Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
DoctorWantTime
•
ติดตาม
10 ก.ค. เวลา 01:32 • หุ้น & เศรษฐกิจ
📘 จิตวิทยาการลงทุน (The Psychology of Investing)
โดย John R. Nofsinger แปลไทยโดย พิริยะ พาณิชย์ชะวงศ์ หนังสือเล่มนี้ช่วยให้เราเข้าใจว่า “คน” ไม่ได้ลงทุนด้วยเหตุผลเพียงอย่างเดียว แต่ “อารมณ์ ความรู้สึก และอคติ” มีบทบาทสำคัญ จึงอยากสรุปบางประเด็นสำคัญที่นักลงทุนมักพลาด มาแบ่งปันกัน
1. 🧠 Overconfidence — มั่นใจในตัวเองเกินไป
เมื่อเราลงทุนแล้วได้กำไร มักคิดว่าเพราะเราเก่ง แต่ถ้าขาดทุน มักโทษดวง โทษตลาด หรือโทษคนอื่น ยิ่งกำไรบ่อย ยิ่งมั่นใจเกินจริง → ประเมินความเสี่ยงต่ำลง
ผลคือ:
* กล้าลงทุนมากเกินไป
* กระจายความเสี่ยงน้อย
* เสี่ยงพอร์ตเสียหายตอนตลาดเปลี่ยนทิศ
ตัวอย่าง: ช่วงตลาดขาขึ้น คนส่วนใหญ่ทำกำไรได้ง่าย → คิดว่าตัวเอง “เจ๋ง” → กล้าซื้อหุ้นเสี่ยงขึ้นเรื่อย ๆ
2. 📉 Disposition Effect — ขายตัวที่ได้กำไรเร็วเกิน / ถือขาดทุนนานเกิน
เพราะเรา "ดีใจเวลาได้กำไร" และ "ไม่อยากยอมรับความผิดพลาด" เลยรีบขายหุ้นที่มีกำไรเพื่อเก็บความภูมิใจไว้ และไม่กล้าขายหุ้นขาดทุนเพราะไม่อยากรับรู้ว่า “เราตัดสินใจผิด”
คำพูดที่ได้ยินบ่อย: “ยังไม่ขาย ยังไม่ขาดทุน” 😓
วิธีรับมือ:
* วางแผนก่อนลงทุนว่า “จะขายเมื่อไหร่”
* มีวินัยในการทำตามแผน ไม่ใช่ตามอารมณ์
3. 🧾 Mental Accounting — บัญชีในใจ
เรามักแยกการลงทุนแต่ละตัวออกจากกันในสมอง เหมือนเปิด “แฟ้มใหม่” ทุกครั้งที่ซื้อหุ้น โดยไม่มองว่า พอร์ตโดยรวมของเรามีความเสี่ยงมากน้อยแค่ไหน
ตัวอย่าง: การซื้อหุ้นที่มีลักษณะธุรกิจเดียวกันหมดในพอร์ตการลงทุน ทำให้พอร์ตมีความเสี่ยงได้มาก ถ้าธุรกิจนี้มีปัญหา
ดังนั้นควรมองปฏิสัมพันธ์ระหว่างการลงทุนใหม่กับพอร์ตโดยรวมที่มีอยู่แล้วด้วย
4. 🎰 House Money Effect — เสี่ยงมากขึ้นเมื่อได้กำไร
เมื่อได้กำไรจากหุ้น กำไรนั้นอาจรู้สึกเหมือน "เงินฟรี" → กล้าเอาไปเสี่ยงกับหุ้นที่ปกติไม่กล้าลงทุน
เช่น: ลงทุน 100,000 → ขายได้ 150,000 → เอากำไร 50,000 ไปลงหุ้นเสี่ยง → คิดว่า “ขาดทุนก็แค่เงินที่ได้มาเปล่า ๆ” แต่จริง ๆ คือ “เงินของเราเหมือนกัน ควรดูแลเท่า ๆ กัน”
5. 🐍 Snake Bite Effect — กลัวการลงทุน เพราะเคยเจ็บ
เคยลงทุนแล้วพัง → กลัว → ไม่กล้ากลับเข้ามาอีก เหมือนคนเคยโดนงูกัด → กลัวไปตลอดชีวิต
ผลเสีย:
* อาจพลาดโอกาสดีในการลงทุนอนาคต
* ปล่อยเงินไว้เฉย ๆ ไม่ให้ทำงาน
6. 👥 Herding — ทำตามคนหมู่มาก
เห็นคนอื่นซื้อหุ้นตัวนั้นเยอะ เราก็อยากซื้อตาม เพราะไม่อยาก “ตกขบวน” หรือรู้สึกว่า “เขารู้อะไรมากกว่าหรือเปล่า”
ผลคือ:
* ราคาหุ้นอาจพุ่งเกินพื้นฐาน
* หรือร่วงแรงเวลาคนแห่ขาย → เจ็บหนักเพราะลงทุนตาม “กระแส” แทนที่จะวิเคราะห์เอง
7. 🧩 Representativeness & Familiarity — ชอบของที่คุ้นเคย
สมองใช้ “ทางลัด” ตัดสินใจจากสิ่งที่คุ้น
เวลาที่เราคุ้นเคยอยู่กับสิ่งใดแล้ว จะมีมุมมองที่บิดเบือนได้ นักลงทุนจะมองหาการลงทุนที่คุ้นเคย ทำให้มีการกระจายความเสี่ยงที่ต่ำไป
เช่น หุ้นตัวที่เคยกำไรดี → คิดว่าจะดีเสมอ หรือลงทุนเฉพาะในประเทศเพราะรู้สึกปลอดภัยกว่า โดยยังไม่ได้ลองศึกษา → พลาดการกระจายความเสี่ยง / โอกาสใหม่ ๆ
🔎 สรุป:
การลงทุนไม่ใช่แค่เรื่องของ “ข้อมูล” หรือ “ตัวเลข” แต่คือเรื่องของ “คน” ที่มีอารมณ์ ความกลัว ความโลภ และอคติเต็มไปหมด การรู้เท่าทัน “จิตวิทยาของตัวเอง” คือทักษะสำคัญที่จะช่วยให้เราไม่หลงทางในการลงทุน
#หมอยุ่งอยากมีเวลา #จิตวิทยาการลงทุน #ลงทุนแบบมีสติ #เข้าใจตัวเองก่อนเข้าใจตลาด
การลงทุน
การเงิน
หุ้น
1 บันทึก
1
1
1
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย