9 ก.ค. เวลา 12:10 • ธุรกิจ

วิธีคิดอิเวนต์แบบ ซีคอน เอาเรือโนอาห์-นรก-ภูเขาไฟ มาไว้ในห้าง เบื้องหลังคิดอะไร ?

- เรื่องนี้ถูกแชร์ในงาน CREATIVE TALK CONFERENCE 2025 ในช่วง Session Think Different Branding Strategy กลยุทธ์คิดต่างอย่างคนกล้า
โดย คุณจั๊ก-จักรพล จันทวิมล ผู้อำนวยการสายงานสำนักสื่อสารการตลาดและองค์กรสัมพันธ์ บริษัท ซีคอน ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)
ซึ่งคุณจั๊ก ทำหน้าที่บริหารศูนย์การค้าทั้ง 2 สาขา คือที่ ซีคอนบางแค และซีคอนสแควร์​ ศรีนครินทร์
แต่ก่อนที่จะเข้าสู่โมเดลที่ทีมงานของซีคอนใช้ในการทำอิเวนต์ มีหนึ่งเรื่องที่น่าสนใจและสำคัญในการทำงานไม่แพ้กันคือ การปลูกฝังวิธีคิด Fail More หรือการพลาดให้เป็นปกติธุระ ของทีมซีคอน
ซึ่งคุณจั๊กแชร์ให้ฟังว่า ทีมงานของซีคอน จะมีการประชุมเป็นระยะ ๆ เสมอ โดยที่การประชุมนี้จะไม่ใช่การประชุมที่เอาแต่เรื่องที่ทำสำเร็จแล้วหรือเรื่องที่ดี ๆ มาเล่า แต่จะเป็นการประชุมเพื่อบอกว่าช่วงที่ผ่านมามีเรื่องผิดพลาดอะไรบ้าง
เมื่อมีการประชุมเรื่องที่ผิดพลาดอยู่เรื่อย ๆ ก็จะทำให้ทีมงานมองว่าการพลาดเป็นเรื่องปกติ และเรียนรู้จากความผิดพลาดนั้น ๆ พอเป็นแบบนี้ก็จะทำให้ทีมงานไม่กลัวที่จะลองทำอะไรใหม่ ๆ
โดยใน 1 ปี มี 52 สัปดาห์ ซีคอน จะมีอิเวนต์เฉลี่ยทุก 2 สัปดาห์
เท่ากับว่าใน 1 ปี ซีคอน มีทั้งหมดกว่า 20 อิเวนต์
ซึ่งทั้ง 2 สาขาจะทำธีมแตกต่างกัน รวมเป็นกว่า 50 อิเวนต์ต่อปี
ตัวอย่างงานอิเวนต์ที่เป็นท่าไม้ตายในการเรียกลูกค้าเข้าศูนย์การค้าของซีคอน
- อิเวนต์ THE ARK ที่สร้างเรือโนอาห์ ขนาดใหญ่มากกว่า 800 ตร.ม. สูง 2 ชั้น ในเวลาเพียงแค่ 48 ชม.
- อิเวนต์นรก ที่เปลี่ยนลานในศูนย์การค้าซีคอนสแควร์​ ศรีนครินทร์ ให้กลายเป็นดินแดนแห่งนรก
- อิเวนต์ The Wall อร่อยข้ามกำแพง ที่ยกกำแพงเมืองจีนแบบที่คนเดินได้มาไว้กลางศูนย์การค้า
ซึ่งทุกงานอิเวนต์ที่เล่ามา ต้องมีคอนเซปต์ชัด และคอนเซปต์ที่คิดขึ้นมาก็ล้วนผ่านกระบวนการคิดของ ซีคอนเล่นใหญ่โมเดล
โดย ซีคอนเล่นใหญ่โมเดล จะมีกระบวนการทำงานแบ่งเป็น 3 ส่วนคือ
1. Customer
การที่จะทำอิเวนต์ออกมาสัก 1 อิเวนต์ ต้องตอบคำถามให้ได้ว่าลูกค้าจะได้อะไรบ้าง ใน 3 มุม ได้แก่
- Get ลูกค้าจะได้อะไรจากอิเวนต์นี้ในทาง Physical หรือ ทางกายภาพ ที่ลูกค้าจะสัมผัสโดยตรง เช่น ลูกค้าจะได้สัมผัสแมว หรือลูกค้าจะได้เล่นลูกบอล
- Feel ลูกค้าจะรู้สึกอย่างไรเมื่อมางานอิเวนต์นี้ เช่น รู้สึกตื่นเต้น รู้สึกว้าว รู้สึกเหมือนได้ไปท่องเที่ยวตามจังหวัดต่าง ๆ
- Tell ลูกค้าจะพูดอะไรหลังจากมางานอิเวนต์นี้ เช่น จะบอกต่อเพื่อน หรือจะบอกแค่กับตัวเองว่าวันนี้เรามาซีคอน
ทั้ง 3 มุมนี้ทำหน้าที่เป็น Objective หลักที่ต้องกำหนดให้ชัดเจนก่อนที่จะลงรายละเอียดของอิเวนต์ เมื่อตอบคำถามทั้ง 3 ข้อได้แล้ว ทีมงานจึงจะเริ่มวางแผนรายละเอียดอื่น ๆ ต่อไป
2. Process
ขั้นตอนต่อมาคือการวางแผนงานอิเวนต์ โดยแบ่งเป็น 6 ขั้นตอนย่อย ได้แก่
- Concept เป็นหัวใจสำคัญของงานอิเวนต์ โดยทุกงานของซีคอนจะต้องมีคอนเซปต์ที่ชัดเจน เพื่อกำหนดทิศทางและบรรยากาศโดยรวมของอิเวนต์
- Customer Journey เป็นการวางแผนเส้นทางของลูกค้าอย่างละเอียด ทีมงานต้องคิดว่าพอลูกค้าเข้ามาแล้วจะเจอกับอะไรบ้าง
เช่น จุดที่ 1 คืออะไร จุดที่ 2 คืออะไร เดินไปตรงนั้นจะได้ร่วมกิจกรรมอะไร หรือจะได้เห็นอะไรของงานบ้าง การวางแผนเส้นทางนี้จะช่วยให้ประสบการณ์ของลูกค้าไหลลื่นและมีความต่อเนื่องมากขึ้น
- K.O. Move หรือหมัดน็อก ที่บอกว่าทีเด็ดของงานนี้คืออะไร เช่น หากเป็นธีมญี่ปุ่น ทีเด็ดในอิเวนต์นี้คือภูเขาไฟฟูจิ หรือถ้าเป็นงานโชว์สัตว์ ก็จะมีสัตว์ทั่วไป
แต่ทีเด็ดของงานก็คือเรือโนอาห์ที่บรรจุสัตว์อยู่ในเรือ โดย K.O. Move นี้จะเป็นจุดที่ทำให้งานอิเวนต์ของซีคอนแตกต่างและน่าจดจำ
- Steak Holder ต้องระบุว่างานนี้จะต้องเกี่ยวข้องกับใครบ้าง ต้องติดต่อพาร์ตเนอร์ไหน ทีมงานแต่ละฝ่ายจะมีหน้าที่อะไร ผู้สนับสนุนมีใครบ้าง การระบุผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างครอบคลุมจะช่วยให้การประสานงานเป็นไปอย่างราบรื่น
- Action Plan เป็นการวางแผนปฏิบัติการอย่างชัดเจน ว่าทีมงานจะต้องทำอะไรบ้าง ทำเมื่อไร ใครรับผิดชอบ หรือต้องใช้ทรัพยากรอะไรบ้าง ซึ่งการวางแผนนี้จะช่วยให้การดำเนินงานเป็นไปตามกำหนดเวลาที่วางไว้
- Risk การประเมินความเสี่ยง ทีมงานต้องคิดถึงสิ่งที่อาจเกิดขึ้น
เช่น เสี่ยงต่ออุบัติเหตุ เสี่ยงต่อสิ่งที่ไม่คาดฝัน หรือแม้กระทั่งเสี่ยงที่งานที่ออกมาอาจจะไม่สำเร็จ
การประเมินความเสี่ยงล่วงหน้าจะช่วยให้ทีมงานเตรียมแผนสำรองและจัดการกับปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
3. Budget
สุดท้ายเป็นเรื่องของ Budget ว่าอยู่ในงบประมาณที่วางแผนไว้ไหม ซึ่งทีมงานจำเป็นต้องตรวจสอบว่าทุกอย่างที่วางแผนมาทั้งหมดนั้น สามารถดำเนินการได้จริงภายใต้งบประมาณที่มีอยู่ไหม
นอกจากนี้ คุณจั๊กยังแชร์ให้ฟังว่า การจัดงานอิเวนต์ต้องมีแผนสำรองและแผนฉุกเฉินเตรียมรองรับทุกสถานการณ์
ตัวอย่างเช่น ช่วงเดือนสิงหาคม ซีคอนมีการเตรียมจัดงานอิเวนต์ธีมพิเศษ แต่จัดไม่ได้เพราะของจากต่างประเทศเกิดการล่าช้า
ทีมงานก็ต้องคิดว่าจะจัดธีมไหนแทน และสเต็ปต่อไปก็คือ ต้องไปดูธีมสำรองที่มีว่ามีธีมไหนที่นำมาใช้งานได้บ้าง
อีกทั้งการทำอิเวนต์ต้องหาไอเดียให้แตกต่างอยู่เรื่อย ๆ
โดยที่กลยุทธ์หลักของการคิดธีมอิเวนต์ของซีคอน คือ ต้องแตกต่าง ต้องดึงคนได้ และต้องไม่เหมือนใคร
ซึ่งกว่าที่จะเห็นออกมาเป็นอิเวนต์ของซีคอนสักงานหนึ่ง คุณจั๊กบอกว่า มีหลายไอเดียในมือมาก โดยอัตราส่วนการคิดไอเดียของทีมซีคอน คือ 50 : 1 ที่ผ่านการคัดเลือกมาจริง ๆ
รวมถึงการจัดการ Crisis Management บางครั้งเป็น Happy Problem ที่ดูเหมือนเป็นเรื่องดี แต่กลับทำให้ลูกค้าได้ประสบการณ์ที่ไม่ดีกลับไป ก็ต้องรีบแก้ไข
และต้องเอากลับมาแก้ไขในงานต่อ ๆ ไป
เช่น อิเวนต์บ้านบอลที่คนมาเล่นเยอะเกินไป ทำให้ลูกค้าต้องต่อแถวนาน ทีมงานก็จะมีการจัดการหน้างานด้วยการแยกประเภทแถวตามประเภทการจ่ายเงิน เพื่อลดเวลารอคอย
สุดท้ายนี้ ถ้าถามว่า ถ้าไม่มีเงินทุนมากพอที่จะจัดงานอิเวนต์ได้ใหญ่เหมือนซีคอน ต้องทำอย่างไร ?
คุณจั๊กให้คำแนะนำไว้ว่า “ต้องรู้ Identity ของตัวเองหรือสิ่งที่เราถนัดก่อน ต้องตอบคำถามให้ได้ว่า
ตรงไหนที่ทำให้เราแตกต่าง ตรงไหนที่ลูกค้าต้องการเราจริง ๆ ตรงไหนที่เราสามารถทำให้ไม่เหมือนคู่แข่งได้ และหามุมเล่นในท่าของเราโดยไม่จำเป็นต้องเล่นใหญ่”
ทั้งหมดนี้คือกระบวนการคิดเบื้องหลังงานอิเวนต์ของซีคอน ที่เราเห็นกันอยู่นี่เอง..
โฆษณา