากจะไปช็อปปิงกัน สุดท้ายพวกเราก็ได้ไปซื้อของที่ Olive Young และมาร์ตเป็นการปิดท้าย เป็นการที่ได้ทั้งเที่ยว ได้สาระ ได้แลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ได้ช็อปปิง และได้เพื่อน ๆ ใหม่ เรียกว่าครบ จบ ในทริปเดียวสุด ๆ
เช้าวันรุ่งขึ้นพวกเราก็ออกจากโรงแรมที่พักแต่เช้าเพื่อมาที่สนามบิน พี่ ๆ เจ้าหน้าที่ของทางเกาหลีก็มาส่งถึงสนามบิน พวกเราออกเดินทางในช่วงเช้าวันที่ 6 มิถุนายน มาพักเปลี่ยนเครื่องที่เวียดนามเหมือนเดิม ก่อนจะแลนด์ที่ไทยช่วงค่ำ ๆ ของวันที่ 6 มิถุนายน จบโครงการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมลงอย่างสวยงาม
แต่ ๆ โครงการจบ คนไม่จบ กว่าพวกเราจะแยกย้ายกันก็พูดคุย ถ่ายคอนเทนต์กันไปอีกเกือบ ๆ ชั่วโมง และหลังจากแยกย้ายกันพวกเราก็ยังคงติดต่อกันอยู่ตลอด ๆ เป็นระยะเวลาประมาณ 6 วันไม่เต็มดีที่ทำให้พวกเราได้เจอเพื่อนใหม่ดี ๆ ที่รู้สึกสนิทกันมาก ๆ ได้ประสบการณ์อะไรใหม่ ๆ ที่ไม่ได้เจอ รวมถึงไม่คิดว่าจะดีขนาดนี้ด้วย
สุดท้ายนี้ก็ต้องขอขอบคุณทางสำนักงานการต่างประเทศ กรุงเทพมหานครที่ได้ให้โอกาสการเข้าร่วมโครงการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมนี้แก่พวกเราทั้ง 20 คน ซึ่งจะเป็นประสบการณ์ที่พวกเราจะไม่ลืมเลย ขอบคุณพี่เจ้าหน้าที่จากไทยทั้งสามท่านที่ดูแลเราอย่างดีตลอดทริป ขอบคุณพี่เจ้าหน้าจากทางเกาหลีอีกสองท่านที่ก็ดูแลเราอย่างดีสุด ๆ ในตอนที่อยู่เกาหลี รวมถึงขอบคุณพี่ล่ามที่คอยแปลทุก ๆ อย่าง ทุก ๆ ข้อมูล ทุก ๆ กิจกรรมให้ และขอบคุณเพื่อน ๆ ทุกคนที่เข้ามาเป็นความทรงจำที่ดีมาก ๆ หนึ่งความทรงจำของชีวิตเรา คิดถึงทุกคนเลย
ปล. ติดค้างเรื่องอาหารเอาไว้ตั้งแต่ต้นบล็อก เอาเป็นว่าอาหารตลอดทั้งโครงการนี้ให้แบบอิ่ม จุใจ เยอะจนกินไม่หมดจนแอบเสียดายในแทบจะทุกมื้อเลยทีเดียวล่ะค่ะ เดี๋ยวจะแนบรูปเอาไว้ ใครอ่านตอนดึก ๆ ก็ระวังหิวกันด้วยนะคะ
อาหารแบบมัดรวมทุกมื้อในทริป
เราก็ขอจบการรีวิว ? การเข้าร่วมโครงการแลกเปลี่ยนที่เป็นการเที่ยวเกาหลีฟรีไปในตัวไว้ ณ ที่นี้ ถ้าหากใครสนใจโครงการนี้ก็สามารถติดตามได้ทางเพจสำนักงานการต่างประเทศนะคะ เหมือนว่าจะมีประกาศรับสมัครอยู่ทุกปีเลย
บล็อกนี้เป็นบล็อกแรกของเรา เขียนยาวมาก ๆ หวังว่าจะยังไม่เบื่อกันไปก่อนนะคะ
โฆษณา