8 ก.ค. เวลา 09:53 • ข่าวรอบโลก

หน้า 1|ผู้ชายที่เปลี่ยนที่นอนทุกคืน 5 ปีเต็ม…โดยการถือป้าย “ขอนอนบ้านคนแปลกหน้า” ทุกคืน

“ผมขอไปนอนที่บ้านคุณคืนนี้ได้ไหมครับ”
นี่ไม่ใช่แค่คำพูดสุ่ม ๆ
จากคนพเนจร
แต่มันคือชีวิตประจำวันตลอด 5 ปีที่ผ่านมา
ของชายคนหนึ่ง
ชูราฟุ อิชิดะ (シュラフ石田)
ชายวัย 33 ปี
ทุกวัน
เขาจะถือกระดานที่เขียนว่า
“今晩泊めてください”
(ขอผมนอนด้วยคืนนี้ได้ไหมครับ)
ไปยืนอยู่หน้า สถานีรถไฟ
เพื่อรอคนแปลกหน้า
ที่ยอมให้เขาไปนอนค้างด้วยที่บ้าน
ไม่ใช่วันสองวัน
แต่ทำแบบนี้…ตลอด 5 ปีเต็ม
“การได้นอนบ้านคนอื่น”
สำหรับคนทั่วไป อาจเป็นอะไรที่ไม่ธรรมดา
แต่สำหรับเขา
มันคือ ความธรรมดา ที่กลายเป็นชีวิตจริง
เขาคือชายคนเดียวกันกับที่เคยออกในรายการสารคดี
“ザ・ノンフィクション” ของฟูจิทีวี
หลายคนอาจเคยเห็นผ่าน ๆ
หรือเคยได้ยินชื่อมาแล้วบ้าง
แต่วันนี้ เราจะได้รู้ว่า
เขาใช้ชีวิตแบบนั้นไปทำไม
และ “จริง ๆ แล้ว”
ชีวิตของเขาเป็นอย่างไร
|“ผมไม่ได้อยากเที่ยว…แต่ผมอยากออกเดินทาง”
อิชิดะ เป็นคนชอบเดินทางมาตั้งแต่แรก
ตอนเป็นนักศึกษาก็เคยแบกเป้เที่ยวคนเดียว
หลังเรียนจบ
เขาก็ลองทำงานบริษัท
แต่การไปเที่ยวแค่ช่วงวันหยุด
มันไม่พอสำหรับเขา
เขาไม่ได้อยาก “เที่ยว”
แต่เขาอยาก “ออกเดินทางจริง ๆ”
“ตอนอยู่ ม.ต้น พ่อผมติดรายการ
‘วันพุธนี้…ไปไหนดีนะ’ (水曜どうでしょう) มากครับ
เป็นรายการท่องเที่ยวที่ฉายวันพุธ
ผมก็เลยได้ดูไปด้วย แล้วก็หลงใหลการเดินทางตั้งแต่นั้นมา”
“ตอนทำงานประจำ ถึงจะได้ไปเที่ยวบ้าง
แต่วันหยุดมันมีจำกัดใช่ไหมล่ะครับ
อย่าง 2 คืน 3 วัน หรือ 3 คืน 4 วัน
มันต้องวางแผน ต้องกำหนดวันกลับ
ผมไม่ชอบตรงนั้นเลย…”
“ผมอยากไปตามอารมณ์ที่ตื่นมาวันนั้น
อยากไปที่ไหน…ก็ไปที่นั่น
ก็เลยรู้ตัวว่า ผมไม่ได้อยาก ‘ไปเที่ยว’
ผมอยาก ‘เดินทาง’
เลยตัดสินใจลาออกจากงาน”
จริง ๆ แล้ว
เขาเคยฝันว่าอยากเดินทางรอบโลก
แต่สุดท้าย
เขาเริ่มจากสิ่งใกล้ตัวก่อน
“เหมือนเป็นเวทีอุ่นเครื่อง
ก่อนออกทัวร์รอบโลกน่ะครับ (หัวเราะ)
ตอนนั้นคิดว่า ไหน ๆ ก็จะออกเดินทางแล้ว
ก็อยากพูดคุยกับคนแต่ละพื้นที่ไปด้วย
เลยเริ่มถือป้าย ‘今晩泊めてください’
ไปยืนตามหน้าสถานี เพื่อหาคนให้ที่นอน”
แล้วมันก็กลายเป็น
สไตล์ชีวิต
ที่เขาใช้มาตลอด 5 ปี
จนถึงตอนนี้
|“ถ้ายืนอยู่นานพอ…สุดท้ายก็มักจะมีทางออก”
หลายคนอาจรู้สึกอึดอัด
กับการให้คนแปลกหน้ามานอนที่บ้าน
ก็ไม่แปลก—
เพราะมันไม่ใช่เรื่องที่ใครก็ยอมง่าย ๆ
งั้น…เวลาที่ไม่มีใครให้ที่นอนเลย
เขาทำยังไง?
“คิดตามปกติ…ก็ใช่ครับ
คนส่วนใหญ่คงไม่ยอมให้ใครไปนอนด้วยง่าย ๆ หรอก
แต่จริง ๆ แค่มีคนสักคนที่โอเค
มันก็พอแล้ว
ก็อยู่ได้แล้วครับ”
“ตอนปีแรก
ผมจะยืนรอหน้าสถานี
จนถึงเวลารถไฟเที่ยวสุดท้ายทุกวันเลยนะ
แต่ทั้งปีนั้น
มีแค่ครั้งเดียวเท่านั้น
ที่ผมหาที่นอนไม่ได้”
“คืนนั้นอยู่ที่ วักกะไน ในฮอกไกโดครับ
ที่นั่น…คนไม่อยู่เลยจริง ๆ
ผมยืนอยู่หน้าสถานี
จนสุดท้ายเจ้าหน้าที่สถานีก็มาบอกว่า
‘ตรงนี้ไม่ค่อยมีคนหรอก
ผมว่าไม่น่าจะได้นะ’
พูดตรงมากเลยครับ (หัวเราะ)”
ไม่ใช่แค่ไม่มีคนให้ที่นอน
แต่ถึงขั้น “ไม่มีคนอยู่เลย”
เขาเลยเปลี่ยนแผน
เดินเข้าไปในร้านเหล้าท้องถิ่น
แล้วลองคุยกับคนแถวนั้นดู
“ผมไปนั่งที่เคาน์เตอร์
แล้วก็ได้คุยกับคนที่นั่งข้าง ๆ
เขาใจดีมากครับ ก็เลยลองขอเลยทันที
พี่เขาทำงานอยู่ที่สำนักงานของรัฐ
แล้วตอนนั้นก็ย้ายมาทำงานที่วักกะไนคนเดียว
เลยอยู่หอพักของหน่วยงาน”
“แต่หอนั้นเขาห้ามคนนอกเข้า
ด้วยเหตุผลเรื่องงาน
ก็เลยโดนปฏิเสธครับ…”
“สุดท้าย
พี่เขาก็แนะนำที่พักแบบ Rider House
ซึ่งเป็นที่พักราคาถูกสำหรับคนขี่มอเตอร์ไซค์
ผมก็เลยได้นอนที่นั่นแทนคืนนั้น”
หน้า 2|รายได้หลัก…คือ YouTube
แต่ก็ไม่ได้มากเท่าไหร่
ชีวิตแบบนี้
เขาเริ่มต้นจากเงินเก็บ
ที่สะสมไว้ตอนยังทำงานประจำ
ถึงจะได้นอนบ้านคนอื่นทุกคืน
แต่ก็ยังต้องมีค่าเดินทาง
ค่าอาหาร
และค่าจิปาถะตลอดทาง
แล้วเขาหาเงินจากไหน?
“ตอนที่ได้ออกรายการสารคดี
ก็มีคนตามไปกดติดตาม YouTube มากขึ้นครับ
จากนั้นก็มีรายได้จากช่องนิดหน่อย
นอกจากนั้น…ก็ไม่มีอะไรเลยครับ”
“เพราะตอนนี้ผมไม่มีค่าใช้จ่ายประจำ
ไม่มีค่าเช่า ค่าน้ำ ค่าไฟ อะไรแบบนั้น
ถ้ารวมค่าเดินทางด้วย
ก็ใช้แค่เดือนละประมาณ 3–5 หมื่นเยน”
“บางที
ถ้ามีคลิปที่มียอดวิวพุ่งเยอะ ๆ
รายได้จาก YouTube ก็พอจะมากกว่ารายจ่ายในเดือนนั้นได้
แต่พื้นฐานคือ…ขาดทุนตลอดครับ (หัวเราะ)”
“แต่ก็เอาเถอะ
ถ้าถึงวันไหนที่เงินเก็บหมด
ก็ค่อยคิดอีกทีตอนนั้นก็แล้วกันครับ”
|ต้นกำเนิดของชีวิตแบบนี้…อยู่ที่ไต้หวัน
เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา
ชูราฟุ อิชิดะ
ออกจากญี่ปุ่น
แล้วใช้ชีวิตอยู่ที่ไต้หวันนานเกือบ 2 เดือน
เขายังคงถือป้ายขอที่นอน
เดินทางไปเรื่อย ๆ
ใช้ชีวิตแบบเดียวกับที่ทำในญี่ปุ่น
ตอนแรกหลายคนอาจคิดว่านี่คือจุดเริ่มของการเดินทางรอบโลก
แต่ความจริง…มันย้อนกลับไปไกลกว่านั้น
“จริง ๆ ครั้งแรกที่ผมถือป้ายแบบนี้
คือตอนอยู่ที่ไต้หวันครับ”
“ตอนนั้นยังเป็นนักศึกษา
แล้วได้ไปเที่ยวคนเดียวครั้งแรกที่ไต้หวัน
ผมลองถือป้ายดู
แล้วคนที่นั่นก็ให้ที่นอนกันทุกคนเลยครับ”
“ได้กินอาหารบ้าน ๆ ที่หาไม่ได้จากการเที่ยวทั่วไป
อาหารไต้หวันก็อร่อยทุกอย่าง
บางครั้งเขายังพาไปเที่ยวต่อในวันถัดไปด้วย
มันเป็นประสบการณ์ที่ดีมากเลยครับ”
“สำหรับผม
ไต้หวันก็เลยเหมือนบ้านอีกหลังหนึ่งครับ”
เพราะรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน
ไต้หวันจึงเป็นที่ที่เขารู้สึกสบายใจ
ยิ่งไปกว่านั้น—
ที่นั่น…เขากลายเป็นคนดังเล็ก ๆ ด้วย
“อาจเพราะนิสัยคนที่นั่น
เขาค่อนข้างเปิดใจครับ
เห็นคนญี่ปุ่นทำอะไรแปลก ๆ
ก็รู้สึกว่าน่าสนุกดี
เลยให้ที่นอนกันง่ายกว่าในญี่ปุ่นมากครับ”
“แถมยังมีบางข่าวกับ SNS ในไต้หวันพูดถึงด้วย
เลยมีคนมาทักว่า ‘เห็นข่าวคุณนะ’ ด้วยครับ
แต่ก็แน่นอน…
ก็มีคนในเน็ตด่าผมเหมือนกัน (หัวเราะ)”
หน้า 3|คืนเดียว…ที่เขารู้สึกกลัวจริง ๆ
การใช้ชีวิตแบบนี้
แน่นอนว่าต้องเจอเจ้าบ้านแปลก ๆ บ้าง
เราเลยถามอิชิดะว่า
มีครั้งไหน…ที่รู้สึกไม่ปลอดภัยจริง ๆ ไหม?
“มีครับ
ตอนที่ผมไปพักบ้านคุณป้าท่านหนึ่ง
อยู่คนเดียว
พอเข้าไปในห้องนั่งเล่น
ป้าก็บอกทันทีว่า
‘ห้องนี้น่ะ…โดนดักฟังอยู่ ระวังให้ดีนะ’
แล้วก็ตามด้วย
‘ฉันก็โดนตามอยู่ด้วยล่ะ’
ฟังแล้วก็พอจะเข้าใจได้ว่า
ป้าท่านนั้นน่าจะ…ไม่ปกติเท่าไหร่
แต่ผมก็ยังคุยกับเขาต่อ
ดื่มเหล้าไป คุยไป
จนสังเกตเห็นว่า
ตลอดเวลานั้น ป้าถือกรรไกรไว้ในมือ…ตลอดเลยครับ”
เจ้าบ้านที่ถือของมีคมอยู่ตลอด
แถมพูดจาไม่ค่อยรู้เรื่อง
ถึงตอนนั้น
อิชิดะเริ่มรู้สึกว่า “ไม่ปลอดภัย” เป็นครั้งแรก
เขาเลยรีบเอาถุงนอนออกมา
เตรียมจะเข้านอนให้เร็วที่สุด
แต่กลับโดนชวนว่า
“นอนบนเตียงด้วยกันสิ”
“ตอนนั้น…ป้ายังถือกรรไกรในมืออยู่นะครับ
ผมก็กลัวว่า
ถ้าปฏิเสธแล้วเขาโกรธ
จะยิ่งอันตราย
เลยต้องแกล้งทำเป็นนอนบนเตียงด้วยครับ
แบบนอนเฉย ๆ ไม่หลับจริง”
“แล้วป้าก็พูดขึ้นมาว่า
‘ถ้ามีผู้หญิงนอนข้าง ๆ มันก็ต้องหนุนแขนสิ
ไม่รู้เหรอว่ามันคือมารยาท!’
จากนั้นก็เริ่มโมโหเลยครับ”
“แต่ผมไม่อยากหนุนแขนให้จริง ๆ
เลยปฏิเสธไป
แล้วป้าก็พูดว่า
‘งั้นฉันจะทำให้เธอลำบากกว่านี้ดีไหมล่ะ’
แล้วเริ่มโวยวายหนักขึ้นเรื่อย ๆ”
“ตอนนั้นผมคิดว่า…ไม่รอดแน่ละ
เลยรีบแกล้งทำเป็น ‘เป็นเกย์’
เพื่อให้เขาใจเย็นลง
แล้วค่อย ๆ ขอตัวลุกไปกินน้ำ
พร้อมคว้ากระเป๋า
เดินออกจากบ้านทันที
นั่นเป็นครั้งแรก
และครั้งเดียวเลยครับ
ที่ผมต้องออกจากบ้านกลางดึก
แม้จะเป็นบ้านที่เขายอมให้ผมนอนด้วยแล้วก็ตาม”
หน้า 5|มนุษย์สัมพันธ์…ที่มีแค่ในชีวิตแบบนี้
แม้จะเคยมีประสบการณ์น่ากลัวแบบนั้น
แต่ชูราฟุ อิชิดะ ก็ยังพูดชัดเจนว่า
“ผมไม่เคยคิดจะเลิกใช้ชีวิตแบบนี้เลยครับ”
เราถามเขาว่า
“อะไรคือเสน่ห์ที่สุดของชีวิตแบบนี้?”
คำตอบคือ
“ได้พบเจอผู้คนหลากหลาย
ได้ฟังเรื่องราวของเขา”
โดยทั่วไป
ความสัมพันธ์ของมนุษย์
มักจะผูกติดอยู่กับที่อยู่
อายุ
อาชีพ
หรือความชอบบางอย่าง
แต่กับเขาและเจ้าบ้าน
ความสัมพันธ์แบบนั้น…ไม่มีอยู่เลย
ไม่มีอะไรผูกกันไว้
ไม่มีสิ่งที่เรียกว่า “พื้นฐานร่วมกัน”
และนั่นแหละ
ที่เขาบอกว่า
เป็น “เสน่ห์ที่สุด” ของชีวิตแบบนี้
หากวันหนึ่ง
คุณเห็นชายคนหนึ่ง
ถือป้ายเขียนว่า
“今晩泊めてください”
(ขอผมนอนด้วยคืนนี้ได้ไหมครับ)
ยืนอยู่หน้า สถานีรถไฟ
คุณ…
จะทำยังไง?
แปลและเรียบเรียง: Janisa C.
โพสต์ครั้งแรกที่ เพจ เจแปน - แจนแปล
วันที่: 8 กรกฎาคม 2025 | สงวนลิขสิทธิ์
#シュラフ石田
#ชูราฟุอิชิดะ
#เจแปนแจนแปล
#ジャパンジャントランスレート
#เรื่องเล่าจากญี่ปุ่น
#日本の小さな物語
#เรื่องจริงจากญี่ปุ่น
#実話ドキュメント
#คืนนี้ขอผมนอนด้วยได้ไหมครับ
#今晩泊めてください
โฆษณา