9 ก.ค. เวลา 04:23 • ความคิดเห็น
แนวคิดนี้น่าสะพรึงมากผมบอกเลย ถ้าคิดดีๆแล้วมันจะสะเทือนใจแบบสุดๆเลยครับ ผมขอขยายความต่อให้ชัดเจนนะครับ ลองนึกภาพตามนะครับ...
ชายคนหนึ่งนอนอยู่บนเตียงโรงพยาบาล ใกล้ตาย ลมหายใจรวยริน ก่อนที่สมองเขาจะดับลง เขาเผลอคิดถึงเรื่องผิดบาปที่เขาเคยทำไว้ ความรู้สึกผิด ความกลัว ความละอาย มันเอ่อล้นขึ้นมาแบบควบคุมไม่ได้
แล้วจู่ๆ เขาก็หลุดไปสู่ภาวะฝัน หรือภาพหลอนในช่วงใกล้ตาย (Near-Death Experience)
เขารู้สึกตัวอยู่ใน “นรก” เสียงกรีดร้อง ความมืด ความร้อน ความเจ็บปวด และการลงโทษซ้ำๆ
เขาอยู่ในนั้น… ไม่ใช่แค่ 1 นาที
แต่เหมือน 100 ปี หรือ 200 ปี
ทั้งที่ในโลกจริง อาจเป็นเพียงไม่กี่วินาทีสุดท้ายก่อนสมองดับ แต่ในประสบการณ์นั้นกลับยาวนาน และเต็มไปด้วยความทรมานที่รู้สึกได้จริง เพราะสิ่งที่เขารู้สึก ไม่ใช่สิ่งหลอกลวง แต่มันคือ "สัญญาณไฟฟ้า" แบบเดียวกับที่เรารู้สึกเจ็บจริง สุขจริง รักจริงในชีวิตประจำวัน
แล้วแบบนี้…
นรกที่เขาพบในฝัน มันไม่ใช่นรกจริงหรือ
ถ้าความทุกข์นั้นแผดเผาจิตใจเขาได้มากพอจนรู้สึกเหมือนตายซ้ำๆ มันจะต่างอะไรกับ "ความจริง" 😰
ประเด็นคือ
สมองไม่แยกว่ามันฝัน หรือมันจริง
ถ้าสัญญาณไฟฟ้านั้นแรงพอ
ดังนั้น
ถ้าในฝันมีความสุข = เรายิ้มได้จริง
ถ้าในฝันมีความเจ็บปวด = สมองส่งความเจ็บปวดนั้นได้จริง
ถ้าในฝันมี "นรก" = นรกนั้นอาจโหดร้ายพอๆกับความเจ็บปวดในโลกจริง เพราะมันไม่มีทางหนี
สรุป
ความทรมานในฝัน อาจไม่ใช่แค่ “ฝันร้าย”
แต่มันคือ นรกจำลองที่สมองสร้าง และเราหลุดออกมาไม่ได้ ถ้ามันเกิดขึ้นตอนใกล้ตาย มันอาจเป็นจุดจบของชีวิตที่ยาวนานที่สุด ทั้งที่เวลาในโลกจริงหยุดเดินไปแล้ว
แค่คิดก็... 😱
โฆษณา