8 ก.ค. เวลา 04:00 • ธุรกิจ

บทวิเคราะห์ ONE Championship: สัญญาณความเสี่ยง หรือ กลยุทธ์การเติบโตระยะยาว?

เห็นข่าวเรื่อง "ONE ขาดทุน" ถูกนำมาเล่าใหม่กันทุกปี จริงๆแอดธีเคยเขียนเรื่องนี้ไว้เมื่อ 2 ปีที่แล้ว วันนี้เลยขออัปเดตมุมมองกันหน่อยครับ กับข่าวที่ออกมา เผื่อบางทีอาจจะมีข่าวที่ผิดพลาด หรือ ข่าวปลอม ที่อาจจะทำให้สับสนกันด้วย
#เกมยาวของสตาร์ทอัพ
ข่าวเรื่องการ "ขาดทุน" ของ ONE ไม่ใช่ความลับ และมันไม่ใช่สัญญาณของความล้มเหลว ในโลกธุรกิจ มันมีสิ่งที่เรียกว่า Valley of Death ซึ่งเป็นช่วงที่บริษัทต้องยอม "เผาเงิน" เพื่อลงทุนสร้างสินทรัพย์ที่แข็งแกร่งที่สุด ก่อนจะเก็บเกี่ยวผลกำไรมหาศาลในระยะยาว
ลองดูตัวอย่างระดับโลกที่พิสูจน์แล้วสิครับ
Amazon: อดทนขาดทุนนานถึง 9 ปี เพื่อสร้างอาณาจักรอีคอมเมิร์ซ
Tesla: พนันทั้งบริษัท เดินในเส้นทางขาดทุนนับ 10 ปี เพื่อปฏิวัติอุตสาหกรรมยานยนต์
Uber: ใช้เวลา 14 ปี และขาดทุนสะสมกว่า 3 หมื่นล้านเหรียญ เพื่อเปลี่ยนพฤติกรรมคนทั้งโลก
สิ่งที่ ONE ทำ ก็คือการเดินตาม Playbook เดียวกันนี้ เงินที่หลายคนเรียกว่า "ขาดทุน" แท้จริงแล้วคือเม็ดเงินที่ถูกเปลี่ยนไปเป็นสินทรัพย์ที่ประเมินค่าไม่ได้ นั่นคือ แบรนด์ระดับโลก, คลังคอนเทนต์ที่ใหญ่ที่สุด, และฐานทัพนักกีฬาซูเปอร์สตาร์
#ปรับโครงสร้างเพื่อความแข็งแกร่ง
ส่วนข่าวการปรับโครงสร้างองค์กร (Layoff) ก็เป็นเรื่องปกติธรรมดามากครับ ในช่วงปี 2024-2025 ยักษ์ใหญ่ที่กำไรมหาศาลอย่าง Microsoft และ Google ก็ยังต้องเลิกจ้างหลายหมื่นตำแหน่งเพื่อความคล่องตัว มันคือการปรับตัว
ในทุกองค์กรกีฬาขนาดใหญ่ การที่นักกีฬาย้ายเข้าและออกเป็นเรื่องปกติธรรมดา มันสะท้อนถึงตลาดที่มีการแข่งขันและเป็นธรรมชาติของวงการกีฬาที่มีทั้งคนที่พอใจและไม่พอใจในสัญญาหรือโอกาสที่ได้รับ การมีนักกีฬาหมุนเวียนคือสัญญาณขององค์กรที่ยังเคลื่อนไหวอยู่
#ย้ายฐานการผลิตสู่ประเทศไทย
จากที่เห็นเพราะกิจกรรมเกือบ 80% เกิดขึ้นที่นี่ การย้าย production hub ทำให้ ONE สามารถลดต้นทุนมหาศาล และเพิ่มการผลิตคอนเทนต์คุณภาพสูงจากแค่ปีละ 30-40 รายการ กลายเป็น มากกว่า 60 รายการต่อปี ผ่านศึก ONE ลุมพินี และ ในอนาคตยังจะมีการร่ว่มมือกับทางลุมพินี และ มวยไทยรากหญ้าเพื่อพัฒนา มวยไทย 5 ยก เพื่อให้เป็นสากล
รวมถึง ONE ลุมพินีสัญจร เพิ่มมาอีกด้วย ซึ่งก็น่าจะทำให้นักกีฬาเข้าสู่ระบบนิเวศของ ONE ลุมพินี มากขึ้นและทำผลงานได้ดีขึ้น
ที่สำคัญที่สุด มันคือการเปิดโอกาสให้ประเทศไทยกลายเป็น "ศูนย์กลางการผลิตสื่อกีฬาระดับโลก" อย่างเต็มตัว
#บทพิสูจน์แผนการเดินทาง
แล้วแผนการเดินทางไกลนี้ได้ผลจริงไหม ? สำหรับแอดธี มองว่าคำตอบที่ชัดเจนที่สุดเกิดขึ้นในศึกประวัติศาสตร์ ONE 172 ที่ญี่ปุ่น วันนั้นยอดสั่งซื้อ PPV ทะลักเข้ามาพร้อมกันมหาศาลจนระบบของ Microsoft ถึงกับล่ม (แอดธีก็เป็นหนึ่งในคนที่ดูไม่ได้ ไลฟ์สดอยู่ บ่นยับเลยครับ 😅)
แต่ในทางธุรกิจ เราเรียกสิ่งนี้ว่า "Happy Problem" ปัญหาที่น่ายินดี
แม้จะเสียรายได้ไปบ้าง และ ONE เองก็รับผิดชอบคืนเงินให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบ แต่เหตุการณ์นี้คือข้อพิสูจน์ที่จับต้องได้ว่า แฟนๆ ทั่วโลก พร้อมที่จะจ่ายเงิน เพื่อดูคอนเทนต์ของ ONE แล้ว แบรนด์ที่ลงทุนสร้างมานานกว่าทศวรรษ ได้สร้างฐานแฟนที่ภักดีได้สำเร็จ
#อนาคตของมวยไทยอยู่ในมือพวกเรา
ความสำเร็จของกลยุทธ์นี้จึงมีความหมายที่ลึกซึ้งยิ่งกว่าตัวเลขในบัญชี หาก ONE สามารถเดินออกจากหุบเหวนี้ได้อย่างสมบูรณ์ มันจะเป็นการ ปลดล็อกศักยภาพ ให้กับมรดกของชาติอย่าง "มวยไทย" อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
เราได้เห็น Kickboxing และ MMA ที่มาทีหลัง สามารถสร้างอุตสาหกรรมมูลค่ามหาศาลไปทั่วโลก การที่ "ต้นตำรับ" อย่างมวยไทยมีแพลตฟอร์มระดับโลกที่แข็งแกร่งที่สุดเป็นของตัวเอง คือโอกาสครั้งประวัติศาสตร์ที่จะทำให้มรดกของเราเติบโตและมีมูลค่าทัดเทียมหรือเหนือกว่าได้ในที่สุด
แอดธี เชื่อว่าไม่มีคนไทยคนไหนที่อยากเห็น ONE ไม่สำเร็จ เพราะความสำเร็จนั้นจะไหลกลับมาหล่อเลี้ยงระบบนิเวศมวยไทยทั้งระบบ ตั้งแต่ค่ายมวยรากหญ้าไปจนถึงการสร้างฮีโร่คนใหม่ๆ ให้เป็นหน้าเป็นตาของประเทศ มาช่วยกันสนับสนุนและติดตามกันต่อไปครับ คิดเห็นยังไง พูดคุยกันได้นะครับผม
#ONEChampionship #ฮีโร่มวยไทย
โฆษณา