10 ก.ค. เวลา 13:00 • การศึกษา

สรุป 7 ข้อคิดที่ได้จากหนังสือ "จิตวิทยาสายดาร์ก"

1. ใครอยากพูดได้ดีขึ้น จงเปลี่ยนจากคำพูดให้เป็น “การสร้างภาพลักษณ์”
- ทักษะในการสื่อสารให้เข้าไปอยู่ในใจคน ไม่ใช่พูดโดยใช้หลักไวยากรณ์หรือเทคนิคคำพูด แต่คือ "การสร้างความน่าเชื่อถือและความประทับใจแบบลึกซึ้ง" ต่างหาก (Impression management)
“ผมเป็นคนที่ตั้งใจทำงานนะครับ ผมรับผิดชอบดี ทำงานเสร็จตามเวลาเสมอ”
(ฟังดูโอเค แต่ไม่น่าประทับใจ)
- ถ้าอีกคนแต่งตัวเรียบร้อย นั่งหลังตรง ยิ้มเล็กน้อย น้ำเสียงชัด มีจังหวะ ใช้ภาษากายประกอบ (เช่น มือจับปากกา พลิกแฟ้มเบา ๆ ตอนพูดถึงผลงาน)
“อย่างโปรเจกต์ล่าสุด ผมรับผิดชอบตั้งแต่ต้นจนจบ และส่งมอบก่อนกำหนดจริง ๆ ครับ เลยมีเวลาช่วยทีมแก้ไขส่วนอื่นต่อด้วย”
- ถึงจะพูดเหมือนเดิม แต่ดูจริงใจ น่าเชื่อถือ และมืออาชีพมากกว่า
2. ประทับใจแรกพบ มาจากรูปร่าง-น้ำเสียง มากกว่าคำพูด
สิ่งสำคัญที่สุดในการล้างสมอง คือ การสร้างภาพลักษณ์
- ข้อมูลจากคำพูดส่งผลความประทับใจ 7%
- ข้อมูลจากการได้ยินน้ำเสียงส่งผลความประทับใจ 38%
- ข้อมูลจากการมองเห็นภาษากาย + บุคลิกภาพ 55%
1
ดังนั้น ใส่ใจท่าทาง น้ำเสียง และลักษณะภายนอกมากกว่าแค่คำพูด
3. วิธีพูดที่ทำให้ถูกใจคนฟัง
- เริ่มด้วยการ “ชม” อย่างจริงใจ การชมที่ซื่อตรง เช่น “รสนิยมดีจัง” ได้ผลดีกว่าชมสิ่งที่เห็นเด่นชัด
- Fake it until you make it การชมไปเรื่อยเปื่อยไปอย่างต่อเนื่อง เดี๋ยวเราก็หาข้อดีอีกฝ่ายได้แบบอัตโนมัติเอง
- คำชม 3 คำที่ใช้ได้ทุกสถานการณ์ เช่น “อัจฉริยะ”“หัวดี”“สำเร็จแน่”
4. พูดอย่างไรให้คนฟังคล้อยตาม
- ใช้วิธีเปรียบเทียบ (เหมือนกับ…)
- หลีกเลี่ยงคำบอกชัด เช่น “ทุกคน” ใช้ “คุณ” หรือชื่อแทน
- พูดแบบเปิดโอกาสคิด ไม่ตัดสิน เช่น “อาจจะ…” “...น่าจะ…”
- ใส่ช่วงว่างตอนพูด เพื่อให้คนฟังคิดตาม
5. เทคนิคการฟังให้โดดเด่น
- ฟังเหมือนเรากำลังดู “เรื่องที่น่าสนใจที่สุดในโลก”
- ใช้ภาษากายเช่น พยักหน้า เลิกคิ้ว เสริมว่ารับรู้
- ห้ามขัดกลางประโยค หลีกเลี่ยงลดหน้าอีกฝ่าย
6. ยกระดับการพูดให้มีพลัง
- รักษาท่าทางตรง สื่ออารมณ์ทางสีหน้า
- ใช้มือขยับเมื่อพูด หลีกเลี่ยงกอดอก
- เลียนแบบ (mirror) ท่าทางอีกฝ่ายเพื่อสร้างความสนิทสนม
- หายใจลึก เคลื่อนไหวช้า ช่วยลดความประหม่า
7. กลวิธีจิตวิทยาชั้นสูงที่ใช้ผสม
- Pacing: ปรับจังหวะ/น้ำเสียงให้เข้ากับคู่สนทนา
- Anchoring: โยงเริ่มต้นด้วยเงื่อนไขหรือระดับสูงเพื่อชี้นำการตัดสินใจ
- Diderot effect: กระตุ้นให้รู้สึกอยากได้ชุดของที่สวยงามเหมือนกัน
- Scarcity: ใช้ความหายากหรือเวลากำหนดให้เกิดความต้องการ
- Boomerang & Undermining effects: อย่าใช้จนเกินไป หรือให้รางวัลมากเกินไปจนกลายเป็นเงื่อนไข
- Norm of reciprocity: การให้เพื่อหวังผลตอบแทนอาจกลับต้าน
.
สรุปและเรียบเรียงโดย The Money
----------------------------------------------------------
💰✨ พร้อมเปลี่ยนมุมมองเรื่องเงินของคุณแล้วหรือยัง?
📈 กดติดตาม The Money วันนี้!
✅ เคล็ดลับจัดการการเงินง่ายๆ
✅ แรงบันดาลใจสร้างความมั่งคั่ง
✅ อัปเดตความรู้ลงทุน
🌟 อย่าปล่อยให้โอกาสดีๆ หลุดมือ!
👉 คลิกติดตามเลย แล้วเริ่มต้นเส้นทางสู่อนาคตการเงินที่มั่นคงไปด้วยกัน
#THEMONEY
โฆษณา