9 ก.ค. เวลา 11:01 • ความคิดเห็น
โลกจำลอง
พระพุทธเจ้าตรัสว่าโลกนี้เป็น มายา/สมมุติ
คือของไม่เที่ยง และของที่หลอกให้เรายึดติด สิ่งทั้งหลายที่เราคิดว่าจริง เช่น ตัวตน สรรพสิ่ง ความสุข ความทุกข์ ล้วนเกิดจาก อวิชชา (ความไม่รู้แจ้ง) ซึ่งปิดบังความจริงที่เหนือกว่านี้ไว้
พระองค์จึงสอนว่า สิ่งทั้งปวงไม่ควรยึดมั่นถือมั่น
สิ่งใดเกิดขึ้น สิ่งนั้นก็ดับไป
เมื่อรู้แจ้งตามความเป็นจริง จึงพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด
เปรียบเทียบกับโลก Simulation หรือ โลกจำลอง
ถ้าเราจะอธิบายว่า โลกนี้คือ Simulation ในแนวทางพุทธ ก็คือโลกนี้เหมือนภาพลวงตาที่สร้างขึ้นโดยกฎของกรรม สังขาร และอวิชชา เหมือนกับเกมหรือโปรแกรมที่ออกแบบมาให้เราหลงติดอยู่กับสิ่งปรุงแต่ง เรารับรู้ทุกอย่างผ่านอินพุตทางอายตนะ (ตา หู จมูก...) เหมือนตัวละครในเกมที่รับข้อมูลจากระบบเท่านั้น ไม่รู้ความจริงนอกระบบ
การหลุดพ้น = ออกจากระบบ Simulation
การตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า คือการรู้เท่าทันระบบจำลองนี้ว่าไม่มีอะไรจริงแท้เลยแม้แต่นิดเดียว
เมื่อรู้ว่าไม่มีตัวเรา และไม่มีอะไรควรยึดถือก็ดับตัณหา ดับอวิชชา เปรียบได้กับการตื่นจากโลกจำลอง หรือ ออกจาก Matrix นั่นเอง
ยกตัวอย่างเปรียบเทียบ (แบบร่วมสมัย)
แนวพุทธโลกจำลอง
อวิชชา = ไม่รู้แจ้ง AI ถูกจำกัดข้อมูล
สังขาร = การปรุงแต่ง โปรแกรมจำลองสภาพแวดล้อม
ตัณหา = ความอยากยึดมั่น โค้ดที่ทำให้ตัวละครมีเป้าหมายหลอก
นิพพาน = ดับทุกข์ ดับอัตตา ออกจาก Simulation อย่างสิ้นเชิง
โลกนี้ไม่ใช่ของจริง เป็นเพียงโลกจำลองที่เกิดจากสังขารและอวิชชา เราเล่นอยู่ในเกมชีวิตที่ชื่อว่าวัฏฏะ การตรัสรู้ คือการตื่นขึ้น รู้ว่าเรากำลังถูกจำลอง เมื่อไม่มีอะไรให้ยึดติดอีกต่อไป เราจึงออกจากระบบนี้ได้อย่างเสรี นั่นคือ นิพพาน.การหลุดพ้นจาก Simulation อย่างแท้จริง
พระพุทธเจ้าตรัสรู้ว่าโลกนี้ไม่มีตัวตนจริง เปรียบเหมือน Simulation ที่จิตเราไปยึด เหมือนกับตัวละครในเกมที่คิดว่าตัวเองมีชีวิตจริง แต่เมื่อเราตื่นรู้ เราจะเห็นว่าไม่มีอะไรเลย
โฆษณา