10 ก.ค. เวลา 16:32 • ปรัชญา
สมมติฐานโลกจำลอง เราอาจกำลังอาศัยอยู่ในจักรวาลที่ถูกจำลองโดยอารยธรรมขั้นสูง ซึ่งสามารถสร้างความจริงเสมือนในระดับอะตอม หรือแม้แต่ควอนตั้ม ถ้าอารยธรรมสามารถจำลองความเป็นจริงได้โดยสมบูรณ์ แล้วจำลองหลายๆครั้ง ความน่าจะเป็นที่เราอยู่ในโลกจริง กลับกลายเป็นน้อยมาก ซึ่งหมายความว่า ความเป็นไปได้ที่เรากำลังอยู่ในโลกจำลองนั้นมีสูงมาก
แต่คำถามคือ ถ้าเราอยู่ในโลกจำลอง แล้วตัวเราก็ถูกจำลอง งั้นเราก็ไม่จริงน่ะสิ
ในมุมพุทธศาสนา
พุทธะตอบคำถามนี้มาแล้ว 2,500 ปีก่อน ผ่านคำว่า อนัตตา และ สังขตธรรม ครับ
อัตตา (ตัวตนแท้) ไม่มีจริง ทุกสิ่งที่ประกอบขึ้นมา ล้วนเป็นของชั่วคราว ถูกปรุงแต่ง (สังขาร)
แม้แต่ ความเป็นตัวเรา ก็เป็นเพียงชุดของข้อมูลที่ไหลเวียนในขันธ์ห้า รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
ดังนั้น แม้ไม่ใช่โลกจำลอง โลกนี้ก็ยังเป็นภาพมายา (มายา/อุปาทาน) ที่จิตตีความตามเงื่อนไขของกายและจิต เช่นเดียวกับโลกในฝัน หรือในจอภาพ
พุทธจึงสอนว่า รู้ว่าโลกคือมายา ไม่ใช่เพื่อปฏิเสธมัน แต่เพื่อหลุดพ้นจากการยึดมั่นมันต่างหาก
ลองจินตนาการว่า เราเป็นแค่ตัวละครในซอฟต์แวร์จักรวาล ที่กำลังเล่นบทบาทในเกมชีวิต การตื่นรู้ในพุทธะจึงไม่ต่างอะไรกับการรู้ตัวว่าเราอยู่ในเกม แล้วไม่ถูกควบคุมโดยอัลกอริธึมอีกต่อไป นั่นคือ "นิพพาน"ครับผม
โฆษณา