7 ก.ค. เวลา 04:18 • การศึกษา

วิธีเตรียมตัวในการสอบติดมหาลัย ฉบับ Dek69

เราต้องทำความรู้จักกับตัวเองก่อนว่าเราชอบอะไร อยากเรียนเกี่ยวกับอะไร โตไปอยากทำอาชีพอะไร
1. ค้นหาตัวเองว่าอยากเรียนคณะ / มหาลัยฯ อะไร
การค้นหาตัวเองสามารถทำได้หลายวิธีเลย ไม่ว่าจะเป็นการเช็กจากวิชาที่ชอบ อาชีพในฝัน หรือการทำแบบทดสอบทางจิตวิทยาเพื่อค้นหาตัวเอง แต่นี่เป็นแค่วิธีส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะยังมีอีกหลายวิธีเลยที่จะทำให้น้อง ๆ ได้รู้จักตัวเองมากขึ้น
2. ศึกษาหลักสูตรของคณะที่น้อง ๆ อยากเข้า
เมื่อรู้แล้วว่าอยากเข้าคณะอะไร ให้น้อง ๆ ลองดูว่าคณะนี้ มีมหาลัยฯ ไหนบ้างที่เปิดสอนและเข้าไปดูหลักสูตร หรือสอบถามรีวิวการเรียนจากรุ่นพี่ เพราะแต่ละมหาลัยฯ จะมีหลักสูตรที่เปิดสอนไม่เหมือนกัน แม้ว่าชื่อคณะจะเหมือนกันก็ตาม
เช่น คณะนิเทศของมหาลัยฯ A เน้นสอนการแสดงเป็นหลัก แต่คณะนิเทศของมหาลัยฯ B เน้นสอนโฆษณา ซึ่งการศึกษาหลักสูตรของคณะเอาไว้ จะช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าอยากเรียนอะไร หรือเข้ามหาลัยฯ ไหนกันแน่ !!
3. ศึกษาระบบ TCAS และวางแผนต่อ
หลังจากที่เลือกได้แล้วว่าอยากเข้าคณะ / มหาลัยฯ ไหน น้อง ๆ ก็ควรศึกษาระบบ TCAS ต่อเพื่อวางแผนว่าคณะที่
น้อง ๆ อยากเข้าสามารถสอบรอบไหนได้บ้าง และควรเริ่มเก็บผลงานต่าง ๆ ตอนไหน จะได้มีเวลาทำ Portfolio ตั้งแต่
เนิ่น ๆ ควบคู่กับการอ่านหนังสือเตรียมตัวสอบและเก็บเกรดที่โรงเรียนไปด้วยยย
เหตุผลที่ต้องศึกษาระบบ TCAS เอาไว้ด้วยก็เพราะว่าระบบนี้มีหลายรอบ / ขั้นตอน ไม่ใช่แค่การสมัครสอบ ยื่นคะแนนแล้วจบ แต่น้อง ๆ ควรจะรู้เรื่องการยืนยันสิทธิ์ สละ
สิทธิ์ และค่าใช้จ่าย
4. เตรียมตัวอ่านหนังสือ
น้อง ๆ มักจะถามว่าเริ่มอ่านหนังสือตอนไหนดี พี่บอกเลยว่า เริ่มตอนนี้ดีที่สุด ไม่จำเป็นต้องรอกำหนดการออกแล้วค่อยเริ่มอ่านหนังสือ ยิ่งน้อง ๆ เริ่มเร็วเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีเวลาทบทวนและปิดจุดอ่อนตัวเองได้มากขึ้นเท่านั้น พี่เชื่อเสมอว่าการเตรียมตัวสอบเข้ามหาลัยฯ ก่อนใคร ทำให้เรามีชัยไปกว่าครึ่ง !!
แจก 3 วิธีอ่านหนังสือยังไงให้สมาธิไม่หลุด จำได้เยอะขึ้น
1. เขียนแพลนเนอร์
จริง ๆ แล้วการเขียนแพลนเนอร์มีประโยชน์เยอะมากกก อย่างแรก คือ การเขียนแพลนเนอร์จะทำให้เห็นกิจกรรม
ที่ต้องทำทั้งหมดใน 1 วัน ช่วยให้วางแผนกิจกรรมและการอ่านหนังสือได้ดีขึ้น เป็นการฝึกบริหารเวลาที่ดีมาก ๆ เลยล่ะ
โดยประเภทของแพลนเนอร์นอกเหนือจากแพลนเนอร์รายวัน ก็มีอีกหลายแบบให้น้อง ๆ ได้เลือก เช่น แพลนเนอร์
รายสัปดาห์ แพลนเนอร์รายเดือน น้อง ๆ อาจจะลองใช้หลาย ๆ รูปแบบเพื่อให้รู้ว่าแบบไหนเหมาะกับการจดเลคเชอร์ของตัวเองที่สุด
เทคนิคการใช้สีให้หลากหลายใน 1 หน้ากระดาษจะช่วยให้น้อง ๆ จำเนื้อหาได้ง่ายขึ้น เช่น
ต้องการจดเนื้อหา แนะนำให้ใช้สีโทนเย็นอย่าง สีน้ำเงินหรือสีฟ้า เพราะเป็นสีที่ทำให้สบายตา
ต้องการจะเขียนคำนิยามหรือความหมายของคำนั้น ๆ ควรเลือกใช้ สีเขียว
ต้องการเตือนความจำ เพื่อย้ำว่าห้ามลืมหรือห้ามพลาดตรงจุดนี้ แนะนำให้ใช้ สีม่วง
ต้องการย้ำว่าคำนี้สำคัญสุด ๆ ให้ใช้สีที่มีความร้อนแรงอย่าง สีแดง
2. เลือกช่วงเวลาอ่านหนังสือให้เหมาะสม
การอ่านหนังสือในช่วงเวลาที่สมองปลอดโปร่งและตื่นตัว ถือเป็นเวลาที่ดีที่สุดเพราะจะทำให้น้อง ๆ อ่านหนังสือแล้วจำได้เยอะขึ้น แต่ช่วงเวลาของแต่ละคนก็จะไม่เหมือนกัน บางคนสะดวกช่วงเช้า (ช่วงเวลาก่อนไปโรงเรียน) เช่น ตี 5 – 7 โมง ส่วนบางคนชอบอ่านหนังสือตอนกลางคืน หรือหลายคนโต้รุ่งไปเลยก็มี (แต่อันนี้ไม่ดีต่อร่างกาย และไม่ควรทำบ่อย ๆ น้า)
สำหรับน้อง ๆ ที่กำลังจะเริ่มเตรียมตัวอ่านหนังสือสอบเข้ามหาลัยฯ แต่ยังไม่แน่ใจว่าควรจะอ่านหนังสือช่วงเวลาไหนดี
พี่แนะนำให้แบ่งวันใน 1 อาทิตย์ เพื่อให้ได้ทดลองอ่านหนังสือทั้ง 2 เวลา เช่น อ่านตอนเช้า 4 วัน อีก 3 วันอ่านตอน
กลางคืน หรือปรับเวลาตามที่สะดวกได้เลยย
3.เทคนิคมะเขือเทศ (Pomodoro) ใครไม่ค่อยมีสมาธิ แนะนำวิธีนี้ !!
น้อง ๆ หลายคนยังไม่เริ่มเตรียมตัวสอบเข้ามหาลัยฯ เพราะรู้สึกว่ายังไม่มีสมาธิมากพอที่จะอ่านนาน ๆ เป็นชั่วโมง
ซึ่งจริง ๆ แล้ว สามารถแบ่งเวลาสั้น ๆ สัก 20-25 นาทีเพื่ออ่านหนังสือแล้วค่อยพักเบรก 5 นาทีตามแบบเทคนิคมะเขือเทศได้ แต่ช่วงเวลาที่อ่านนั้น น้อง ๆ จะต้องโฟกัสกับสิ่งที่อ่านแบบ 100% ทำวนแบบนี้ไป 4 รอบ แล้วก็จะรู้ว่าเราอ่านได้ตั้ง
1 ชม. แบบที่สมาธิไม่หลุดเลย !! เหมาะมาก ๆ สำหรับคนที่โฟกัสกับการอ่านหนังสือได้ไม่นาน
4. จัดตารางอ่านหนังสือให้เหมาะกับตัวเอง
ก่อนที่น้อง ๆ จะเริ่มอ่านหนังสือ พี่อยากให้ทุกคนลองมองเป็นภาพกว้างก่อนว่าเรามีวิชาหรือเนื้อหาอะไรที่ต้องอ่านบ้าง เพื่อสอบเข้าคณะที่เราใฝ่ฝันเอาไว้ ลิสต์ออกมาแล้วจัดตารางอ่านหนังสือกันดูว่าแต่ละวิชาควรจะอ่านช่วงไหน และควรเก็บเนื้อหากับฝึกทำโจทย์ตั้งแต่เดือนอะไร เราจะได้ไม่ตกหล่นเนื้อหาสำคัญ และเห็นความคืบหน้าในการเตรียมตัวสอบด้วยน้า
ทั้งนี้การจัดตารางอ่านหนังสือพี่ก็แนะนำให้ยึดความสะดวกและความเหมาะสมของเป้าหมายทุกคนไว้เป็นอันดับแรกเลย เพราะถ้าเราจัดตารางอ่านหนังสือแบบที่หนักหรือเบาจนเกินไปก็อาจจะไม่ดีกับตัวเรานั่นเอง
อยากสอบติด … ต้องคิดแบบนี้
จริง ๆ แล้วการอ่านหนังสือเตรียมตัวสอบเข้ามหาลัยฯ ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะน้อง ๆ ต้องทุ่มเททั้งพลังกาย และพลังใจ ทำให้มีบางครั้งที่รู้สึกท้อ เครียด และหมดไฟ ดังนั้นพี่จะขอเติมกำลังใจให้ทุกคนด้วยการยกข้อชวนคิดของเด็กสอบติดมาให้น้อง ๆ ดูว่าเขามีวิธีคิดกันยังไงและนำไปปรับใช้ให้เข้ากับตัวเองดูน้า
โฆษณา